นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการศาลยุติธรรม กล่าวถึงการเดินหน้าโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาใหม่ ซึ่งล่าสุดนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร ระบุว่าได้ลงนามส่งหนังสือไปยังประธานศาลฎีกา และเลขาธิการศาลยุติธรรม ขอให้ชะลอการรื้อถอนอาคารเก่า 2 ในกลุ่มศาลฎีกาไว้ก่อน ว่าส่วนตัวยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งกรมศิลปากร และยังไม่เคยเห็นหนังสือที่ขอให้ชะลอการรื้อถอนอาคาร ขณะที่การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารศาลฎีกายังต้องมีต่อไป ยืนยันว่าศาลไม่ได้ดำเนินการใด ๆ โดยพลการ เพราะก่อนจะสรุปแผนโครงการก่อสร้างได้คุยกันชัดเจนแล้ว ในช่วงปี 2552 -2553 ก็มีการพูดคุยกันต่อหน้าของผู้ที่เกี่ยวข้อง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมขณะนั้น คือนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เรียกว่าทุกอย่างคุยกันไปหมดแล้ว โครงการก็เดินหน้าไปแล้ว ถ้าจะมาขอให้ชะลอตอนนี้คงต้องพูดคุยกันให้ชัดถึงสิ่งที่เคยตกลงกันจนได้ข้อยุติไปแล้ว
นายวิรัชกล่าวต่อว่าเมื่อตนมารับตำแหน่งเลขาธิการศาลยุติธรรมก็ยังเคยถูกถามและต่อว่า จากผู้พิพากษาส่วนใหญ่เลยว่าเมื่อใดจะดำเนินการก่อสร้างตามโครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอดีต และคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ตั้งมาเคยเห็นชอบ เนื่องจากผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยจากสภาพอาคารที่ทรุดโทรม ขณะที่กลุ่มอาคารในโครงการสร้างใหม่นี้เราไม่ใช่ผู้ริเริ่มด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดีการก่อสร้างอาคารใหม่ต้องถือว่าเพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่ศาลฎีกาจะมีอาคารเป็นของตัวเอง เป็นอาคารของศาลฎีกาอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้อาคารที่ใช้เป็นศาลฎีกาเคยเป็นอาคารศาลแพ่งมาก่อน ส่วนอาคารอื่นก็เป็นศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ผ่านมาจึงเสมือนว่าศาลฎีกาใช้อาคารอื่นเป็นที่ทำการ
การก่อสร้างอาคารใหม่ตามแบบความเห็นชอบที่กระทำในรูปคณะกรรมการ ฯ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ขณะที่การก่อสร้างอาคารยังคงความมุ่งหมายศาลฎีกาในการทำหน้าที่ประสิทธิประศาสตร์ความยุติธรรมให้กับประชาชน
.
.
.
.
ให้มันรู้ม่างใครหญ่ายยยย ....555555 I am the LAW สาระขันแลนด์
ศาลยุติธรรมยันเดินหน้าโครงการสร้างอาคารใหม่ศาลฎีกา
นายวิรัชกล่าวต่อว่าเมื่อตนมารับตำแหน่งเลขาธิการศาลยุติธรรมก็ยังเคยถูกถามและต่อว่า จากผู้พิพากษาส่วนใหญ่เลยว่าเมื่อใดจะดำเนินการก่อสร้างตามโครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอดีต และคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ตั้งมาเคยเห็นชอบ เนื่องจากผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยจากสภาพอาคารที่ทรุดโทรม ขณะที่กลุ่มอาคารในโครงการสร้างใหม่นี้เราไม่ใช่ผู้ริเริ่มด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดีการก่อสร้างอาคารใหม่ต้องถือว่าเพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่ศาลฎีกาจะมีอาคารเป็นของตัวเอง เป็นอาคารของศาลฎีกาอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้อาคารที่ใช้เป็นศาลฎีกาเคยเป็นอาคารศาลแพ่งมาก่อน ส่วนอาคารอื่นก็เป็นศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ผ่านมาจึงเสมือนว่าศาลฎีกาใช้อาคารอื่นเป็นที่ทำการ
การก่อสร้างอาคารใหม่ตามแบบความเห็นชอบที่กระทำในรูปคณะกรรมการ ฯ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ขณะที่การก่อสร้างอาคารยังคงความมุ่งหมายศาลฎีกาในการทำหน้าที่ประสิทธิประศาสตร์ความยุติธรรมให้กับประชาชน
.
.
.
.
ให้มันรู้ม่างใครหญ่ายยยย ....555555 I am the LAW สาระขันแลนด์