ดราม่าในออฟฟิศจะหายไป ถ้าไม่มีคนตอบสนองทางอารมณ์ คนที่เล่นใหญ่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานเห็นใจ แต่ถ้าเรานิ่งเฉย และถามแค่ “ข้อเท็จจริงคืออะไร” ดราม่าก็จะค่อยๆ หายไปเอง
พูดว่า “ขอแค่ข้อเท็จจริง” (Just the facts Please) คือทางลัดสู่การแก้ปัญหา แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป คำพูดง่ายๆ นี้จะช่วยเบรกสถานการณ์และเข้าสู่โหมดหาทางออก
บรรยากาศออฟฟิศที่เน้นเหตุผลมากกว่าอารมณ์ = ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น เมื่อองค์กรไม่สนับสนุนดราม่า พนักงานก็จะหันมาสื่อสารด้วยเหตุผล สร้างความไว้วางใจ และลดความเครียดในที่ทำงาน
เรื่องดราม่าในที่ทำงานก็เหมือนกองไฟ ยิ่งมีลมพัดกระพือ (หรือในที่นี้คือ "อารมณ์ร่วม") เข้าไปมากเท่าไหร่ ไฟก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต คนที่ชอบสร้างดราม่ามักจะพูดเกินจริง ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นวิกฤติใหญ่ และถ้าเราเผลอมีปฏิกิริยาเกินเหตุโต้ตอบกลับไป ก็เท่ากับเติมเชื้อไฟให้เขาโดยไม่รู้ตัว
ผลการศึกษาจาก Leadership IQ พบว่า หากวัยทำงานอยู่ในออฟฟิศที่มีดราม่ามากๆ หรือบ่อยๆ มักจะเครียด เบื่องาน และประสิทธิภาพการทำงานตกลง เพราะดราม่าไม่ได้แค่สร้างความรำคาญ แต่ยังบั่นทอนบรรยากาศและคุณภาพงานโดยตรง เป็นบ่อเกิดอารมณ์รุนแรงเกินเหตุทำให้เกิดความสับสน แพร่พลังลบจนอาจขัดขวางงานสำคัญ แต่ถ้าเรารู้วิธีรับมือให้ถูกจุด ก็สามารถ “เบรกดราม่า” ได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
วิธีรับมือดราม่าในออฟิศ ให้พลิกเกมด้วย “ข้อเท็จจริง”
มาร์ค เมอร์ฟี (Mark Murphy) นักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times ผู้เชี่ยวชาญงานเขียนด้านความเป็นผู้นำ การจ้างงาน และการมีส่วนร่วมของพนักงาน อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า ดราม่าเติบโตจากอารมณ์ ยิ่งคุณตอบสนองด้วยความตกใจ เห็นใจ หรือโมโห คนสร้างเรื่องก็จะยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง “ถูกต้อง” ตามที่เขาคิดไว้
มนุษย์เราถูกตั้งโปรแกรมมาให้ตอบสนองต่อสิ่งไม่คาดคิดด้วยอารมณ์ เพราะเป็นกลไกเอาตัวรอดตามธรรมชาติ แต่ในโลกการทำงาน มันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์
ทั้งนี้ วิธีรับมือที่ถูกต้องคือ ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานบุกเข้ามาคุยด้วยเรื่องเวอร์ๆ เขากำลังรอให้คุณมีปฏิกิริยาแบบ “ว้าย จริงเหรอ!?” หรือ “เห้ย..แย่มาก!” คุณอย่าเพิ่งรอให้เขาหรือเธอพูด แต่สิ่งที่ควรทำทันทีคือบอกไปด้วยวลีนี้ว่า “ขอเฉพาะข้อเท็จจริง”
วิธีลดความขัดแย้งในที่ทำงาน สยบดราม่า เพิ่มประสิทธิภาพงาน
พูดว่า “ขอแค่ข้อเท็จจริง” (Just the facts Please) คือทางลัดสู่การแก้ปัญหา แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป คำพูดง่ายๆ นี้จะช่วยเบรกสถานการณ์และเข้าสู่โหมดหาทางออก
บรรยากาศออฟฟิศที่เน้นเหตุผลมากกว่าอารมณ์ = ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น เมื่อองค์กรไม่สนับสนุนดราม่า พนักงานก็จะหันมาสื่อสารด้วยเหตุผล สร้างความไว้วางใจ และลดความเครียดในที่ทำงาน
เรื่องดราม่าในที่ทำงานก็เหมือนกองไฟ ยิ่งมีลมพัดกระพือ (หรือในที่นี้คือ "อารมณ์ร่วม") เข้าไปมากเท่าไหร่ ไฟก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต คนที่ชอบสร้างดราม่ามักจะพูดเกินจริง ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นวิกฤติใหญ่ และถ้าเราเผลอมีปฏิกิริยาเกินเหตุโต้ตอบกลับไป ก็เท่ากับเติมเชื้อไฟให้เขาโดยไม่รู้ตัว
ผลการศึกษาจาก Leadership IQ พบว่า หากวัยทำงานอยู่ในออฟฟิศที่มีดราม่ามากๆ หรือบ่อยๆ มักจะเครียด เบื่องาน และประสิทธิภาพการทำงานตกลง เพราะดราม่าไม่ได้แค่สร้างความรำคาญ แต่ยังบั่นทอนบรรยากาศและคุณภาพงานโดยตรง เป็นบ่อเกิดอารมณ์รุนแรงเกินเหตุทำให้เกิดความสับสน แพร่พลังลบจนอาจขัดขวางงานสำคัญ แต่ถ้าเรารู้วิธีรับมือให้ถูกจุด ก็สามารถ “เบรกดราม่า” ได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
วิธีรับมือดราม่าในออฟิศ ให้พลิกเกมด้วย “ข้อเท็จจริง”
มาร์ค เมอร์ฟี (Mark Murphy) นักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times ผู้เชี่ยวชาญงานเขียนด้านความเป็นผู้นำ การจ้างงาน และการมีส่วนร่วมของพนักงาน อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า ดราม่าเติบโตจากอารมณ์ ยิ่งคุณตอบสนองด้วยความตกใจ เห็นใจ หรือโมโห คนสร้างเรื่องก็จะยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง “ถูกต้อง” ตามที่เขาคิดไว้
มนุษย์เราถูกตั้งโปรแกรมมาให้ตอบสนองต่อสิ่งไม่คาดคิดด้วยอารมณ์ เพราะเป็นกลไกเอาตัวรอดตามธรรมชาติ แต่ในโลกการทำงาน มันอาจสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์
ทั้งนี้ วิธีรับมือที่ถูกต้องคือ ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานบุกเข้ามาคุยด้วยเรื่องเวอร์ๆ เขากำลังรอให้คุณมีปฏิกิริยาแบบ “ว้าย จริงเหรอ!?” หรือ “เห้ย..แย่มาก!” คุณอย่าเพิ่งรอให้เขาหรือเธอพูด แต่สิ่งที่ควรทำทันทีคือบอกไปด้วยวลีนี้ว่า “ขอเฉพาะข้อเท็จจริง”