ความเสียหายของทรัพยากรบุคคล
จากการรีแบรนด์เศรษฐกิจชุมชนเป็นนโยบายประชานิยม
ในยุคแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544) ประเทศไทยเริ่มขับเคลื่อนแนวนโยบาย “คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” หรือ People-centered Development ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพทั้งทางปัญญา เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะในระดับชุมชน
แต่หลังจากปี 2544 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ รีแบรนด์นโยบายเศรษฐกิจชุมชน ให้กลายเป็นนโยบายประชานิยม เช่น โครงการ OTOP กองทุนหมู่บ้าน และธนาคารประชาชน ซึ่งแม้จะอ้างว่าสนับสนุนประชาชน แต่ในความเป็นจริงกลับ ทำลายทุนมนุษย์ในเชิงโครงสร้าง
1. ลดทอนศักยภาพการคิดและตัดสินใจของประชาชน
จากที่ชุมชนเคยมีสิทธิ์วิเคราะห์ปัญหา ออกแบบทางเลือก และบริหารจัดการทุนทรัพยากรของตนเอง
กลับกลายเป็นเพียงผู้ “รอรับนโยบาย-รับเงิน-รับสินเชื่อ” จากรัฐ
ส่งผลให้ ความคิดเชิงวิพากษ์และการบริหารตนเองอ่อนแอลง อย่างต่อเนื่อง
2. เปลี่ยนประชาชนจาก “เจ้าของ” เป็น “ผู้บริโภคโครงการ”
เดิม: ประชาชนมีบทบาทเป็น “เจ้าของ” แห่งการพัฒนาในฐานะผู้คิด ผู้ตัดสินใจ และผู้ดำเนินการ
หลังรีแบรนด์: ประชาชนถูกทำให้กลายเป็น “ผู้บริโภค” ที่ทำตามเป้าหมายของรัฐ และขึ้นต่อความช่วยเหลือ
ผล: สูญเสียความมั่นใจในศักยภาพตนเอง และ ไม่เชื่อในพลังชุมชนอีกต่อไป
3. เกิดระบบการศึกษาและฝึกอาชีพที่ตัดขาดจากบริบทชุมชน
หลายโครงการมุ่งเน้นการอบรมทักษะเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ OTOP หรือบริการที่รัฐส่งเสริม
แต่ขาดความเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือเศรษฐกิจจริงของพื้นที่
ส่งผลให้ทรัพยากรบุคคลในชุมชนถูก “ปรับใช้” แทนที่จะ “พัฒนา”
4. การผลิตซ้ำคนจนเชิงโครงสร้าง (Structural Reproduction of Poverty)
นโยบายประชานิยมไม่ได้สร้างการเรียนรู้หรือส่งเสริมวินัยทางเศรษฐกิจ
คนจำนวนมากกลายเป็น “ผู้กู้ซ้ำ” (repeat borrowers) โดยไม่มีทางออกจากหนี้
ทุนมนุษย์จึงถูกใช้เพื่อ “อยู่รอด” แทนที่จะพัฒนาไปสู่ “การสร้าง” อะไรใหม่
5. ทัศนคติพึ่งพิงแทนการพึ่งตนเอง
เมื่อรัฐกลายเป็นศูนย์กลางของทุกนโยบาย ชุมชนจะเริ่มเชื่อว่า “การพัฒนา = รอเงินจากรัฐ”
ทำให้ความสามารถในการจัดการตนเอง ความเชื่อมั่น ความสามารถในการร่วมคิดและลงมือทำลดต่ำลงเรื่อย ๆ
นี่คือ ความเสียหายเชิงลึกที่สุดของทุนมนุษย์ ซึ่งไม่สามารถวัดได้จาก GDP หรือจำนวนโครงการที่รัฐอ้างว่า “ประสบความสำเร็จ”
สรุป
การรีแบรนด์นโยบายเศรษฐกิจชุมชนเป็น OTOP, กองทุนหมู่บ้าน และธนาคารประชาชน ได้ทำให้ ทุนมนุษย์ (Human Capital) ซึ่งเคยเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคแผนฯ 8 เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ทำลายความสามารถของคนในการพัฒนาตนเองเท่านั้น แต่ยัง ทำลายความรู้สึกของการเป็นเจ้าของอนาคตของตัวเอง
หากรัฐไทยยังไม่ย้อนกลับมาทบทวนบทบาทของชุมชน และยังคงเดินหน้าด้วยนโยบาย “แจกเงิน-แจกโอกาส-แจกหนี้” ที่ไม่เสริมพลังคน ทรัพยากรบุคคลไทยจะยังคงถูกใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าการสร้างประเทศในระยะยาว
