ในบางครั้งชีวิตมันช่างสบสน เลยต้องหาสถานที่สักแห่งไปใช้ชีวิตอย่างช้าๆ มีเวลาให้กับตัวเองได้คิดทบทวนสิ่งต่างๆ ได้เปิดโลกของเราให้กว้างขึ้นได้เจอมิตรภาพมากมายระหว่างเส้นทางที่เราเดิน ความสุขกับการได้พบเห็นพบเจอ ความสุขที่เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและเพื่อหยุดพักและหลีกหนีความวุ่นวายสักหน่อย แต่เงินในกระเป๋ามันมีน้อยจะทำไงดี
ทริปนี้มันเกิดจากความเบื่อๆชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองกรุงเลยอยากไปใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ช้าๆ ไม่มีห่านอะไรให้กังวลใจสักเท่าไร แต่ก้ไม่รุ้จะไปที่ไหนบังเอิยมาเจอมิวสิควีดีโอของพี่เบิร์ดเข้า เพลง"เขียนคำว่ารัก" เท่านั้นแหละมันโดนเลยอ่ะ ไม่ใช่เพลงนะแต่เป็นสถานที่ถ่ายเอ็มวี เลยหาข้อมูลว่าเค้าไปถ่ายที่ไหนจนได้ข้อมูลว่าสถานที่ถ่ายทำคือ"หมู่บ้านแม่กำปอง" เอาฟ่ะ!!! ตกลงเป็นที่นี้แหละ พอนั่งหาข้อมูลไปข้อมูลมาและก็นั่งเล่นเฟซบุ๊คไปด้วยก็มีเพื่อนคนไหนสักคนโพสรูปที่พักสักที่หนึ่ง(เอาจริงๆตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน) แค่เห็นก็อุทานคนเดียวดังๆ ห่านเอ๊ยวิวแบบนี้มันสวรรคชัดๆเลยดุว่าที่เพื่อนมันถ่ายมาคือที่ไหนกันแน่ มาถึงบางอ้อว่ามันคือ"บ้านระเบียง"ดาวที่อำเภอเชียงดาวที่เชียงใหม่นี้เองๆ ไหนๆก็จะไปเชียงใหม่ทั้งทีแถมสองที่นี้ก็อยู่เชียงใหม่ไปมันสองที่เลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันว่าจะไปกันยัง จนเริ่มต้นของทริปนี้มันเลยเกิดขึ้น

เมื่อเรารู้ว่าปลายทางเราจะไปที่ไหนกันแล้วเราก็มาดูว่าเราจะไปยังไงให้ประหยัดและใกล้ที่สุด ลองสืบเสาะคนหาดูก็ว่าว่ามีรถทัวร์ที่ตัวอำเภอเชียงดาวด้วยอะ เลยทำการไซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนและหลังจากนั้นก็โทรไปจองที่พัก ที่เเรกที่เราจะไปคือบ้านระเบียงดาว ที่พักสุดฮอตฮิตของใครหลายคนๆเลยแต่จะพักที่นี้ได้มันไม่ใช่ง่ายนะนะ ไม่ใช่ที่พักเค้าเป็นที่พักระดับห้าดาวเลิศหรูอลังการแต่อย่างได้แต่วิวของที่พักนี้บอกเลยว่าอลังมากๆและที่สำคัญจะจองที่พักยากมากๆเราโทรทุกวันวันละหลายรอบกว่าจะติด เพราะบนนั้นไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ โทรติดเราก็ทำการจองบ้านพักหนึ่งหลัง โชคดีเราไปวันธรรมดาเลยมีห้องว่างอยู่พอสมควร ถ้าเราอาทิตย์นี้เต็มตลอดเลย

การเดินทางมาที่อำเภอเชียงดาวเพื่อไปบ้านระเบียงมาได้หลายวิธี
1.รถทัวร์จากกรุงเทพมา อ.เชียงดาว มีให้บริการ 2 บริษัท คือ บขส.999 และ นิววิริยะทัวร์ สายกรุงเทพ-ท่าตอน ลงระหว่างทางเชียงดาว ค่ารถก็ประมาณ 590 บาท แล้วต่อรถสองแถว สายเชียงดาว-เมืองคองซึ่งเป็นสายเดียวที่ผ่านบ้านระเบียงดาวนะตามคำแนะนำของพี่นิคมเจ้าของบ้านระเบียงดาว
2.เครื่องบิน(มีหลายสายให้เลือกทั้งAirasia,Lion Air, Nok Air,Thai Smile )ถ้าใครไม่อยากนั่งรถนานก็นั่งเครื่องมาลงเชียงใหม่แล้วนั่งสองแถวแดงมาลงที่สถานีขนส่งช้างเผือกแล้วต่อรถเชียงใหม่-ท่าตอน วึ่งมีทั้งรถทัวร์ รถสองแถว คันสีส้มๆราคาก็ 40 บาท หรือจะเป็นรถตู้ก็มีนะ
3.รถทัวร์จากกรุงเทพมาลงเชียงใหม่แล้วนั่งสองแถวแดงมาลงที่สถานีขนส่งช้างเผือกแล้วต่อรถเชียงใหม่-ท่าตอนหรือเช่ามอเตอไซจากเชียงใหม่แว้นๆไปก็ได้ ระยะทางก็ประมาณ 80 กิโลเอง ขำขำ
เราเลือกนั่งบขส.999 รอบเวลา18:30 น.เป็นรถ ป.1 ถ้าเป็นวีไอพีก้พันต้นๆคือสู้ราคาไม่ไหว พอเลิกงานปุ้บก็นั่งรถไฟฟ้าต่อวินมอไวมาที่หมอชิตทันทีแบบว่ากลัวไม่ทันรถ และต้องมารอบอกคนขับกับพนักงานเผื่อเพื่อนอีกคนมาไม่ทันว่าให้รอก่อนเพราะเพื่อนกว่าจะเลิกงานก็เกือบหกโมงเย็น

รถออกมาจากหมอชิตปุ้บพวกเราก็ชัตดาวน์ตัวเองปั้บเก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ แต่จะหลับก็หลับไม่ลงมีตาลุงคนหนึ่ง ขาก

ๆๆตลอดทั้งคืน(ไม่รู้ว่าอะไรติดคอ สงสัยส้นTeen)น่ารำคาญมากๆไม่เกรงใจคนบนรถเลย มารู้ตัวอีกทีเราก็มาถึงเชียงดาวเป็นที่เรียบร้อย รถมาถึงประมาณ 06:30 น.บริเวณหน้าโรงแรมเชียงดาว อินน์

เราเดินเล่นชิลๆกับบรรยากาศเชียงดาวยามเช้า

เป้าหมายของเราอยู่บริเวณดอยหลวงเชียงดาวที่อย฿่เบื้องน่าเรานั้นเองแต่ก่อนอื่นต้องหารถไปให้ได้ก่อน

มาถึงเชียงดาวแล้วนะรู้ยัง

ชีวิตช้าๆเรียบง่าย พระ เณณเดินบิณฑบาตรยามเช้ากันเต็มไปหมด พวกเราเลยตักบาตรแบบหน้าตายังไม่ล้างนี้แหละ

หนูน้อยคนนี้น่ารักจัง แอบถ่ายมาสักรูปแล้วกัน

ใครไม่มีรถส่วนตัวมา รถเชียงดาว-เมืองคองจอดอยุ่ในซอยนี้นะ เป็นรถชาวบ้านที่ลงมาซื้อของหรือส่งคนในหมู่บ้านมาซื้อของซึ่งปกติจะมีรถกลับขึ้นไปรอบ 9 โมงและอีกทีก็บ่ายสองและสี่โมงเย็น ซึ่งเวลาเหล่านี้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับเช้าบ้านว่าเค้าตกลงกับคนขับรถยังไง ตอนแรกเราหารถไม่เจอเลยลองถามคนที่นั้น ถามก็ดันไปถามกับคนขับรถเมืองคองพอดี พี่เค้าบอกว่ารถจะออกแล้วสองคนก็ไป เราก็ดูเวลา เฮ้ย!!!เพิ่งจะ 7 โมงเอง ไหนพี่นิคมบอก 9 โมง เอ้าไปก็ไปเดี๋ยวหารถขึ้นไปบ้านระเบียงดาวไม่ได้ล่ะซวยเลย

