Google AdSense เป็นช่องทางสร้างรายได้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ แต่กุญแจสำคัญในการเพิ่มยอดรายได้คือ การเข้าชม (Traffic) ที่มีคุณภาพ ซึ่งมาจากการทำ SEO ที่ดี บทความนี้จะแนะนำวิธีเพิ่มยอด AdSense อย่างรวดเร็ว โดยโฟกัสที่กลยุทธ์ SEO เพื่อดึง Traffic คุณภาพ พร้อมเคล็ดลับการวางโฆษณาและการปรับแต่งเพื่อผลลัพธ์สูงสุดใน 30 วัน
1. ทำ SEO ให้ปังเพื่อเพิ่ม Traffic คุณภาพ
SEO เป็นวิธีที่ยั่งยืนในการเพิ่มการเข้าชมจากเครื่องมือค้นหา โดยเฉพาะ Google ซึ่งเป็นแหล่ง Traffic ที่มีโอกาสแปลงเป็นรายได้จาก AdSense สูง ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ SEO ที่ควรทำทันที:
1.1 ค้นหาคีย์เวิร์ด CPC สูง
คีย์เวิร์ดที่มี Cost Per Click (CPC) สูง เช่น การเงิน, เทคโนโลยี, หรือประกันภัย จะดึงดูดโฆษณาที่มีมูลค่าสูง:
ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, Ahrefs, หรือ SEMrush เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ดีและการแข่งขันต่ำถึงปานกลาง เช่น “วิธีเลือกประกันสุขภาพ” หรือ “รีวิวสมาร์ทโฟน 2025”
เลือกคีย์เวิร์ด Long-Tail เช่น “วิธีลงทุนในกองทุนรวมสำหรับมือใหม่” ซึ่งมักมีโอกาสติดอันดับง่ายกว่า
ตัวอย่าง: บทความเกี่ยวกับ “ประกันรถยนต์ออนไลน์” อาจดึงโฆษณาจากบริษัทประกันที่มี CPC 10-20 บาทต่อคลิก
1.2 สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง
เนื้อหาคือหัวใจของ SEO และ AdSense เนื้อหาที่ดีจะดึงดูดผู้เข้าชมและทำให้อยู่นานขึ้น:
เขียนบทความยาวและครอบคลุม: บทความที่มีความยาว 1,500-2,000 คำ มักติดอันดับสูงกว่า เพราะสามารถตอบคำถามได้ครบถ้วน
ใช้โครงสร้างที่ชัดเจน: แบ่งเนื้อหาด้วยหัวข้อ (H1, H2, H3) และย่อหน้าสั้นๆ เพื่อให้อ่านง่าย
ตอบคำถามผู้ใช้: ใช้เครื่องมืออย่าง AnswerThePublic เพื่อหาคำถามที่คนค้นหา เช่น “ทำไมประกันสุขภาพถึงสำคัญ?” และรวมคำตอบในบทความ
ตัวอย่าง: บทความ “10 ข้อควรรู้ก่อนซื้อประกันรถยนต์” ที่มีข้อมูลเจาะลึกและเปรียบเทียบตัวเลือก จะดึงดูดทั้งผู้อ่านและโฆษณาคุณภาพ
1.3 ปรับแต่ง On-Page SEO
ตรวจสอบว่าแต่ละหน้าในเว็บได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม:
Title Tag: รวมคีย์เวิร์ดหลักและทำให้สั้น (60 ตัวอักษร) เช่น “วิธีเลือกประกันรถยนต์ 2025 ฉบับเข้าใจง่าย”
Meta Description: เขียนให้กระชับ (160 ตัวอักษร) และน่าคลิก เช่น “ค้นพบวิธีเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025 พร้อมเคล็ดลับประหยัดเงิน!”
