มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ยาวหน่อย ใครไม่ชอบอ่านผ่านก่อนได้ครับ
...............
จากเหตุการณ์ อาคาร สตง.ถล่ม ทำให้คิดถึงเรื่องที่เพื่อนคนหนึ่ง
เคยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารของทางราชการนี่แหล่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งได้รับการอนุมัติงบก่อสร้าง
อาคารใหม่มีงบประมาณการก่อสร้างรวม กว่า 150 ล้านบาท
ด้วยความที่งบประมาณสูง การทำแบบอาคารก่อสร้าง การถอดแบบ
ตีราคา ล้วนใช้งบประมาณจ้างหน่วยงานภายนอกอีกต่อหนึ่ง ด้วยว่า
ในองค์กรนั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรม รวมทั้งจ้าง บริษัท
มาเพื่อควบคุมงานก่อสร้างนี้ด้วย และเพื่อนผมก็คือคณะกรรมการ
ตรวจรับงานที่เป็นคนขององค์กรเจ้าของงบประมาณ
เพื่อนบอกว่าแบบอาคาร รายละเอียด วัสดุ รายการ ต่าง ๆ มีเยอะมาก
มีรายละเอียดประกอบว่า บันได้ต้องมีกี่ขั้น ประตูแบบไหน ขนาดเท่าไร
ในอาคารเดียวกัน มีแบบประตูต่างกันมากกว่า 5 แบบ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า
ใช้งานคงต่างกัน แม้จะละเอียดแค่ไหน แต่ก็ยังคงพบเจอความขัดแย้ง
ในแบบอยู่ดี เช่นความสูงของพื้นนอกอาคารสูงกว่าในอาคาร ซึ่งไม่ปกติ
ทางผู้รับเหมาก็จะแจ้งให้กรรมการชุดเพื่อนผมรับรู้ และปรึกษา บางอัน
ก็ตัดสินใจได้ในกรรมการ บางอันต้องทำเรื่องส่งไปให้คนออกแบบตัดสินใจ
ก็สร้างไปแก้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง
ผู้รับจ้างนัดพูดคุยกับกรรมการตรวจรับงาน ว่าจะเปลี่ยนแปลงแบบ เพราะ
ได้เข้าพบและตกลงกับทางผู้อำนวยการองค์กรแล้ว ซึ่งทีมกรรมการก็เหวอ
เพราะการเปลี่ยนแปลงโดยระเบียบจะทำโดยพลการไม่ได้ จึงแย้งผู้รับเหมาไป
และไม่อนุญาตให้แก้ไข ผู้รับเหมาก็ไม่พอใจ จึงเอาเรื่องไปฟ้งผู้อำนวยการ
ในกรรมการตรวจรับงาน ก็จะมีเจ้าหน้างานด้านพัสดุ ที่มีความรู้เรื่องกฏระเบียบด้วย
ผอ. ที่ไม่พอใจว่าทำไมตนสั่งการแล้วกรรมการพวกนั้นมันไม่ยอมแก้ไขตามที่สั่ง
และทางผู้รับเหมาเองก็ไปสั่งของชุดใหม่ที่จะก้ไขตามที่ไปตกลงกับ ผอ. มาแล้ว
จึงเรียกกรรมการทั้งหมด รวมทั้งบริษัทผู้รับเหมาไปประชุมด้วยกัน อารมณ์คือ
ไม่พอใจอย่างแรงที่ตนเองสั่งแล้วไม่ยอมทำตาม แต่เมื่ออยู่ในที่ประชุมพร้อมกัน
เจ้าหน้างานด้านพัสดุคนนั้นได้แจ้ง ผอ.ไปว่า อำนาจหน้าที่สั่งอนุมัติอะไรใด ๆ
ของ ผอ.นั้น ขอบเขตมีเพียง 10 ล้านเท่านั้น ถ้าจะแก้ไขมากกว่านั้น ต้องทำเรื่อง