ระยะทางจากเชียงดาวมาที่บ้านระเบียงดาวก็ประมาณ 18 กิโล จะมาที่นี้ต้องเซ็นเข้า-ออกที่ด่านตรวจป่าไม้ คือรถทุกคันต้องเซ็น
แผ่นที่มายังบ้านระเบียงดาว ภาพประกอบจากอากู๋
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทางมาบ้านระเบียงดาวร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สองข้างทางแต่ทางบางช่วงเป็นทางชันสลับโค้งขึ้นเขาเป็นบางช่วง

เรานั่งรถมาสักพักหนึ่งนั่งคุยกับพี่เค้าบ้างจนพี่เค้าบอกว่าขอเเวะซื้อกาแฟสักหน่อยเดี๋ยวไปส่งที่บ้านระเบียงดาว ไอ้เราก็นึกว่าไกลแต่แอบเห็นป้ายรางๆว่าบ้านนาเลาใหม่

พี่คนนี้แหละที่มาส่งเรา ถามชื่อแล้วแต่จำไม่ได้แต่ท้ายรถติดสติ๊กเกอร์โฮมสเตย์บ้านเมืองคอง ไว้โอกาศหน้าจะไปพักนะพี่

และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงบ้านระเบียงดาวซึ่งเดินจากที่พี่เค้าจอดซื้อกาแฟมานิดเดียวเอง พอพี่เค้ามาส่งเราที่บ้านระเบียงเราก็ถามว่าพี่ค่ารถเท่าไร พี่เค้าบอกแล้วแต่จะให้แล้วกัน(แล้วพวกผมจะไปรู้ได้ไงให้น้อยก็อย่ามาว่ากันนะ) พี่เค้าบอกงั้นสองคนร้อยเดียวก็พอ ตกลงตามนั้น 100 นะพี่

เมื่อมาถึงที่บ้านระเบียงดาววิวเบื้องหน้ามันทำให้เราได้แต่อุทานในใจว่า(เช็ดโด้ สวยชิหายเลย)

เราวางสัมภาระแล้วไปเช็คกับทางพนักงานว่ามีชื่อเราอยู่ในบุ้คกิ้งไหม ถ้าไม่มีทำไงแต่ดูพนักงานจะหาไม่เจอแต่ก็เช็คห้องให้เราและให้เรารอก่อน กอ่นที่จะพาเราไปเดินดูห้อง

บ้านแต่ละหลังก็จะมีระเบียงอยุ่ด้านหน้าเอาไว้นอนดูดาว

บ้านระเบียงดาวเป็นบ้านไม้ไผ่ ใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซล ถ้าใครจะชาร์ตไฟต้องมาชาร์ตที่ล็อบบี้นะ

ระหว่างที่เรานั่งรอห้อง เราก็ถ่ายรูปวิวตรงหน้าระเบียงแบบชิลๆ สบายๆ

เรามาถึงกันตั้งแต่ยังไม่ 8 โมง คือที่แรกก็กะว่าคงสักสิบโมงสิบเอ็ดโมงอะไรประมาณนี้ มาถึงก่อนทำไงล่ะก็นั่งรอกันต่อไป

ทริปนี้ผมพาผู้ช่วยมาด้วย...เจี๊ยกๆๆๆ

เมื่อเราได้ห้องแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร(จริงๆ) สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี กิจกรรมก้ไม่มีเลยตัดสินใจเดือนสำรวจแถวที่พักสักหน่อยละกัน

ต้นไม้บริเวณบ้านระเบียงดาวน่าจะเป้นพวกสนนะแต่สนกี่ใบอันนี้ผมไม่สนหรอก

เจออะไรก็ถ่ายไปเรื่อย คือบรรยากาศรอบมันสวยมากๆ เงียบสงบ นี้ถ้าหน้าหนาวคงฟินกว่านี้แน่ๆเลย

คือต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่รู้จะทำอะไรจริงๆไม่มีหนังสือหรืออะไรมา เลยขอใช้เวลาชิลๆช้าๆเสพธรรมชาติรอบกายแทนละกัน สโลวไลฟ์สมใจเลย

