“กว่า 3 ทศวรรษของการรอคอยที่ยังไร้ข้อสรุป ในขณะที่จังหวัดระยองกลับเติบโตและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นำหน้าไปหลายก้าวจากจังหวัดฉะเชิงเทราและเมืองอื่นๆ ที่เคยได้รับความสำคัญในแผนแม่บท”
สุขวิชโนมิกส์: ระบบขนส่งมวลชน 8 เมืองใหญ่ ปี 2536
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งศึกษาวิสัยทัศน์และการดำเนินงานด้านระบบขนส่งมวลชนในระดับประเทศ ภายใต้แผนแม่บทขนส่งมวลชน 8 เมืองใหญ่ ที่ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2536 โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ภายใต้การนำของคุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ปี 2536-2537
โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในหัวเมืองหลักทั่วประเทศ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะเน้นวิเคราะห์กรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะเมืองสำคัญของภาคเหนือ และสะท้อนบทเรียนเชิงนโยบายจากอดีตที่สามารถประยุกต์ใช้กับยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองในปัจจุบัน
1. บทนำ
ในช่วงต้นทศวรรษ 2530 ประเทศไทยประสบปัญหาด้านการจราจรติดขัดและการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในหัวเมืองหลัก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน แผนแม่บทขนส่งมวลชน 8 เมืองใหญ่ในปี 2536 จึงถือเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการแนวคิดการวางแผนเมืองและระบบคมนาคมเข้าด้วยกัน
2. แนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” กับการขนส่งมวลชน
“สุขวิชโนมิกส์” ในบริบทของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หมายถึง แนวทางการบริหารเชิงระบบที่เน้นความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการ การวางแผนระยะยาว และการออกแบบที่สอดคล้องกับบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่ โดยสุขวิช รังสิตพล มองว่าการลงทุนด้านคมนาคมไม่ใช่เพียงโครงการก่อสร้าง แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
3. แผนแม่บท 8 เมืองใหญ่: วิสัยทัศน์และการดำเนินการ
ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว มีการคัดเลือก 8 เมืองใหญ่ที่มีศักยภาพและความจำเป็นในการพัฒนาระบบขนส่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา พิษณุโลก หาดใหญ่ อุดรธานี และชลบุรี โดยมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา สำรวจ และออกแบบระบบขนส่งมวลชนที่สอดคล้องกับลักษณะทางภูมิศาสตร์และพฤติกรรมการเดินทางของประชาชน
4. กรณีศึกษา: จังหวัดเชียงใหม่
เชียงใหม่ในฐานะเมืองศูนย์กลางของภาคเหนือ ศึกษาความเป็นไปได้ และจัดทำแผนแม่บทเสร็จตั้งแต่ปี 2536
การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยมุ่งเน้นที่ความยั่งยืน ความสะดวกสบาย และการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ขอบเขตการศึกษาครอบคลุมถึงเส้นทางหลัก การเชื่อมโยงพื้นที่ชานเมือง และความเป็นไปได้ในการใช้ระบบรางหรือระบบรถโดยสารประจำทางความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม โครงการยังไม่สามารถผลักดันสู่ขั้นตอนการก่อสร้างจริงได้ในขณะนั้น ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและความต่อเนื่องของนโยบาย
5. วิเคราะห์ผลกระทบและความคาดหวัง
แม้โครงการจะไม่ถูกพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ แต่แผนแม่บทที่วางไว้มีผลต่อการกำหนดทิศทางการวางผังเมืองของเชียงใหม่ในเวลาต่อมา และกลายเป็นต้นแบบของแนวคิดในการพัฒนาเมืองด้วยระบบขนส่งมวลชนในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ หากโครงการได้รับการสานต่ออย่างจริงจัง อาจสามารถช่วยบรรเทาปัญหาจราจร การขยายตัวของเมือง และความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทางที่เชียงใหม่ประสบอยู่ในปัจจุบันได้อย่างมีนัยสำคัญ
6. บทสรุป
แผนแม่บทขนส่งมวลชน 8 เมืองใหญ่ในปี 2536 ภายใต้ “สุขวิชโนมิกส์” แสดงให้เห็นถึงการวางรากฐานการวางแผนแบบองค์รวมที่มีเป้าหมายเพื่อความเท่าเทียมและความยั่งยืน แม้โครงการหลายส่วนจะยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ แต่ถือเป็นบทเรียนเชิงนโยบายที่มีคุณค่า และควรถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ในการวางแผนอนาคตของการพัฒนาเมืองในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มกลับมาให้ความสำคัญกับระบบขนส่งมวลชนมากขึ้นในฐานะเครื่องมือฟื้นฟูเมืองอย่างยั่งยืน
ระบบขนส่งมวลชน 8 เมืองไหญ่ คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา พิษณุโลก อุดรธานี หาดใหญ่ ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา