เสียงร้องของลูกน้อย มันช่างเป็นเสียงที่คนเป็นพ่อแม่รู้สึกทุกข์ใจอย่างยิ่ง คงจะดีไม่น้อยถ้าเรารู้รหัสเสียงร้องของเด็กทารก วันนี้ได้นำบทความเกี่ยวกับเสียงร้องมาฝากเพื่อนๆ เผื่อใครมีน้องยังเล็กอยู่ หรือเผื่อเพื่อนบางคนมีลูกน้อยวัยแรกเกิด จะได้หัดสังเกตุเพื่อจะได้ดูแลลุกรักด้วน้อยให้มีความสุขทั้งครอบครัว
ถอดรหัสเสียงร้องของลูก (Mother & Care)
เสียงร้องไห้กับเด็กตัวเล็ก ๆ เป็นเรื่องปกติที่พบได้ แต่บางครั้ง บางเวลา พ่อแม่ก็ไม่สามารถจัดการกับเสียงร้องไห้ของลูกได้ดั่งใจ กลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต เรื่องเครียดในเวลาต่อมา ดังนั้น การเรียนรู้เข้าใจที่มาของเสียงร้อง จะช่วยให้คุณใจเย็น มั่นใจได้มากขึ้น และมีความสุขกับการเลี้ยงดูลูกครับ
ลูกร้องไห้ คือการสื่อสาร
ตั้งแต่แรกเกิดลูกไม่สามารถพูดได้ การร้องไห้จึงเป็นวิธีที่ลูกใช้สื่อสารกับผู้เลี้ยงให้รู้ถึงความต้องการว่า หิว ปวดท้อง เบื่อ เจ็บ ไม่สบายตัว หรือปลดปล่อยความเครียดจากการปรับตัวทั้งวัน เป็นการปรับตัวจากการนอนอย่างสบายในท้องแม่ มาสู่สิ่งแวดล้อมที่ยังไม่คุ้นเคย เมื่อเลยจากนี้ไป 3 เดือนก็จะดีขึ้น มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า แม่สามารถแยกแยะลักษณะการร้องได้หลังจากคลอด 3 สัปดาห์ และอาจแยกเสียงร้องของลูกตัวเองจากเสียงร้องของลูกคนอื่นหลังจากคลอดได้ 3 วัน
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เด็กแต่ละคนมีลักษณะที่ต่างกัน สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
กลุ่มแรก ทําอย่างไรก็ไม่ร้อง กินนมเสร็จก็นอนหลับยาว 4 ชั่วโมง พอหิวก็ตื่น ร้องแอ๊ะ ๆ เบา ๆ กินนมเสร็จก็นอน
กลุ่มที่ 2 ทําอย่างไรก็ร้อง ไม่ว่าจะ อุ้ม เดิน ร้องกล่อม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือให้นม
กลุ่มที่ 3 ร้องแบบปกติ คือเริ่มร้องเมื่ออายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ ร้องมากสุดช่วงประมาณเดือนครึ่ง และเริ่มเข้าที่เข้าทาง ลูกร้องน้อยลงเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 3-4
เสียงร้องไห้ของลูกบอกอะไร
ลักษณะเสียงร้องไห้ต่อไปนี้ บางทีอาจเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณสังเกตและเข้าใจได้ว่าลูกกําลังบอกอะไร
หิว : มักเป็นการร้องเสียงต่ำและสั้น ขึ้นและลงเป็นจังหวะ เสียงคล้ายจะบอกว่า กรุณาให้นมหนูเถอะ และลูกแสดงออกกับคุณว่าหิว เช่น ดูดนิ้ว ทําเสียงจ๊วบจ๊าบร่วมด้วย
เจ็บ : เป็นการร้องทันทีทันใด เสียงแหลม สูง ดัง หรืออาจนานแล้วก็หยุด เพื่อหายใจสัก 2-3 วินาที แล้วก็ร้องเสียงแหลมสูงอีก เช่น เวลาที่ลูกถูกฉีดยา
เบื่อ : มักเริ่มจากเสียงอ้อแอ้ พยายามหาคนคุยด้วย พอไม่มีใครจะเริ่มหงุดหงิด แล้วก็ระเบิดเสียงร้อง สลับกับการร้อง คล้าย ๆ เสียงบ่นพออุ้มก็หยุดร้อง
เหนื่อยและไม่สบายตัว : อาจเป็นเสียงร้องครางขึ้นจมูก และเสียงค่อย ๆ ดังขึ้น ในกรณี เฉอะแฉะ เปียกชื้น