เรานั่งกันอยู่บริเวณนั้นสักพักจนเราไปเจออะไรบ้างอย่างเข้าเลยรีบโกยอ้าว ก่อนจะมาแวะพักอีกที่พักหนึ่งชื่อบ้านวิวดอยหลวง วิวสวยคนละแบบกับบ้านระเบียงดาว แถมลมเย็นมากๆจนเกือบจะหลับเลยทีเดียว
อยากไปก็ไปเหอะ...จะรออะไร แบกเป้สะพายกล้องไปใช้ชีวิตSlow Lifeหน้าฝนที่ระเบียงดาว+แม่กำปองแบบจนๆประสาคนไม่ค่อยจะมีสตางค์
ทริปนี้มันเกิดจากความเบื่อๆชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองกรุงเลยอยากไปใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ช้าๆ ไม่มีห่านอะไรให้กังวลใจสักเท่าไร แต่ก้ไม่รุ้จะไปที่ไหนบังเอิยมาเจอมิวสิควีดีโอของพี่เบิร์ดเข้า เพลง"เขียนคำว่ารัก" เท่านั้นแหละมันโดนเลยอ่ะ ไม่ใช่เพลงนะแต่เป็นสถานที่ถ่ายเอ็มวี เลยหาข้อมูลว่าเค้าไปถ่ายที่ไหนจนได้ข้อมูลว่าสถานที่ถ่ายทำคือ"หมู่บ้านแม่กำปอง" เอาฟ่ะ!!! ตกลงเป็นที่นี้แหละ พอนั่งหาข้อมูลไปข้อมูลมาและก็นั่งเล่นเฟซบุ๊คไปด้วยก็มีเพื่อนคนไหนสักคนโพสรูปที่พักสักที่หนึ่ง(เอาจริงๆตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน) แค่เห็นก็อุทานคนเดียวดังๆ ห่านเอ๊ยวิวแบบนี้มันสวรรคชัดๆเลยดุว่าที่เพื่อนมันถ่ายมาคือที่ไหนกันแน่ มาถึงบางอ้อว่ามันคือ"บ้านระเบียง"ดาวที่อำเภอเชียงดาวที่เชียงใหม่นี้เองๆ ไหนๆก็จะไปเชียงใหม่ทั้งทีแถมสองที่นี้ก็อยู่เชียงใหม่ไปมันสองที่เลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันว่าจะไปกันยัง จนเริ่มต้นของทริปนี้มันเลยเกิดขึ้น
เมื่อเรารู้ว่าปลายทางเราจะไปที่ไหนกันแล้วเราก็มาดูว่าเราจะไปยังไงให้ประหยัดและใกล้ที่สุด ลองสืบเสาะคนหาดูก็ว่าว่ามีรถทัวร์ที่ตัวอำเภอเชียงดาวด้วยอะ เลยทำการไซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนและหลังจากนั้นก็โทรไปจองที่พัก ที่เเรกที่เราจะไปคือบ้านระเบียงดาว ที่พักสุดฮอตฮิตของใครหลายคนๆเลยแต่จะพักที่นี้ได้มันไม่ใช่ง่ายนะนะ ไม่ใช่ที่พักเค้าเป็นที่พักระดับห้าดาวเลิศหรูอลังการแต่อย่างได้แต่วิวของที่พักนี้บอกเลยว่าอลังมากๆและที่สำคัญจะจองที่พักยากมากๆเราโทรทุกวันวันละหลายรอบกว่าจะติด เพราะบนนั้นไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ โทรติดเราก็ทำการจองบ้านพักหนึ่งหลัง โชคดีเราไปวันธรรมดาเลยมีห้องว่างอยู่พอสมควร ถ้าเราอาทิตย์นี้เต็มตลอดเลย
การเดินทางมาที่อำเภอเชียงดาวเพื่อไปบ้านระเบียงมาได้หลายวิธี