URL: ใช้ URL สั้นและมีคีย์เวิร์ด เช่น yourwebsite.com/เลือกประกันรถยนต์
Internal Links: ลิงก์ไปยังบทความอื่นในเว็บเพื่อเพิ่ม Page Views เช่น ลิงก์จากบทความประกันรถยนต์ไปยังบทความเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล
รูปภาพ: ใช้ภาพที่เกี่ยวข้องและเพิ่ม Alt Text ที่มีคีย์เวิร์ด เช่น “ประกันรถยนต์ราคาถูก”
1.4 สร้าง Backlinks คุณภาพ
Backlinks จากเว็บที่น่าเชื่อถือช่วยเพิ่มอันดับใน Google:
Guest Posting: เขียนบทความให้เว็บอื่นในวงการเดียวกันและใส่ลิงก์กลับมายังเว็บคุณ
ออกความเห็นในฟอรัม: เข้าร่วมฟอรัมหรือชุมชนออนไลน์ เช่น Pantip หรือ Reddit และใส่ลิงก์เมื่อเหมาะสม
ติดต่อเว็บในวงการ: เสนอให้แลกลิงก์กับเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง
ตัวอย่าง: หากเว็บคุณเกี่ยวกับการเงิน ขอให้บล็อกการเงินอื่นลิงก์มาที่บทความของคุณในหัวข้อ “วิธีบริหารเงิน”
1.5 อัปเดตเนื้อหาเก่า
ตรวจสอบบทความเก่าที่เคยมี Traffic แต่ตอนนี้อันดับตก:
เพิ่มข้อมูลใหม่ เช่น ข้อมูลประกันรถยนต์ในปี 2025
ปรับคีย์เวิร์ดให้ทันสมัย
เพิ่ม Internal Links ไปยังบทความใหม่
ตัวอย่าง: อัปเดตบทความ “วิธีเลือกสมาร์ทโฟน 2023” เป็น “วิธีเลือกสมาร์ทโฟน 2025” เพื่อดึง Traffic ใหม่
2. วางโฆษณาให้สอดคล้องกับ SEO
เมื่อ Traffic จาก SEO เพิ่มขึ้น การวางโฆษณาที่เหมาะสมจะช่วยแปลงการเข้าชมเป็นรายได้:
2.1 เลือกตำแหน่งโฆษณาที่เด่น
Above the Fold: วางโฆษณาขนาด 728x90 หรือ 300x250 ด้านบนสุดของหน้าเพื่อให้มองเห็นทันที
In-Article Ads: ใส่โฆษณาระหว่างย่อหน้าที่ 2-3 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้อ่านเริ่มสนใจเนื้อหา
Sticky Ads: ใช้โฆษณาแบบติดขอบหน้าจอ (160x600) เพื่อเพิ่มการมองเห็น
ตัวอย่าง: ในบทความเกี่ยวกับ “การลงทุนในหุ้น” วางโฆษณาใต้ย่อหน้าแรกที่พูดถึง “ความเสี่ยงในการลงทุน” เพื่อดึงดูดผู้อ่านที่กำลังสนใจ
2.2 ใช้โฆษณาแบบ Native
โฆษณาแบบ In-Article หรือ In-Feed ที่กลมกลืนกับเนื้อหาจะเพิ่ม Click-Through Rate (CTR):
ปรับสีและฟอนต์ให้เข้ากับเว็บ
ใช้โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น โฆษณาคอร์สการเงินในบทความเกี่ยวกับการลงทุน
2.3 ทดสอบด้วย Auto Ads
หากไม่แน่ใจว่าควรวางโฆษณาที่ไหน ใช้ Auto Ads เพื่อให้ Google วิเคราะห์และวางโฆษณาในตำแหน่งที่เหมาะสม:
ตรวจสอบผลลัพธ์หลัง 7 วัน และปิดโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้
3. ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้เหมาะกับ SEO
SEO ไม่ได้เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี ซึ่งส่งผลต่ออันดับและรายได้ AdSense:
3.1 เพิ่มความเร็วเว็บ
