เดิมทีอยากศึกษาเรียนรู้จากกระทู้ต่าง ๆ แต่มักไม่ปะติดปะต่อ แต่กระโดดไป มา
แถมมักถูกกะแหนะกะแหน่อย่างโน้น อย่างนี้ตลอด และเขายังทะเลาะกันไม่จบซักทีเลยท้อ จึงลองหาเรียนจากแหล่งอื่น ๆ ดูบ้าง
เมื่อได้ส่วนสำคัญที่จะทำความเข้าใจแนวทางความเชื่อของอิสลามแล้วเลยนำมาเผื่อเพื่อน ๆ จะได้ช่วยกันเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันครับ
--------------------------------------------------------------------------------------
“ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด”
ในบรรดาองค์ความรู้ที่มาจากการอ่านครั้งแรกในอิสลามคือ “อัลลอฮ์คือผู้ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด” โองการนี้มีประเด็นสำคัญอยู่ 2 ประเด็น คือ
1. อัลลอฮ์ ผู้ทรงบังเกิดมนุษย์ ในที่นี้ให้ความหมายที่เจาะจงคำว่า “บังเกิด” ที่กล่าวถึงในครั้งแรก เพราะคำว่า “บังเกิด” ครั้งที่สองนี้ ได้เจาะจงผู้ถูกกำเนิด นั้นคือ “มนุษย์” ซึ่งมีจุดประสงค์เฉพาะเพื่อตอบคำถามที่ว่า ใครคือผู้สร้างมนุษย์ ? โดยทั่วไปมนุษย์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่รู้ว่าอัลลอฮ์ คือผู้ทรงบังเกิด ไม่รู้ว่าพระองค์คือผู้บริหารจัดการและดูแลชีวิตของเขา มนุษย์ส่วนใหญ่หลงทางไปกับกระแสที่มืดบอดและไร้ปัญญาที่จะตอบคำถามและความเป็นจริง การที่มนุษย์ไม่รู้จักอัลลอฮ์ และไม่รู้ว่าพระองค์คือใครแล้ว ทำให้มนุษย์ตกอยู่ในสภาพอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง 2 สถานะดังต่อไปนี้
สถานะแรก มนุษย์อาจเชื่อว่ามีสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นนอกจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงบังเกิด แนวคิดนี้ยังไม่เคยปรากฏและไม่มีการบันทึกในหลักคำสอนใดๆอันเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าเขาคือผู้สร้างโลกและบังเกิดมนุษย์ ความเป็นจริงนี้เราจะพบจากคำสอนที่พระองค์ทรงตรัสว่า
“และบรรดาสิ่งที่พวกเขาวิงวอนอื่นจากอัลลอฮ์นั้น พวกมันไม่ได้สร้างสิ่งใดเลย แต่พวกมันถูกสร้าง” (อัลกุรอาน 16 : 20)
หากสรรพสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์วิงวอนและกราบไหว้บูชา ไม่มีความสามารถสร้างมนุษย์ได้ แล้วจะหวังอะไรจากสิ่งที่พวกเขาวิงวอนหรือสักการะเหล่านั้นอีก ?
สถานะที่สอง เชื่อว่ามนุษย์และทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเกิดมาด้วยตัวมันเองหรือที่เรียกว่าเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ(Natural) แนวคิดนี้ ผู้ที่มีปัญญาทั้งหลายไม่อาจยอมรับได้ เพราะย่อมเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองโดยปราศจากผู้สร้าง และขณะเดียวกันสิ่งใดก็ตามไม่อาจจะแปรเปลี่ยนสภาพของมันเองได้ เว้นแต่จะต้องมีผู้ที่ทำให้มันเปลี่ยนเท่านั้น ตัวอย่างเช่น บ้านที่สร้างขึ้นไม่ว่าจะสร้างด้วยไม้หรือหรือวัสดุใดก็ตาม โดยวิสัยของมนุษย์แล้วทุกคนย่อมเกิดคำถามว่า ใครคือช่างก่อสร้างบ้านหลังนั้น? เช่นเดียวกันผ้าที่ถูกถักทอขึ้นจากฝ้ายหรือวัสดุอื่นๆ ต้องมีคำถามว่ามันถูกผลิตมาจากโรงงานใด ? หรือใครเป็นผู้ทอผ้าผืนนั้น ? คำถามเหล่านี้เป็นสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์ผู้มีปัญญา หากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งเหล่านี้มนุษย์ยังถามถึงผู้กระทำหรือผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว นับประสาอะไรกับสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นไปได้หรือที่ผู้มีสติปัญญาจะยอมรับแนวคิดหรือทฤษฏีการเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติของสรรพสิ่ง ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นพบระบบจักรวาลที่มีระบบและโครงสร้างอันลึกลับสลับซับซ้อน เกินกว่าปัญญาของมนุษย์จะจินตนาการได้
