เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.prachachat.net/marketing/news-1810091
วิกฤตนักท่องเที่ยวจีนหาย 40%-เศรษฐกิจซบเซา สะเทือนธุรกิจร้านอาหาร 5 แสนล้าน ปัจจัยลบรุม-คนไทยรัดเข็มขัด “เชฟต้น” เจ้าของร้าน Le Du (ฤดู) เผยกระทบถ้วนหน้าตั้งแต่สตรีตฟู้ด ถึงไฟน์ไดนิ่งระดับมิชลินสตาร์ ปีนี้ “เผาจริง” ยอดขายลดฮวบ 50% ทุกเซ็กเมนต์ ดิ้นลดต้นทุน “ลดคน-ปิดสาขา” ร้านอาหารหน้าใหม่-รายย่อยเสี่ยงตาย ไม่เห็นอนาคตไฮซีซั่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เริ่มปี 2568 ร้านอาหารชื่อดังทยอยปิดตัวและประกาศเซ้งร้านจำนวนมากด้วยหลายปัจจัยลบรุมเร้า อาทิ ข้าวมันไก่เจ๊โบว์ ย่านบรรทัดทอง ที่เปิดมานานกว่า 25 ปี, Wisdom Buffet ปิดให้บริการสาขาสยามสแควร์วัน, ชูบา ชาบู ปิดกิจการ หลังเปิดมา 16 ปี, อาม่งหม่าล่า ปิดสาขาเยาวราช เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว, ภัตตาคารไฮ้เปียง ตำนาน 70 ปีหัวหิน, TSUJIRI ร้านชาเขียวต้นตำรับจากญี่ปุ่น ปิดทุกสาขาในไทย, บ้านชิดกรุง กุ้งเผา อ.สามโคก จ.ปทุมธานี รวมถึงตลาดดิ วัน รัชดา เป็นต้น
ธุรกิจร้านอาหารเจ็บหนัก
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 เต็มไปด้วยปัจจัยลบ ทั้งผลกระทบหนักจากสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋าน้อยลง
เช่นเดียวกับโอกาสขายของร้านในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงการย้ายฐานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ออกจากไทยยังลดโอกาสพิเศษต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคจะมาทานอาหารในร้าน เช่น การฉลองความสำเร็จ หรือการกินเลี้ยงหลังเลิกงาน
นอกจากนี้ เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ลดความถี่ของการทานอาหารในร้าน และลดปริมาณ-ระดับราคาเมนูที่สั่ง อาทิ เดิมทานอาหารในร้าน 4-5 วันต่อสัปดาห์ เหลือเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงการสั่งอาหารที่ลดลงจาก 5 อย่าง เหลือ 3 อย่าง และเปลี่ยนจากน้ำปั่น-ชงต่าง ๆ เป็นน้ำเปล่า-น้ำอัดลม เป็นต้น
ขณะที่ร้านแนวบุฟเฟต์แม้จำนวนผู้ใช้บริการไม่ลด แต่ถูกกระทบจากการจับจ่ายต่อคนที่ลดลง เช่น ลูกค้า 100 คนเท่าเดิม แต่อาจลดแพ็กเกจจาก 1,500 บาท เหลือ 700 บาท แทน
“ประกอบปีนี้ ฝนมาเร็วกว่าปกติเป็นอีกปัจจัยลบ บรรดาร้านอาหารเริ่มสะท้อนถึงความเงียบเหงามาตั้งแต่ปลายเมษายนแล้ว ทำให้บางร้านตอนเย็นยังไม่ทันตั้งร้าน ฝนก็ตก 3 ชั่วโมงติดจนขายไม่ได้แล้ว”
ปัจจัยลบต่าง ๆ กระทบรายได้ของร้านอาหารเนื่องจากกำไรจากเมนูต่าง ๆ โดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่มลดลงไปมาก ขณะที่ต้นทุนต่าง ๆ ทั้งค่าเช่า พลังงาน ค่าแรง วัตถุดิบทรงตัวหรือแพงขึ้น จนสัดส่วนกำไรอาจลดลงไปถึง 50%
ต้องแก้วิกฤตการท่องเที่ยว