1.รถทัวร์จากกรุงเทพมา อ.เชียงดาว มีให้บริการ 2 บริษัท คือ บขส.999 และ นิววิริยะทัวร์ สายกรุงเทพ-ท่าตอน ลงระหว่างทางเชียงดาว ค่ารถก็ประมาณ 590 บาท แล้วต่อรถสองแถว สายเชียงดาว-เมืองคองซึ่งเป็นสายเดียวที่ผ่านบ้านระเบียงดาวนะตามคำแนะนำของพี่นิคมเจ้าของบ้านระเบียงดาว
2.เครื่องบิน(มีหลายสายให้เลือกทั้งAirasia,Lion Air, Nok Air,Thai Smile )ถ้าใครไม่อยากนั่งรถนานก็นั่งเครื่องมาลงเชียงใหม่แล้วนั่งสองแถวแดงมาลงที่สถานีขนส่งช้างเผือกแล้วต่อรถเชียงใหม่-ท่าตอน วึ่งมีทั้งรถทัวร์ รถสองแถว คันสีส้มๆราคาก็ 40 บาท หรือจะเป็นรถตู้ก็มีนะ
3.รถทัวร์จากกรุงเทพมาลงเชียงใหม่แล้วนั่งสองแถวแดงมาลงที่สถานีขนส่งช้างเผือกแล้วต่อรถเชียงใหม่-ท่าตอนหรือเช่ามอเตอไซจากเชียงใหม่แว้นๆไปก็ได้ ระยะทางก็ประมาณ 80 กิโลเอง ขำขำ
เราเลือกนั่งบขส.999 รอบเวลา18:30 น.เป็นรถ ป.1 ถ้าเป็นวีไอพีก้พันต้นๆคือสู้ราคาไม่ไหว พอเลิกงานปุ้บก็นั่งรถไฟฟ้าต่อวินมอไวมาที่หมอชิตทันทีแบบว่ากลัวไม่ทันรถ และต้องมารอบอกคนขับกับพนักงานเผื่อเพื่อนอีกคนมาไม่ทันว่าให้รอก่อนเพราะเพื่อนกว่าจะเลิกงานก็เกือบหกโมงเย็น
รถออกมาจากหมอชิตปุ้บพวกเราก็ชัตดาวน์ตัวเองปั้บเก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ แต่จะหลับก็หลับไม่ลงมีตาลุงคนหนึ่ง ขาก
เราเดินเล่นชิลๆกับบรรยากาศเชียงดาวยามเช้า
เป้าหมายของเราอยู่บริเวณดอยหลวงเชียงดาวที่อย฿่เบื้องน่าเรานั้นเองแต่ก่อนอื่นต้องหารถไปให้ได้ก่อน
มาถึงเชียงดาวแล้วนะรู้ยัง
ชีวิตช้าๆเรียบง่าย พระ เณณเดินบิณฑบาตรยามเช้ากันเต็มไปหมด พวกเราเลยตักบาตรแบบหน้าตายังไม่ล้างนี้แหละ
หนูน้อยคนนี้น่ารักจัง แอบถ่ายมาสักรูปแล้วกัน
ใครไม่มีรถส่วนตัวมา รถเชียงดาว-เมืองคองจอดอยุ่ในซอยนี้นะ เป็นรถชาวบ้านที่ลงมาซื้อของหรือส่งคนในหมู่บ้านมาซื้อของซึ่งปกติจะมีรถกลับขึ้นไปรอบ 9 โมงและอีกทีก็บ่ายสองและสี่โมงเย็น ซึ่งเวลาเหล่านี้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับเช้าบ้านว่าเค้าตกลงกับคนขับรถยังไง ตอนแรกเราหารถไม่เจอเลยลองถามคนที่นั้น ถามก็ดันไปถามกับคนขับรถเมืองคองพอดี พี่เค้าบอกว่ารถจะออกแล้วสองคนก็ไป เราก็ดูเวลา เฮ้ย!!!เพิ่งจะ 7 โมงเอง ไหนพี่นิคมบอก 9 โมง เอ้าไปก็ไปเดี๋ยวหารถขึ้นไปบ้านระเบียงดาวไม่ได้ล่ะซวยเลย
ระยะทางจากเชียงดาวมาที่บ้านระเบียงดาวก็ประมาณ 18 กิโล จะมาที่นี้ต้องเซ็นเข้า-ออกที่ด่านตรวจป่าไม้ คือรถทุกคันต้องเซ็น
แผ่นที่มายังบ้านระเบียงดาว ภาพประกอบจากอากู๋