Google ให้ความสำคัญกับเว็บที่โหลดเร็ว:
ใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา เช่น บีบอัดภาพด้วย TinyPNG หรือใช้ปลั๊กอินแคชอย่าง WP Rocket
เลือกโฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพสูง
ตัวอย่าง: ลดเวลาโหลดหน้าเว็บจาก 5 วินาทีเหลือ 2 วินาที อาจลด Bounce Rate ได้ 20%
3.2 ออกแบบให้เหมาะกับมือถือ
กว่า 60% ของการค้นหามาจากมือถือ ดังนั้น:
ใช้ธีมที่เป็น Mobile-Friendly
ตรวจสอบว่าโฆษณาแสดงผลดีและไม่บังเนื้อหา
ทดสอบด้วย Google Mobile-Friendly Test
3.3 ลด Bounce Rate
ทำให้ผู้อ่านอยู่ในเว็บนานขึ้น:
ใช้ Internal Links เพื่อแนะนำบทความที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มวิดีโอหรือ Infographic เพื่อดึงดูดความสนใจ
ตัวอย่าง: ในบทความ “วิธีประหยัดเงิน” ใส่ลิงก์ไปยัง “วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่” เพื่อเพิ่ม Page Views
4. วิเคราะห์และปรับแต่ง SEO อย่างต่อเนื่อง
การทำ SEO และเพิ่มยอด AdSense ต้องติดตามผลและปรับปรุง:
4.1 ใช้ Google Analytics และ Search Console
ตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่นำ Traffic มา และสร้างบทความเพิ่มในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ดูหน้าเว็บที่มี Bounce Rate สูง และปรับปรุงเนื้อหาหรือโฆษณา
ตัวอย่าง: หากหน้า “รีวิวสมาร์ทโฟน” มี Traffic สูง แต่ CTR ต่ำ อาจต้องย้ายโฆษณาไปตำแหน่งที่มองเห็นง่ายขึ้น
4.2 ทดสอบ A/B Testing
ทดลองเปลี่ยนตำแหน่งหรือขนาดโฆษณาเพื่อหาวิธีที่ให้ CTR สูงสุด:
เปรียบเทียบโฆษณา 300x250 กับ 336x280
ลองย้ายโฆษณาจากแถบด้านข้างไปใต้หัวข้อ
4.3 อัปเดตกลยุทธ์ตามเทรนด์
ติดตามเทรนด์ SEO เช่น การใช้ Featured Snippets หรือ Voice Search:
เขียนบทความที่ตอบคำถามสั้นๆ เพื่อขึ้น Featured Snippet เช่น “ประกันรถยนต์คืออะไร?”
ปรับคีย์เวิร์ดให้เหมาะกับ Voice Search เช่น “วิธีเลือกประกันรถยนต์ที่ดีที่สุด”
5. แผนปฏิบัติการ 30 วัน
เพื่อให้ยอด AdSense พุ่งไว ทำตามขั้นตอนนี้:
สัปดาห์ 1: วางรากฐาน SEO
วิเคราะห์เว็บด้วย Google Search Console และ PageSpeed Insights
ปรับความเร็วเว็บและตรวจสอบความเหมาะสมบนมือถือ
ค้นหาคีย์เวิร์ด CPC สูง 5-10 คำ
สัปดาห์ 2: สร้างและโปรโมตเนื้อหา
เขียนบทความ 3-5 ชิ้นที่เน้นคีย์เวิร์ด CPC สูง
ปรับ On-Page SEO (Title, Meta, URL) ให้สมบูรณ์
โปรโมตบทความผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น กลุ่ม Facebook หรือ Pinterest
สัปดาห์ 3: เพิ่ม Backlinks และโฆษณา
สร้าง Backlinks 2-3 ลิงก์จาก Guest Post หรือฟอรัม
วางโฆษณาในตำแหน่งเด่น เช่น In-Article และ Above the Fold
เปิด Auto Ads หรือทดสอบตำแหน่งด้วย A/B Testing