ความเสียหายของทรัพยากรบุคคล
จากการรีแบรนด์เศรษฐกิจชุมชนเป็นนโยบายประชานิยม
ในยุคแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544) ประเทศไทยเริ่มขับเคลื่อนแนวนโยบาย “คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” หรือ People-centered Development ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพทั้งทางปัญญา เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะในระดับชุมชน
แต่หลังจากปี 2544 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ รีแบรนด์นโยบายเศรษฐกิจชุมชน ให้กลายเป็นนโยบายประชานิยม เช่น โครงการ OTOP กองทุนหมู่บ้าน และธนาคารประชาชน ซึ่งแม้จะอ้างว่าสนับสนุนประชาชน แต่ในความเป็นจริงกลับ ทำลายทุนมนุษย์ในเชิงโครงสร้าง
1. ลดทอนศักยภาพการคิดและตัดสินใจของประชาชน
จากที่ชุมชนเคยมีสิทธิ์วิเคราะห์ปัญหา ออกแบบทางเลือก และบริหารจัดการทุนทรัพยากรของตนเอง
กลับกลายเป็นเพียงผู้ “รอรับนโยบาย-รับเงิน-รับสินเชื่อ” จากรัฐ
ส่งผลให้ ความคิดเชิงวิพากษ์และการบริหารตนเองอ่อนแอลง อย่างต่อเนื่อง
2. เปลี่ยนประชาชนจาก “เจ้าของ” เป็น “ผู้บริโภคโครงการ”
เดิม: ประชาชนมีบทบาทเป็น “เจ้าของ” แห่งการพัฒนาในฐานะผู้คิด ผู้ตัดสินใจ และผู้ดำเนินการ
หลังรีแบรนด์: ประชาชนถูกทำให้กลายเป็น “ผู้บริโภค” ที่ทำตามเป้าหมายของรัฐ และขึ้นต่อความช่วยเหลือ
ผล: สูญเสียความมั่นใจในศักยภาพตนเอง และ ไม่เชื่อในพลังชุมชนอีกต่อไป
3. เกิดระบบการศึกษาและฝึกอาชีพที่ตัดขาดจากบริบทชุมชน
หลายโครงการมุ่งเน้นการอบรมทักษะเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ OTOP หรือบริการที่รัฐส่งเสริม
แต่ขาดความเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือเศรษฐกิจจริงของพื้นที่
ส่งผลให้ทรัพยากรบุคคลในชุมชนถูก “ปรับใช้” แทนที่จะ “พัฒนา”
4. การผลิตซ้ำคนจนเชิงโครงสร้าง (Structural Reproduction of Poverty)
นโยบายประชานิยมไม่ได้สร้างการเรียนรู้หรือส่งเสริมวินัยทางเศรษฐกิจ
คนจำนวนมากกลายเป็น “ผู้กู้ซ้ำ” (repeat borrowers) โดยไม่มีทางออกจากหนี้
ทุนมนุษย์จึงถูกใช้เพื่อ “อยู่รอด” แทนที่จะพัฒนาไปสู่ “การสร้าง” อะไรใหม่
5. ทัศนคติพึ่งพิงแทนการพึ่งตนเอง
เมื่อรัฐกลายเป็นศูนย์กลางของทุกนโยบาย ชุมชนจะเริ่มเชื่อว่า “การพัฒนา = รอเงินจากรัฐ”
ทำให้ความสามารถในการจัดการตนเอง ความเชื่อมั่น ความสามารถในการร่วมคิดและลงมือทำลดต่ำลงเรื่อย ๆ
นี่คือ ความเสียหายเชิงลึกที่สุดของทุนมนุษย์ ซึ่งไม่สามารถวัดได้จาก GDP หรือจำนวนโครงการที่รัฐอ้างว่า “ประสบความสำเร็จ”
สรุป
การรีแบรนด์นโยบายเศรษฐกิจชุมชนเป็น OTOP, กองทุนหมู่บ้าน และธนาคารประชาชน ได้ทำให้ ทุนมนุษย์ (Human Capital) ซึ่งเคยเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคแผนฯ 8 เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ทำลายความสามารถของคนในการพัฒนาตนเองเท่านั้น แต่ยัง ทำลายความรู้สึกของการเป็นเจ้าของอนาคตของตัวเอง
หากรัฐไทยยังไม่ย้อนกลับมาทบทวนบทบาทของชุมชน และยังคงเดินหน้าด้วยนโยบาย “แจกเงิน-แจกโอกาส-แจกหนี้” ที่ไม่เสริมพลังคน ทรัพยากรบุคคลไทยจะยังคงถูกใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าการสร้างประเทศในระยะยาว