ขออนุมัติไปที่หน่วยงานที่ระดับสูงกว่า คือ สำนักปลัด หรือกระทรวงนี่แหล่ะ ไม่แน่ใจ
สิ่งที่ ผอ.ทำคือ ตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า อ๋อเหรอ แล้วก็ลุกออกไปจากห้องประชุมเลย
เพื่อนบอก กรรมการก็นั่งรอ คิดว่าไปไหน แต่ คือ ไปเลย ออกไปเลย หายไปเลย
ประธานชุดกรรมการโทรหา ผอ. ได้รับคำตอบมาว่า ก็ให้จัดการไปเลย
อ้าว.... สรุป วันนั้น ก็เลิกประชุม แล้วนัดหมายผู้รับจ้างไว้เพื่อประชุมกันเองใหม่อีกที
เรื่องนี้จบลงโดยการที่ผู้รับเหมาต้องทำงานไปตามแบบเดิมหน้าหงอยๆ โดยทางประธานก็
พยายามปลอบใจและพยายามให้มีวิธีการเอาของที่บริษัท ซื้อมาแล้วนั้น ได้ใช้กับงานเดิม
โดยไม่ผิดกฏระเบียบราชการ และข้อกฏหมาย รวมทั้งการใช้งานที่ไม่ผิดประเภท
เพื่อนบอก ถ้าตอนนั้น ไม่มีประธานกรรมการคนนั้น วันนี้ สภาพมันก็คงไม่ต่างกับ
สิ่งที่ทาง สตง.เจอในวันนี้ แม้คนละประเด็นกัน แต่เจ้าหน้าที่รับก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
เพื่อนมันยืนยันว่า งานนี้กรรมการุดมัน ไม่มีใต้โต๊ะ นอกจากอาจจะมีสปอนเซอร์
ของขวัญบ้าง เวลามีงานปีใหม่ ซึ่งก็ให้ทางบริษัททำเรื่องเป็นบริจาคมา จะได้เอาไปลดหย่อนภาษีได้
จบแล้วครับ
จากเหตุการณ์ สตง.ถล่ม ทำมให้นึกถึงเรื่องนึ่งได้ (ยาวนะ)
...............
จากเหตุการณ์ อาคาร สตง.ถล่ม ทำให้คิดถึงเรื่องที่เพื่อนคนหนึ่ง
เคยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารของทางราชการนี่แหล่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งได้รับการอนุมัติงบก่อสร้าง
อาคารใหม่มีงบประมาณการก่อสร้างรวม กว่า 150 ล้านบาท
ด้วยความที่งบประมาณสูง การทำแบบอาคารก่อสร้าง การถอดแบบ
ตีราคา ล้วนใช้งบประมาณจ้างหน่วยงานภายนอกอีกต่อหนึ่ง ด้วยว่า
ในองค์กรนั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรม รวมทั้งจ้าง บริษัท
มาเพื่อควบคุมงานก่อสร้างนี้ด้วย และเพื่อนผมก็คือคณะกรรมการ
ตรวจรับงานที่เป็นคนขององค์กรเจ้าของงบประมาณ
เพื่อนบอกว่าแบบอาคาร รายละเอียด วัสดุ รายการ ต่าง ๆ มีเยอะมาก
มีรายละเอียดประกอบว่า บันได้ต้องมีกี่ขั้น ประตูแบบไหน ขนาดเท่าไร
ในอาคารเดียวกัน มีแบบประตูต่างกันมากกว่า 5 แบบ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า
ใช้งานคงต่างกัน แม้จะละเอียดแค่ไหน แต่ก็ยังคงพบเจอความขัดแย้ง
ในแบบอยู่ดี เช่นความสูงของพื้นนอกอาคารสูงกว่าในอาคาร ซึ่งไม่ปกติ