สัปดาห์ 4: วิเคราะห์และขยาย
ตรวจสอบ Traffic และ CTR จาก Google Analytics และ AdSense
อัปเดตบทความเก่าหรือเขียนบทความใหม่ตามคีย์เวิร์ดที่ได้ผล
ขยายการโปรโมตไปยังช่องทางใหม่ เช่น YouTube
ข้อควรระวัง
ห้ามซื้อ Traffic ราคาถูก: Traffic ที่ไม่มีคุณภาพอาจทำให้ Google ลงโทษเว็บ
ปฏิบัติตามนโยบาย AdSense: หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ผิดกฎ เช่น การพนันหรือเนื้อหาล่อแหลม
อย่าคลิกโฆษณาของตัวเอง: การกระทำนี้เสี่ยงต่อการถูกแบน
เพิ่มยอด Google AdSense ด้วยกลยุทธ์ SEO สุดปังใน 30 วัน
1. ทำ SEO ให้ปังเพื่อเพิ่ม Traffic คุณภาพ
SEO เป็นวิธีที่ยั่งยืนในการเพิ่มการเข้าชมจากเครื่องมือค้นหา โดยเฉพาะ Google ซึ่งเป็นแหล่ง Traffic ที่มีโอกาสแปลงเป็นรายได้จาก AdSense สูง ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ SEO ที่ควรทำทันที:
1.1 ค้นหาคีย์เวิร์ด CPC สูง
คีย์เวิร์ดที่มี Cost Per Click (CPC) สูง เช่น การเงิน, เทคโนโลยี, หรือประกันภัย จะดึงดูดโฆษณาที่มีมูลค่าสูง:
ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner, Ahrefs, หรือ SEMrush เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ดีและการแข่งขันต่ำถึงปานกลาง เช่น “วิธีเลือกประกันสุขภาพ” หรือ “รีวิวสมาร์ทโฟน 2025”
เลือกคีย์เวิร์ด Long-Tail เช่น “วิธีลงทุนในกองทุนรวมสำหรับมือใหม่” ซึ่งมักมีโอกาสติดอันดับง่ายกว่า
ตัวอย่าง: บทความเกี่ยวกับ “ประกันรถยนต์ออนไลน์” อาจดึงโฆษณาจากบริษัทประกันที่มี CPC 10-20 บาทต่อคลิก
1.2 สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง
เนื้อหาคือหัวใจของ SEO และ AdSense เนื้อหาที่ดีจะดึงดูดผู้เข้าชมและทำให้อยู่นานขึ้น:
เขียนบทความยาวและครอบคลุม: บทความที่มีความยาว 1,500-2,000 คำ มักติดอันดับสูงกว่า เพราะสามารถตอบคำถามได้ครบถ้วน
ใช้โครงสร้างที่ชัดเจน: แบ่งเนื้อหาด้วยหัวข้อ (H1, H2, H3) และย่อหน้าสั้นๆ เพื่อให้อ่านง่าย
ตอบคำถามผู้ใช้: ใช้เครื่องมืออย่าง AnswerThePublic เพื่อหาคำถามที่คนค้นหา เช่น “ทำไมประกันสุขภาพถึงสำคัญ?” และรวมคำตอบในบทความ
ตัวอย่าง: บทความ “10 ข้อควรรู้ก่อนซื้อประกันรถยนต์” ที่มีข้อมูลเจาะลึกและเปรียบเทียบตัวเลือก จะดึงดูดทั้งผู้อ่านและโฆษณาคุณภาพ
1.3 ปรับแต่ง On-Page SEO
ตรวจสอบว่าแต่ละหน้าในเว็บได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม:
Title Tag: รวมคีย์เวิร์ดหลักและทำให้สั้น (60 ตัวอักษร) เช่น “วิธีเลือกประกันรถยนต์ 2025 ฉบับเข้าใจง่าย”
Meta Description: เขียนให้กระชับ (160 ตัวอักษร) และน่าคลิก เช่น “ค้นพบวิธีเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025 พร้อมเคล็ดลับประหยัดเงิน!”
