ลงทุนLTFรวยพุ่ง50%กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว

กระทู้สนทนา
วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม 2012 เวลา 16:49 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การเงิน Financial - คอลัมน์ : การเงิน Financial


ตลาดหุ้นไทยในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 30% และวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทะยานขึ้นไปที่ระดับ 1,350 จุด ถือเป็นจุดสูงสุดของปี และสูงสุดในรอบ 16 ปี

จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกมาเตือนนักลงทุนให้ติดตามข่าวสารอย่างรอบด้าน

      การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นส่งผลให้กองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF ) ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีสร้างผลตอบแทนที่ดีถ้วนหน้า โดยบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF ) ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน หรือในรอบ 11 เดือนกว่า ที่ผ่านมา  (4 มกราคม-12 ธันวาคม 2555)โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับมีดังนี้

   อันดับแรก  กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 49.53% อันดับ 2 กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 47.77% อันดับ 3 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 46.61% อันดับ 4 กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยบรรษัทหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 46.56% อันดับ 5 กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผลหุ้นระยะยาว  ให้ผลตอบแทน 44.16% (ดูตารางประกอบ)

   สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับรางวัลกองทุนLTF ยอดเยี่ยมปี 2553 และปี 2555 จากนิตยสารมันนี่ แอนด์ เวลทธ์  โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาของมอร์นิ่งสตาร์  ให้ผลตอบแทนในรอบ 11 เดือนที่  37% ขณะที่ให้ผลผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 36.87% ,ย้อนหลัง 3 ปีที่ 35.49% และย้อนหลัง 5 ปีที่ 19.37%

   นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า  จากผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นของบลจ.บัวหลวฯที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเป็นที่น่าพอใจ ส่งผลให้ลูกค้าจำนวนมากให้ความสนใจทยอยเข้าสั่งซื้อและขยายการลงทุนมาให้บริษัทบริหารจัดการต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

   จากกรณีที่มีเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนลดหย่อนภาษีที่อยู่ภายใต้การบริหารของบลจ.บัวหลวงฯจำนวนมาก นายวศินกล่าวว่าทำให้ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว (B-LTF) อีกหมื่นล้านบาท  จาก 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 2.5 หมื่นล้านบาท

    "หลังจากกองทุนมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนที่ต้องการรับสิทธิลดหย่อนภาษีจำนวนมาก ทำให้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมที่ลงทุนต่อเนื่องตลอดช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ขนาดกองทุนดังกล่าวเติบโตขึ้นตามลำดับ" นายวศินกล่าว

    ก่อนหน้านี้ (6 พฤศจิกายน 2555)บลจ.บัวหลวงฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 (BLTF75) ซึ่งเป็นกองทุนLTF อีกกองที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน โดยเพิ่มทุนจาก 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท

    นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรีฯ กล่าวว่า กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล  ถือเป็นกองทุนดาวเด่นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ส่งผลให้กองทุนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม เนื่องจากมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ

    พร้อมกันนี้แนะนำให้นักลงทุนทยอยลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างสม่ำเสมอด้วยวงเงินเท่าๆกันรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ (Dollar Cost Averege : DCA) หรือการลงทุนแบบเฉลี่ยราคา เช่น ลงทุนทุกเดือน, ทุก 2 เดือน หรือทุกไตรมาส จนครบตามจำนวนเงินที่ต้องการซื้อในปีนั้นๆโดยไม่ต้องกังวลว่าสภาวะตลาดในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้การลงทุนแบบ DCA จะช่วยลดความผันผวนที่มีค่อนข้างสูงจากการลงทุนในหุ้น รวมทั้งเฉลี่ยต้นทุนในการซื้อให้ถูกกว่าราคาเฉลี่ยของตลาด และควรเริ่มลงทุนตั้งแต่ต้นปีเนื่องจากราคาหุ้นซึ่งต้นปีมักจะมีราคาถูกกว่าช่วงปลายปี ส่วนการจับจังหวะตลาดไม่ได้มีความสำคัญนัก เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว

   นอกจากนี้ควรทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างน้อยปีละครั้ง และปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุน หรือวัตถุประสงค์ของการลงทุนที่เปลี่ยนไปเพื่อเป็นการเพิ่มผลตอบแทนหรือลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้

   นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหารบลจ. กสิกรไทยฯ  เปิดเผยว่า บริษัทมีกองทุน LTF ภายใต้การบริหารที่มีผลงานโดดเด่น  2 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว(KEQLTF)และกองทุนเปิด เค หุ้นระยะยาวปันผล(KDLTF) ปัจจุบันพอร์ตของกองทุนดังกล่าวได้ให้น้ำหนักในหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ สื่อและสิ่งพิมพ์ สื่อสาร อาหารและเครื่องดื่ม ก่อสร้าง และปิโตรเคมี เป็นต้น

   นายคมศร ประกอบผล ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้เวลทธ์ กล่าวว่า แม้กฎหมายจะกำหนดว่ากองทุน LTF ต้องลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของกองทุนก็ตาม แต่กองทุน LTF ก็ยังมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย เช่น LTF ที่มีการจำกัดการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ซึ่งถือเป็นกองทุนที่เสี่ยงน้อย ไปจนถึงกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเต็มสัดส่วน 100%
   นอกจากนี้กองทุน LTF ยังมีความแตกต่างในด้านนโยบายการจ่ายปันผลซึ่งจะมีผลในประเด็นเรื่องภาษี เนื่องจากเงินปันผลที่จ่ายจากกองทุนนั้นจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 10% ในขณะที่กำไรจากการขายหน่วยลงทุนที่ครบกำหนดนั้นจะได้รับยกเว้นภาษี ซึ่งทำให้กองทุน LTF ประเภทที่จ่ายปันผลนั้นเสียเปรียบในส่วนนี้ ดังนั้นกองทุน LTF ประเภทไม่จ่ายปันผลจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็น และไม่ได้มีความต้องการรายได้จากเงินลงทุนก้อนนี้ในช่วงที่กองทุนยังไม่ครบกำหนด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,801 วันที่  16-19  ธันวาคม พ.ศ. 2555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่