2. อัลลอฮ์ ทรงบังเกิดมนุษย์จาก “ก้อนเลือด” และพระองค์ได้เปิดเผยสัจธรรมหรือแก่นแท้แห่งความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุที่เป็นต้นกำเนิด พระองค์ทรงบังเกิดมนุษย์จาก “ก้อนเลือด” ที่ห่อหุ้มเมล็ดพันธุ์แห่งการก่อกำเนิด เป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างน้ำอสุจิของผู้เป็นพ่อกับไข่ที่ฝังตัวอยู่ในมดลูกของของผู้เป็นแม่ “ก้อนเลือด” นั่นคือแหล่งความรู้ที่อัลลอฮ์ ทรงเปิดเผย และมุสลิมได้เรียนรู้และทำความเข้าใจมาเป็นเวลาพันกว่าปีแล้ว แต่ผู้ปฏิเสธที่อ้างตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบและสร้างทฤษฎีที่ว่าด้วยการกำเนิดมนุษย์เพียงแค่สองร้อยปีมานี้เอง ทั้งๆที่พระองค์ทรงบัญชาให้มนุษย์ใคร่ครวญและไตร่ตรองถึงความเป็นมาของตัวเขาเองมานานนับสิบศตวรรษแล้ว ดังเช่นอัลลอฮ์ ตรัสความว่า
“ดังนั้นมนุษย์จงไตร่ตรองดูซิว่าเขาถูกบังเกิดมาจากอะไร เขาถูกบังเกิดมาจากน้ำที่พุ่งออกมา มันออกมาจากกระดูกสันหลัง(ของชาย)และกระดูกหน้าอก(ของหญิง)” (อัลกุรอาน 86 : 5-6)
โองการนี้ พอที่จะเข้าใจถึงความสำคัญของความต้องการแรกเริ่มและคำตอบสำหรับปัญหาของความเป็นมนุษย์อันเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตได้อย่างลึกซึ้งทีเดียว
โดย อ.มัสลัน มาหะมะ
ต่อเนื่องครับ
http://www.ppantip.com/cafe/religious/topic/Y13093814/Y13093814.html
เรียนรู้อิสลาม สำหรับผู้ไม่เป็นมุสลิม ๑
แถมมักถูกกะแหนะกะแหน่อย่างโน้น อย่างนี้ตลอด และเขายังทะเลาะกันไม่จบซักทีเลยท้อ จึงลองหาเรียนจากแหล่งอื่น ๆ ดูบ้าง
เมื่อได้ส่วนสำคัญที่จะทำความเข้าใจแนวทางความเชื่อของอิสลามแล้วเลยนำมาเผื่อเพื่อน ๆ จะได้ช่วยกันเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันครับ
--------------------------------------------------------------------------------------
“ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด”
ในบรรดาองค์ความรู้ที่มาจากการอ่านครั้งแรกในอิสลามคือ “อัลลอฮ์คือผู้ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด” โองการนี้มีประเด็นสำคัญอยู่ 2 ประเด็น คือ
1. อัลลอฮ์ ผู้ทรงบังเกิดมนุษย์ ในที่นี้ให้ความหมายที่เจาะจงคำว่า “บังเกิด” ที่กล่าวถึงในครั้งแรก เพราะคำว่า “บังเกิด” ครั้งที่สองนี้ ได้เจาะจงผู้ถูกกำเนิด นั้นคือ “มนุษย์” ซึ่งมีจุดประสงค์เฉพาะเพื่อตอบคำถามที่ว่า ใครคือผู้สร้างมนุษย์ ? โดยทั่วไปมนุษย์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่รู้ว่าอัลลอฮ์ คือผู้ทรงบังเกิด ไม่รู้ว่าพระองค์คือผู้บริหารจัดการและดูแลชีวิตของเขา มนุษย์ส่วนใหญ่หลงทางไปกับกระแสที่มืดบอดและไร้ปัญญาที่จะตอบคำถามและความเป็นจริง การที่มนุษย์ไม่รู้จักอัลลอฮ์ และไม่รู้ว่าพระองค์คือใครแล้ว ทำให้มนุษย์ตกอยู่ในสภาพอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง 2 สถานะดังต่อไปนี้
สถานะแรก มนุษย์อาจเชื่อว่ามีสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่นนอกจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงบังเกิด แนวคิดนี้ยังไม่เคยปรากฏและไม่มีการบันทึกในหลักคำสอนใดๆอันเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าเขาคือผู้สร้างโลกและบังเกิดมนุษย์ ความเป็นจริงนี้เราจะพบจากคำสอนที่พระองค์ทรงตรัสว่า
“และบรรดาสิ่งที่พวกเขาวิงวอนอื่นจากอัลลอฮ์นั้น พวกมันไม่ได้สร้างสิ่งใดเลย แต่พวกมันถูกสร้าง” (อัลกุรอาน 16 : 20)
หากสรรพสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์วิงวอนและกราบไหว้บูชา ไม่มีความสามารถสร้างมนุษย์ได้ แล้วจะหวังอะไรจากสิ่งที่พวกเขาวิงวอนหรือสักการะเหล่านั้นอีก ?