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทางมาบ้านระเบียงดาวร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สองข้างทางแต่ทางบางช่วงเป็นทางชันสลับโค้งขึ้นเขาเป็นบางช่วง
เรานั่งรถมาสักพักหนึ่งนั่งคุยกับพี่เค้าบ้างจนพี่เค้าบอกว่าขอเเวะซื้อกาแฟสักหน่อยเดี๋ยวไปส่งที่บ้านระเบียงดาว ไอ้เราก็นึกว่าไกลแต่แอบเห็นป้ายรางๆว่าบ้านนาเลาใหม่
พี่คนนี้แหละที่มาส่งเรา ถามชื่อแล้วแต่จำไม่ได้แต่ท้ายรถติดสติ๊กเกอร์โฮมสเตย์บ้านเมืองคอง ไว้โอกาศหน้าจะไปพักนะพี่
และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงบ้านระเบียงดาวซึ่งเดินจากที่พี่เค้าจอดซื้อกาแฟมานิดเดียวเอง พอพี่เค้ามาส่งเราที่บ้านระเบียงเราก็ถามว่าพี่ค่ารถเท่าไร พี่เค้าบอกแล้วแต่จะให้แล้วกัน(แล้วพวกผมจะไปรู้ได้ไงให้น้อยก็อย่ามาว่ากันนะ) พี่เค้าบอกงั้นสองคนร้อยเดียวก็พอ ตกลงตามนั้น 100 นะพี่
เมื่อมาถึงที่บ้านระเบียงดาววิวเบื้องหน้ามันทำให้เราได้แต่อุทานในใจว่า(เช็ดโด้ สวยชิหายเลย)
เราวางสัมภาระแล้วไปเช็คกับทางพนักงานว่ามีชื่อเราอยู่ในบุ้คกิ้งไหม ถ้าไม่มีทำไงแต่ดูพนักงานจะหาไม่เจอแต่ก็เช็คห้องให้เราและให้เรารอก่อน กอ่นที่จะพาเราไปเดินดูห้อง
บ้านแต่ละหลังก็จะมีระเบียงอยุ่ด้านหน้าเอาไว้นอนดูดาว
บ้านระเบียงดาวเป็นบ้านไม้ไผ่ ใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซล ถ้าใครจะชาร์ตไฟต้องมาชาร์ตที่ล็อบบี้นะ
ระหว่างที่เรานั่งรอห้อง เราก็ถ่ายรูปวิวตรงหน้าระเบียงแบบชิลๆ สบายๆ
เรามาถึงกันตั้งแต่ยังไม่ 8 โมง คือที่แรกก็กะว่าคงสักสิบโมงสิบเอ็ดโมงอะไรประมาณนี้ มาถึงก่อนทำไงล่ะก็นั่งรอกันต่อไป
ทริปนี้ผมพาผู้ช่วยมาด้วย...เจี๊ยกๆๆๆ
เมื่อเราได้ห้องแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร(จริงๆ) สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี กิจกรรมก้ไม่มีเลยตัดสินใจเดือนสำรวจแถวที่พักสักหน่อยละกัน
ต้นไม้บริเวณบ้านระเบียงดาวน่าจะเป้นพวกสนนะแต่สนกี่ใบอันนี้ผมไม่สนหรอก
เจออะไรก็ถ่ายไปเรื่อย คือบรรยากาศรอบมันสวยมากๆ เงียบสงบ นี้ถ้าหน้าหนาวคงฟินกว่านี้แน่ๆเลย
คือต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่รู้จะทำอะไรจริงๆไม่มีหนังสือหรืออะไรมา เลยขอใช้เวลาชิลๆช้าๆเสพธรรมชาติรอบกายแทนละกัน สโลวไลฟ์สมใจเลย
เรานั่งกันอยู่บริเวณนั้นสักพักจนเราไปเจออะไรบ้างอย่างเข้าเลยรีบโกยอ้าว ก่อนจะมาแวะพักอีกที่พักหนึ่งชื่อบ้านวิวดอยหลวง วิวสวยคนละแบบกับบ้านระเบียงดาว แถมลมเย็นมากๆจนเกือบจะหลับเลยทีเดียว