นายธิติฏฐ์ ทัศนาขจร “เชฟต้น” เจ้าของร้าน Le Du (ฤดู) มิชลิน 1 ดาว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากภาวะการท่องเที่ยวที่ซบเซา ส่งผลกระทบถึงธุรกิจร้านอาหารอย่างคาดไม่ถึง โดยจากเหตุการณ์ที่ “ซิง ซิง” นักแสดงจีนถูกลักพาตัวไปยังเมืองสแกมเมอร์ เชื่อว่าคนไทยจำนวนมาก และตัวเองก็ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไร
แต่หลังจากนั้นกลายเป็นกระแสทำให้คนจีน และคนที่ใช้ภาษาจีนอย่างไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ชะลอการมาเที่ยวเมืองไทย โดยที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเหล่านี้มาไทยเยอะมาก เพราะปลอดภัย ค่าครองชีพถูก และน่าดึงดูดกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว นักท่องเที่ยวลดลงจำนวนมาก
มิหนำซ้ำยังเกิดผลกระทบอีกระลอกจากภัยแผ่นดินไหว ภาพตึก สตง.ถล่ม ทำให้เมืองไทยไม่ปลอดภัยในมุมมองต่างชาติ ซึ่งไม่รู้ว่าถล่มเพียงตึกเดียว แต่คิดว่ากรุงเทพฯ คือพื้นที่ภัยพิบัติร้ายแรง เรื่องนี้สะท้อนว่าภาพที่เห็นนั้นต่างกับที่คนไทยเป็นอยู่อย่างสิ้นเชิง หลายชาติประกาศเตือนอย่างเป็นทางการว่า ไทยเสี่ยงต่อการเดินทางมา ซึ่งทางการไทยควรสื่อสารกับต่างชาติให้ชัดเจน
หน้าใหม่-รายเล็กเจ็บหนัก
ร้านอาหารยอดตก 50%
ปีนี้เผาจริง “ปิดตัว” พุ่ง
ร้านอาหารดิ้นหนีตาย
เยาวราชไม่เหมือนเดิม
รายย่อยเสี่ยงตายเรียบ
โจทย์ร้านอาหารเกิดใหม่เยอะ
นักท่องเที่ยวจีนหาย 40%... อ่านรายละเอียดข่าวต้นฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.prachachat.net/marketing/news-1810091
ปีเผาจริง’ ร้านอาหารปิดสาขา ยอดวูบตั้งแต่สตรีตฟู้ดยันมิชลิน
https://www.prachachat.net/marketing/news-1810091
วิกฤตนักท่องเที่ยวจีนหาย 40%-เศรษฐกิจซบเซา สะเทือนธุรกิจร้านอาหาร 5 แสนล้าน ปัจจัยลบรุม-คนไทยรัดเข็มขัด “เชฟต้น” เจ้าของร้าน Le Du (ฤดู) เผยกระทบถ้วนหน้าตั้งแต่สตรีตฟู้ด ถึงไฟน์ไดนิ่งระดับมิชลินสตาร์ ปีนี้ “เผาจริง” ยอดขายลดฮวบ 50% ทุกเซ็กเมนต์ ดิ้นลดต้นทุน “ลดคน-ปิดสาขา” ร้านอาหารหน้าใหม่-รายย่อยเสี่ยงตาย ไม่เห็นอนาคตไฮซีซั่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เริ่มปี 2568 ร้านอาหารชื่อดังทยอยปิดตัวและประกาศเซ้งร้านจำนวนมากด้วยหลายปัจจัยลบรุมเร้า อาทิ ข้าวมันไก่เจ๊โบว์ ย่านบรรทัดทอง ที่เปิดมานานกว่า 25 ปี, Wisdom Buffet ปิดให้บริการสาขาสยามสแควร์วัน, ชูบา ชาบู ปิดกิจการ หลังเปิดมา 16 ปี, อาม่งหม่าล่า ปิดสาขาเยาวราช เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว, ภัตตาคารไฮ้เปียง ตำนาน 70 ปีหัวหิน, TSUJIRI ร้านชาเขียวต้นตำรับจากญี่ปุ่น ปิดทุกสาขาในไทย, บ้านชิดกรุง กุ้งเผา อ.สามโคก จ.ปทุมธานี รวมถึงตลาดดิ วัน รัชดา เป็นต้น
ธุรกิจร้านอาหารเจ็บหนัก
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 เต็มไปด้วยปัจจัยลบ ทั้งผลกระทบหนักจากสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋าน้อยลง
เช่นเดียวกับโอกาสขายของร้านในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงการย้ายฐานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ออกจากไทยยังลดโอกาสพิเศษต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคจะมาทานอาหารในร้าน เช่น การฉลองความสำเร็จ หรือการกินเลี้ยงหลังเลิกงาน
นอกจากนี้ เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ลดความถี่ของการทานอาหารในร้าน และลดปริมาณ-ระดับราคาเมนูที่สั่ง อาทิ เดิมทานอาหารในร้าน 4-5 วันต่อสัปดาห์ เหลือเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงการสั่งอาหารที่ลดลงจาก 5 อย่าง เหลือ 3 อย่าง และเปลี่ยนจากน้ำปั่น-ชงต่าง ๆ เป็นน้ำเปล่า-น้ำอัดลม เป็นต้น
ขณะที่ร้านแนวบุฟเฟต์แม้จำนวนผู้ใช้บริการไม่ลด แต่ถูกกระทบจากการจับจ่ายต่อคนที่ลดลง เช่น ลูกค้า 100 คนเท่าเดิม แต่อาจลดแพ็กเกจจาก 1,500 บาท เหลือ 700 บาท แทน
“ประกอบปีนี้ ฝนมาเร็วกว่าปกติเป็นอีกปัจจัยลบ บรรดาร้านอาหารเริ่มสะท้อนถึงความเงียบเหงามาตั้งแต่ปลายเมษายนแล้ว ทำให้บางร้านตอนเย็นยังไม่ทันตั้งร้าน ฝนก็ตก 3 ชั่วโมงติดจนขายไม่ได้แล้ว”
ปัจจัยลบต่าง ๆ กระทบรายได้ของร้านอาหารเนื่องจากกำไรจากเมนูต่าง ๆ โดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่มลดลงไปมาก ขณะที่ต้นทุนต่าง ๆ ทั้งค่าเช่า พลังงาน ค่าแรง วัตถุดิบทรงตัวหรือแพงขึ้น จนสัดส่วนกำไรอาจลดลงไปถึง 50%
ต้องแก้วิกฤตการท่องเที่ยว
นายธิติฏฐ์ ทัศนาขจร “เชฟต้น” เจ้าของร้าน Le Du (ฤดู) มิชลิน 1 ดาว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากภาวะการท่องเที่ยวที่ซบเซา ส่งผลกระทบถึงธุรกิจร้านอาหารอย่างคาดไม่ถึง โดยจากเหตุการณ์ที่ “ซิง ซิง” นักแสดงจีนถูกลักพาตัวไปยังเมืองสแกมเมอร์ เชื่อว่าคนไทยจำนวนมาก และตัวเองก็ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไร
แต่หลังจากนั้นกลายเป็นกระแสทำให้คนจีน และคนที่ใช้ภาษาจีนอย่างไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ชะลอการมาเที่ยวเมืองไทย โดยที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเหล่านี้มาไทยเยอะมาก เพราะปลอดภัย ค่าครองชีพถูก และน่าดึงดูดกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว นักท่องเที่ยวลดลงจำนวนมาก
มิหนำซ้ำยังเกิดผลกระทบอีกระลอกจากภัยแผ่นดินไหว ภาพตึก สตง.ถล่ม ทำให้เมืองไทยไม่ปลอดภัยในมุมมองต่างชาติ ซึ่งไม่รู้ว่าถล่มเพียงตึกเดียว แต่คิดว่ากรุงเทพฯ คือพื้นที่ภัยพิบัติร้ายแรง เรื่องนี้สะท้อนว่าภาพที่เห็นนั้นต่างกับที่คนไทยเป็นอยู่อย่างสิ้นเชิง หลายชาติประกาศเตือนอย่างเป็นทางการว่า ไทยเสี่ยงต่อการเดินทางมา ซึ่งทางการไทยควรสื่อสารกับต่างชาติให้ชัดเจน
หน้าใหม่-รายเล็กเจ็บหนัก
ร้านอาหารยอดตก 50%
ปีนี้เผาจริง “ปิดตัว” พุ่ง
ร้านอาหารดิ้นหนีตาย
เยาวราชไม่เหมือนเดิม
รายย่อยเสี่ยงตายเรียบ
โจทย์ร้านอาหารเกิดใหม่เยอะ
นักท่องเที่ยวจีนหาย 40%... อ่านรายละเอียดข่าวต้นฉบับเต็มได้ที่ : https://www.prachachat.net/marketing/news-1810091