URL: ใช้ URL สั้นและมีคีย์เวิร์ด เช่น yourwebsite.com/เลือกประกันรถยนต์
Internal Links: ลิงก์ไปยังบทความอื่นในเว็บเพื่อเพิ่ม Page Views เช่น ลิงก์จากบทความประกันรถยนต์ไปยังบทความเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล
รูปภาพ: ใช้ภาพที่เกี่ยวข้องและเพิ่ม Alt Text ที่มีคีย์เวิร์ด เช่น “ประกันรถยนต์ราคาถูก”
1.4 สร้าง Backlinks คุณภาพ
Backlinks จากเว็บที่น่าเชื่อถือช่วยเพิ่มอันดับใน Google:
Guest Posting: เขียนบทความให้เว็บอื่นในวงการเดียวกันและใส่ลิงก์กลับมายังเว็บคุณ
ออกความเห็นในฟอรัม: เข้าร่วมฟอรัมหรือชุมชนออนไลน์ เช่น Pantip หรือ Reddit และใส่ลิงก์เมื่อเหมาะสม
ติดต่อเว็บในวงการ: เสนอให้แลกลิงก์กับเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง
ตัวอย่าง: หากเว็บคุณเกี่ยวกับการเงิน ขอให้บล็อกการเงินอื่นลิงก์มาที่บทความของคุณในหัวข้อ “วิธีบริหารเงิน”
1.5 อัปเดตเนื้อหาเก่า
ตรวจสอบบทความเก่าที่เคยมี Traffic แต่ตอนนี้อันดับตก:
เพิ่มข้อมูลใหม่ เช่น ข้อมูลประกันรถยนต์ในปี 2025
ปรับคีย์เวิร์ดให้ทันสมัย
เพิ่ม Internal Links ไปยังบทความใหม่
ตัวอย่าง: อัปเดตบทความ “วิธีเลือกสมาร์ทโฟน 2023” เป็น “วิธีเลือกสมาร์ทโฟน 2025” เพื่อดึง Traffic ใหม่
2. วางโฆษณาให้สอดคล้องกับ SEO
เมื่อ Traffic จาก SEO เพิ่มขึ้น การวางโฆษณาที่เหมาะสมจะช่วยแปลงการเข้าชมเป็นรายได้:
2.1 เลือกตำแหน่งโฆษณาที่เด่น
Above the Fold: วางโฆษณาขนาด 728x90 หรือ 300x250 ด้านบนสุดของหน้าเพื่อให้มองเห็นทันที
In-Article Ads: ใส่โฆษณาระหว่างย่อหน้าที่ 2-3 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้อ่านเริ่มสนใจเนื้อหา
Sticky Ads: ใช้โฆษณาแบบติดขอบหน้าจอ (160x600) เพื่อเพิ่มการมองเห็น
ตัวอย่าง: ในบทความเกี่ยวกับ “การลงทุนในหุ้น” วางโฆษณาใต้ย่อหน้าแรกที่พูดถึง “ความเสี่ยงในการลงทุน” เพื่อดึงดูดผู้อ่านที่กำลังสนใจ
2.2 ใช้โฆษณาแบบ Native
โฆษณาแบบ In-Article หรือ In-Feed ที่กลมกลืนกับเนื้อหาจะเพิ่ม Click-Through Rate (CTR):
ปรับสีและฟอนต์ให้เข้ากับเว็บ
ใช้โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น โฆษณาคอร์สการเงินในบทความเกี่ยวกับการลงทุน
2.3 ทดสอบด้วย Auto Ads
หากไม่แน่ใจว่าควรวางโฆษณาที่ไหน ใช้ Auto Ads เพื่อให้ Google วิเคราะห์และวางโฆษณาในตำแหน่งที่เหมาะสม:
ตรวจสอบผลลัพธ์หลัง 7 วัน และปิดโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้
3. ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้เหมาะกับ SEO
SEO ไม่ได้เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี ซึ่งส่งผลต่ออันดับและรายได้ AdSense:
3.1 เพิ่มความเร็วเว็บ
Google ให้ความสำคัญกับเว็บที่โหลดเร็ว:
ใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา เช่น บีบอัดภาพด้วย TinyPNG หรือใช้ปลั๊กอินแคชอย่าง WP Rocket
เลือกโฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพสูง
ตัวอย่าง: ลดเวลาโหลดหน้าเว็บจาก 5 วินาทีเหลือ 2 วินาที อาจลด Bounce Rate ได้ 20%
3.2 ออกแบบให้เหมาะกับมือถือ
กว่า 60% ของการค้นหามาจากมือถือ ดังนั้น:
ใช้ธีมที่เป็น Mobile-Friendly
ตรวจสอบว่าโฆษณาแสดงผลดีและไม่บังเนื้อหา
ทดสอบด้วย Google Mobile-Friendly Test
3.3 ลด Bounce Rate
ทำให้ผู้อ่านอยู่ในเว็บนานขึ้น:
ใช้ Internal Links เพื่อแนะนำบทความที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มวิดีโอหรือ Infographic เพื่อดึงดูดความสนใจ
ตัวอย่าง: ในบทความ “วิธีประหยัดเงิน” ใส่ลิงก์ไปยัง “วิธีลงทุนสำหรับมือใหม่” เพื่อเพิ่ม Page Views
4. วิเคราะห์และปรับแต่ง SEO อย่างต่อเนื่อง
การทำ SEO และเพิ่มยอด AdSense ต้องติดตามผลและปรับปรุง:
4.1 ใช้ Google Analytics และ Search Console
ตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่นำ Traffic มา และสร้างบทความเพิ่มในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ดูหน้าเว็บที่มี Bounce Rate สูง และปรับปรุงเนื้อหาหรือโฆษณา
ตัวอย่าง: หากหน้า “รีวิวสมาร์ทโฟน” มี Traffic สูง แต่ CTR ต่ำ อาจต้องย้ายโฆษณาไปตำแหน่งที่มองเห็นง่ายขึ้น
4.2 ทดสอบ A/B Testing
ทดลองเปลี่ยนตำแหน่งหรือขนาดโฆษณาเพื่อหาวิธีที่ให้ CTR สูงสุด:
เปรียบเทียบโฆษณา 300x250 กับ 336x280
ลองย้ายโฆษณาจากแถบด้านข้างไปใต้หัวข้อ
4.3 อัปเดตกลยุทธ์ตามเทรนด์
ติดตามเทรนด์ SEO เช่น การใช้ Featured Snippets หรือ Voice Search:
เขียนบทความที่ตอบคำถามสั้นๆ เพื่อขึ้น Featured Snippet เช่น “ประกันรถยนต์คืออะไร?”
ปรับคีย์เวิร์ดให้เหมาะกับ Voice Search เช่น “วิธีเลือกประกันรถยนต์ที่ดีที่สุด”
5. แผนปฏิบัติการ 30 วัน
เพื่อให้ยอด AdSense พุ่งไว ทำตามขั้นตอนนี้:
สัปดาห์ 1: วางรากฐาน SEO
วิเคราะห์เว็บด้วย Google Search Console และ PageSpeed Insights
ปรับความเร็วเว็บและตรวจสอบความเหมาะสมบนมือถือ
ค้นหาคีย์เวิร์ด CPC สูง 5-10 คำ
สัปดาห์ 2: สร้างและโปรโมตเนื้อหา
เขียนบทความ 3-5 ชิ้นที่เน้นคีย์เวิร์ด CPC สูง
ปรับ On-Page SEO (Title, Meta, URL) ให้สมบูรณ์
โปรโมตบทความผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น กลุ่ม Facebook หรือ Pinterest
สัปดาห์ 3: เพิ่ม Backlinks และโฆษณา
สร้าง Backlinks 2-3 ลิงก์จาก Guest Post หรือฟอรัม
วางโฆษณาในตำแหน่งเด่น เช่น In-Article และ Above the Fold
เปิด Auto Ads หรือทดสอบตำแหน่งด้วย A/B Testing
สัปดาห์ 4: วิเคราะห์และขยาย
ตรวจสอบ Traffic และ CTR จาก Google Analytics และ AdSense
อัปเดตบทความเก่าหรือเขียนบทความใหม่ตามคีย์เวิร์ดที่ได้ผล
ขยายการโปรโมตไปยังช่องทางใหม่ เช่น YouTube
ข้อควรระวัง
ห้ามซื้อ Traffic ราคาถูก: Traffic ที่ไม่มีคุณภาพอาจทำให้ Google ลงโทษเว็บ
ปฏิบัติตามนโยบาย AdSense: หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ผิดกฎ เช่น การพนันหรือเนื้อหาล่อแหลม
อย่าคลิกโฆษณาของตัวเอง: การกระทำนี้เสี่ยงต่อการถูกแบน