ทางผู้รับเหมาก็จะแจ้งให้กรรมการชุดเพื่อนผมรับรู้ และปรึกษา บางอัน
ก็ตัดสินใจได้ในกรรมการ บางอันต้องทำเรื่องส่งไปให้คนออกแบบตัดสินใจ
ก็สร้างไปแก้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง
ผู้รับจ้างนัดพูดคุยกับกรรมการตรวจรับงาน ว่าจะเปลี่ยนแปลงแบบ เพราะ
ได้เข้าพบและตกลงกับทางผู้อำนวยการองค์กรแล้ว ซึ่งทีมกรรมการก็เหวอ
เพราะการเปลี่ยนแปลงโดยระเบียบจะทำโดยพลการไม่ได้ จึงแย้งผู้รับเหมาไป
และไม่อนุญาตให้แก้ไข ผู้รับเหมาก็ไม่พอใจ จึงเอาเรื่องไปฟ้งผู้อำนวยการ
ในกรรมการตรวจรับงาน ก็จะมีเจ้าหน้างานด้านพัสดุ ที่มีความรู้เรื่องกฏระเบียบด้วย
ผอ. ที่ไม่พอใจว่าทำไมตนสั่งการแล้วกรรมการพวกนั้นมันไม่ยอมแก้ไขตามที่สั่ง
และทางผู้รับเหมาเองก็ไปสั่งของชุดใหม่ที่จะก้ไขตามที่ไปตกลงกับ ผอ. มาแล้ว
จึงเรียกกรรมการทั้งหมด รวมทั้งบริษัทผู้รับเหมาไปประชุมด้วยกัน อารมณ์คือ
ไม่พอใจอย่างแรงที่ตนเองสั่งแล้วไม่ยอมทำตาม แต่เมื่ออยู่ในที่ประชุมพร้อมกัน
เจ้าหน้างานด้านพัสดุคนนั้นได้แจ้ง ผอ.ไปว่า อำนาจหน้าที่สั่งอนุมัติอะไรใด ๆ
ของ ผอ.นั้น ขอบเขตมีเพียง 10 ล้านเท่านั้น ถ้าจะแก้ไขมากกว่านั้น ต้องทำเรื่อง
ขออนุมัติไปที่หน่วยงานที่ระดับสูงกว่า คือ สำนักปลัด หรือกระทรวงนี่แหล่ะ ไม่แน่ใจ
สิ่งที่ ผอ.ทำคือ ตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า อ๋อเหรอ แล้วก็ลุกออกไปจากห้องประชุมเลย
เพื่อนบอก กรรมการก็นั่งรอ คิดว่าไปไหน แต่ คือ ไปเลย ออกไปเลย หายไปเลย
ประธานชุดกรรมการโทรหา ผอ. ได้รับคำตอบมาว่า ก็ให้จัดการไปเลย
อ้าว.... สรุป วันนั้น ก็เลิกประชุม แล้วนัดหมายผู้รับจ้างไว้เพื่อประชุมกันเองใหม่อีกที
เรื่องนี้จบลงโดยการที่ผู้รับเหมาต้องทำงานไปตามแบบเดิมหน้าหงอยๆ โดยทางประธานก็
พยายามปลอบใจและพยายามให้มีวิธีการเอาของที่บริษัท ซื้อมาแล้วนั้น ได้ใช้กับงานเดิม
โดยไม่ผิดกฏระเบียบราชการ และข้อกฏหมาย รวมทั้งการใช้งานที่ไม่ผิดประเภท
เพื่อนบอก ถ้าตอนนั้น ไม่มีประธานกรรมการคนนั้น วันนี้ สภาพมันก็คงไม่ต่างกับ
สิ่งที่ทาง สตง.เจอในวันนี้ แม้คนละประเด็นกัน แต่เจ้าหน้าที่รับก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
เพื่อนมันยืนยันว่า งานนี้กรรมการุดมัน ไม่มีใต้โต๊ะ นอกจากอาจจะมีสปอนเซอร์
ของขวัญบ้าง เวลามีงานปีใหม่ ซึ่งก็ให้ทางบริษัททำเรื่องเป็นบริจาคมา จะได้เอาไปลดหย่อนภาษีได้
จบแล้วครับ