เจ็บป่วย : เป็นเสียงเบา ๆ คล้ายไม่มีแรง เสียงจะต่ำกว่าการร้องแบบเจ็บ มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไม่กิน มีไข้ ซึม ท้องเดิน จัดเป็นเสียงที่ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วน
เสียงร้องไห้ของลูก...ดูแลไม่ยาก
ตอบสนองต่อเสียงร้อง : เป็นวิธีแรกที่สื่อให้ลูกรู้ว่า เมื่อร้องจะมีคนสนใจตอบสนองเสียงร้อง ลูกรู้สึกได้ถึงความมั่นคงและปลอดภัย
ประเมินสถานการณ์ : ว่าแฉะไหม หิว น่าจะเบื่อ หนาว ร้อน กรณีที่ลูกปวดท้อง อาจเป็นการยากที่จะสรุปว่าลูกร้องมากเพราะปวดท้อง ก็อาจลองทามหาหิงค์ เด็กบางคนอาจมีการให้ยา simethicone เช่น แอร์เอ็กซ์ แต่ทางที่ดีวิธีง่าย ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ขอแค่จิตใจแม่สงบ มีพ่ออยู่เป็นกําลังใจ ก็ช่วยได้มากยิ่งอุ้ม ยิ่ง (ไม่) ร้อง
ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน และอบอุ่นจากการอุ้มลูกไว้แนบอก : จะทําให้อารมณ์ของลูกมั่นคง ผ่อนคลาย (โดยเฉพาะช่วงเดือนแรก) มีความสอดคล้องกับการศึกษาในปัจจุบันว่า ถ้าอุ้มอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน ทารกจะร้องน้อยลง
ประเภทร้อง 3 เดือนหรือเรียกว่า โคลิก ตามตําราบอกว่า ร้องอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย (ยังไม่มีใครทราบแน่นอน มักเกิดในลูกคนแรก) การใช้วิธีอุ้มแนบอกเพื่อช่วยสยบเสียงร้องสามารถช่วยได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าลูกไม่หยุดร้อง การหาคนช่วยอุ้ม หรือเปลี่ยนบรรยากาศก็เป็นหนึ่งทางเลือกครับ
ที่มา:
http://yanchaow.com/view1383.aspx
ถอดรหัส เสียงร้องของทารก รู้ไหมลูกบอกอะไรพ่อแม่
ถอดรหัสเสียงร้องของลูก (Mother & Care)
เสียงร้องไห้กับเด็กตัวเล็ก ๆ เป็นเรื่องปกติที่พบได้ แต่บางครั้ง บางเวลา พ่อแม่ก็ไม่สามารถจัดการกับเสียงร้องไห้ของลูกได้ดั่งใจ กลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต เรื่องเครียดในเวลาต่อมา ดังนั้น การเรียนรู้เข้าใจที่มาของเสียงร้อง จะช่วยให้คุณใจเย็น มั่นใจได้มากขึ้น และมีความสุขกับการเลี้ยงดูลูกครับ
ลูกร้องไห้ คือการสื่อสาร
ตั้งแต่แรกเกิดลูกไม่สามารถพูดได้ การร้องไห้จึงเป็นวิธีที่ลูกใช้สื่อสารกับผู้เลี้ยงให้รู้ถึงความต้องการว่า หิว ปวดท้อง เบื่อ เจ็บ ไม่สบายตัว หรือปลดปล่อยความเครียดจากการปรับตัวทั้งวัน เป็นการปรับตัวจากการนอนอย่างสบายในท้องแม่ มาสู่สิ่งแวดล้อมที่ยังไม่คุ้นเคย เมื่อเลยจากนี้ไป 3 เดือนก็จะดีขึ้น มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า แม่สามารถแยกแยะลักษณะการร้องได้หลังจากคลอด 3 สัปดาห์ และอาจแยกเสียงร้องของลูกตัวเองจากเสียงร้องของลูกคนอื่นหลังจากคลอดได้ 3 วัน
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เด็กแต่ละคนมีลักษณะที่ต่างกัน สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