สถานะที่สอง เชื่อว่ามนุษย์และทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเกิดมาด้วยตัวมันเองหรือที่เรียกว่าเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ(Natural) แนวคิดนี้ ผู้ที่มีปัญญาทั้งหลายไม่อาจยอมรับได้ เพราะย่อมเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองโดยปราศจากผู้สร้าง และขณะเดียวกันสิ่งใดก็ตามไม่อาจจะแปรเปลี่ยนสภาพของมันเองได้ เว้นแต่จะต้องมีผู้ที่ทำให้มันเปลี่ยนเท่านั้น ตัวอย่างเช่น บ้านที่สร้างขึ้นไม่ว่าจะสร้างด้วยไม้หรือหรือวัสดุใดก็ตาม โดยวิสัยของมนุษย์แล้วทุกคนย่อมเกิดคำถามว่า ใครคือช่างก่อสร้างบ้านหลังนั้น? เช่นเดียวกันผ้าที่ถูกถักทอขึ้นจากฝ้ายหรือวัสดุอื่นๆ ต้องมีคำถามว่ามันถูกผลิตมาจากโรงงานใด ? หรือใครเป็นผู้ทอผ้าผืนนั้น ? คำถามเหล่านี้เป็นสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์ผู้มีปัญญา หากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งเหล่านี้มนุษย์ยังถามถึงผู้กระทำหรือผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว นับประสาอะไรกับสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นไปได้หรือที่ผู้มีสติปัญญาจะยอมรับแนวคิดหรือทฤษฏีการเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติของสรรพสิ่ง ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นพบระบบจักรวาลที่มีระบบและโครงสร้างอันลึกลับสลับซับซ้อน เกินกว่าปัญญาของมนุษย์จะจินตนาการได้
2. อัลลอฮ์ ทรงบังเกิดมนุษย์จาก “ก้อนเลือด” และพระองค์ได้เปิดเผยสัจธรรมหรือแก่นแท้แห่งความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุที่เป็นต้นกำเนิด พระองค์ทรงบังเกิดมนุษย์จาก “ก้อนเลือด” ที่ห่อหุ้มเมล็ดพันธุ์แห่งการก่อกำเนิด เป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างน้ำอสุจิของผู้เป็นพ่อกับไข่ที่ฝังตัวอยู่ในมดลูกของของผู้เป็นแม่ “ก้อนเลือด” นั่นคือแหล่งความรู้ที่อัลลอฮ์ ทรงเปิดเผย และมุสลิมได้เรียนรู้และทำความเข้าใจมาเป็นเวลาพันกว่าปีแล้ว แต่ผู้ปฏิเสธที่อ้างตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบและสร้างทฤษฎีที่ว่าด้วยการกำเนิดมนุษย์เพียงแค่สองร้อยปีมานี้เอง ทั้งๆที่พระองค์ทรงบัญชาให้มนุษย์ใคร่ครวญและไตร่ตรองถึงความเป็นมาของตัวเขาเองมานานนับสิบศตวรรษแล้ว ดังเช่นอัลลอฮ์ ตรัสความว่า
“ดังนั้นมนุษย์จงไตร่ตรองดูซิว่าเขาถูกบังเกิดมาจากอะไร เขาถูกบังเกิดมาจากน้ำที่พุ่งออกมา มันออกมาจากกระดูกสันหลัง(ของชาย)และกระดูกหน้าอก(ของหญิง)” (อัลกุรอาน 86 : 5-6)
โองการนี้ พอที่จะเข้าใจถึงความสำคัญของความต้องการแรกเริ่มและคำตอบสำหรับปัญหาของความเป็นมนุษย์อันเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตได้อย่างลึกซึ้งทีเดียว
โดย อ.มัสลัน มาหะมะ
ต่อเนื่องครับ
http://www.ppantip.com/cafe/religious/topic/Y13093814/Y13093814.html