กลุ่มแรก ทําอย่างไรก็ไม่ร้อง กินนมเสร็จก็นอนหลับยาว 4 ชั่วโมง พอหิวก็ตื่น ร้องแอ๊ะ ๆ เบา ๆ กินนมเสร็จก็นอน
กลุ่มที่ 2 ทําอย่างไรก็ร้อง ไม่ว่าจะ อุ้ม เดิน ร้องกล่อม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือให้นม
กลุ่มที่ 3 ร้องแบบปกติ คือเริ่มร้องเมื่ออายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ ร้องมากสุดช่วงประมาณเดือนครึ่ง และเริ่มเข้าที่เข้าทาง ลูกร้องน้อยลงเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 3-4
เสียงร้องไห้ของลูกบอกอะไร
ลักษณะเสียงร้องไห้ต่อไปนี้ บางทีอาจเป็นข้อมูลที่ช่วยให้คุณสังเกตและเข้าใจได้ว่าลูกกําลังบอกอะไร
หิว : มักเป็นการร้องเสียงต่ำและสั้น ขึ้นและลงเป็นจังหวะ เสียงคล้ายจะบอกว่า กรุณาให้นมหนูเถอะ และลูกแสดงออกกับคุณว่าหิว เช่น ดูดนิ้ว ทําเสียงจ๊วบจ๊าบร่วมด้วย
เจ็บ : เป็นการร้องทันทีทันใด เสียงแหลม สูง ดัง หรืออาจนานแล้วก็หยุด เพื่อหายใจสัก 2-3 วินาที แล้วก็ร้องเสียงแหลมสูงอีก เช่น เวลาที่ลูกถูกฉีดยา
เบื่อ : มักเริ่มจากเสียงอ้อแอ้ พยายามหาคนคุยด้วย พอไม่มีใครจะเริ่มหงุดหงิด แล้วก็ระเบิดเสียงร้อง สลับกับการร้อง คล้าย ๆ เสียงบ่นพออุ้มก็หยุดร้อง
เหนื่อยและไม่สบายตัว : อาจเป็นเสียงร้องครางขึ้นจมูก และเสียงค่อย ๆ ดังขึ้น ในกรณี เฉอะแฉะ เปียกชื้น
เจ็บป่วย : เป็นเสียงเบา ๆ คล้ายไม่มีแรง เสียงจะต่ำกว่าการร้องแบบเจ็บ มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไม่กิน มีไข้ ซึม ท้องเดิน จัดเป็นเสียงที่ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วน
เสียงร้องไห้ของลูก...ดูแลไม่ยาก
ตอบสนองต่อเสียงร้อง : เป็นวิธีแรกที่สื่อให้ลูกรู้ว่า เมื่อร้องจะมีคนสนใจตอบสนองเสียงร้อง ลูกรู้สึกได้ถึงความมั่นคงและปลอดภัย
ประเมินสถานการณ์ : ว่าแฉะไหม หิว น่าจะเบื่อ หนาว ร้อน กรณีที่ลูกปวดท้อง อาจเป็นการยากที่จะสรุปว่าลูกร้องมากเพราะปวดท้อง ก็อาจลองทามหาหิงค์ เด็กบางคนอาจมีการให้ยา simethicone เช่น แอร์เอ็กซ์ แต่ทางที่ดีวิธีง่าย ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ขอแค่จิตใจแม่สงบ มีพ่ออยู่เป็นกําลังใจ ก็ช่วยได้มากยิ่งอุ้ม ยิ่ง (ไม่) ร้อง
ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน และอบอุ่นจากการอุ้มลูกไว้แนบอก : จะทําให้อารมณ์ของลูกมั่นคง ผ่อนคลาย (โดยเฉพาะช่วงเดือนแรก) มีความสอดคล้องกับการศึกษาในปัจจุบันว่า ถ้าอุ้มอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน ทารกจะร้องน้อยลง
ประเภทร้อง 3 เดือนหรือเรียกว่า โคลิก ตามตําราบอกว่า ร้องอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย (ยังไม่มีใครทราบแน่นอน มักเกิดในลูกคนแรก) การใช้วิธีอุ้มแนบอกเพื่อช่วยสยบเสียงร้องสามารถช่วยได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าลูกไม่หยุดร้อง การหาคนช่วยอุ้ม หรือเปลี่ยนบรรยากาศก็เป็นหนึ่งทางเลือกครับ
ที่มา: http://yanchaow.com/view1383.aspx