น่าดีใจ ที่ธุรกิจประกวดนางงามระดับโลก มาอยู่ในไทย
แต่น่าเสียดาย ที่การจัดการคล้ายจะเน้นไปที่ขายของ
ยิ่งขายแบบพูดออกมาโต้งๆ แบบไร้ชั้นเชิงการนำเสนอ
อาจใช้ไม่ได้ กับ กลุ่มผู้บริโภค
ที่ไม่ชอบการสั่ง ชักจูง โดยสื่อสารตรงไปตรงมา
3 สิ่ง ที่ไม่ควรหลุดโฟกัสในการจัดประกวดนางงาม
มีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. การพัฒนาศักยภาพของนางงาม หรือ การปั้น นั่นเอง
ก่อนที่จะโพสต์ค่าตัว กระบวนการที่ต้องชัด คือ
ค่ายพัฒนาคุณภาพนางงาม
การอบรม ให้ นางงาม เป็นแบบอย่าง บุคลิกดี พูดจาดี
ประวัติดี มีองค์ประกอบที่สร้างแรงดึงดูด
และเธออยู่ในใจของผู้คน
ตัวอย่าง ราคาของความเป็นที่รัก และเสน่ห์ สูงลิ่ว
และกระบวนการจัดการ เปิดทางให้ผู้หญิงที่ดี มีคุณภาพ
มาจากทุกชนชั้น สามารถมั่นใจ ว่าการประกวดนางงาม
และปฏิบิติภาระกิจในตำแหน่ง มีความปลอดภัย สง่างาม สร้างเกียรติยศ
ถ้าคุณภาพนางงามดี ไม่จำเป็นต้องไปขอสปอนเซ่อร์
แต่สปอนเซ่อร์และองค์การต่างๆ เป็นฝ่ายมาขอเกี่ยวข้อง
เมื่อเห็นศักยภาพนางงามในฐานะสื่อประชาสัมพันธ์เรื่องต่างๆ
การตีความว่า นางงาม คือ คนที่กล้าพูด ฉะฉาน
อาจทำให้ภาพลักษณ์และเกียรติยศนางงามถดถอย
นางงามไม่ควรจะถูกตีความให้ง่ายไป
จนลดทอนเสน่ห์ความเป็นผู้หญิง
ซึ่งต้องมีทั้งความมั่นใจ ความเป็นปราชญ์ และความละมุน
นางงาม ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง
ที่ส่งให้เธอเป็นนักการฑูตที่ดี เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
2. แฟชั่น ควรมีความหลากหลาย โดยร่วมมือกับดีไซเน่อร์และแบรนด์ชั้นนำ
ที่ผ่านมา ชุดราตรี มีสไตล์เดียว ขาดความสร้างสรรค์
การลงทุนด้านอีเว้นท์ แสง เวที รวมถึงเรือนร่างนางงาม
ทำให้สินค้าที่สวมใส่ดูเลอค่า เป็นธรรมชาติ เป็นที่ปรารถนา
นั่นคือ การขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ แบบไม่ต้องพูดโฆษณา
ธุรกิจประกวดนางงาม ยังไม่ควรโฟกัสที่การมีสินค้าของตนเอง
จนกว่าจะทำกำไรได้มากพอ
การร่วมมือกับแบรนด์อื่น จะทำให้การประกวดสร้างการมีส่วนร่วม
ในวงกว้าง ได้มืออาชีพร่วมจัดสรรสิ่งต่างๆ ( win-win deal )
โดยไม่ต้องแบกความรับผิดชอบเองในทุกรายละเอียด
การออกแบบชุด ต้องแยกได้ ระหว่าง เปิดเผยเกินงาม
กับเปิดเป็นนัย อย่างน่าค้นหา ศิลปะชั้นดี มีรสนิยม เพราะผู้สวมใส่คือ ผู้หญิง
ที่มีรายละเอียดทางอารมณ์ และความเป็นหญิง ระดับ นางงาม
ควรมีชั้นเชิงในการนำเสนอเสน่ห์ความงามของตัวเอง
3. การเป็นตัวแทนระดับนานาชาติ
ไม่ว่า ตัวนางงาม และตัวองค์กร
ต้องเปิดตัว และเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากการปิด คุยออนไลน์กับคนกลุ่มเล็กๆ
หรือฐานแฟนเดิมที่ติดตามการประกวดนางงาม
แนะนำ ว่า ควรพุ่งเป่าและทุ่มเท
ให้สมสถานะ International Business
การเดินหมาก เชื่อมสัมพันธ์
กับภาครัฐ เอกชน องค์กรการกุศล และสื่อมวลชน ในประเทศอื่น
น่าจะเป็นหัวใจสำคัญในการทวีมูลค่าของนางงาม
และบริษัทในบริบทนานาชาติ
Think big แบบที่ มาดอนน่า ไมเคิ่ล แจ็คสัน
และ ลิซ่า ทำได้ นั่นคือ ครองใจคนทั่วโลก
ภาครัฐ ควรให้การส่งเสริมธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง
เพื่อระดมสรรพกำลังบุลคลากรด้านงานสร้างสรรค์ (soft power)
อย่ามองแค่อยากจะโชว์แต่ของไทย แต่ควรเน้นการร่วมมือ
กับต่างประเทศ เพราะการเข้าถึงตลาดต่างชาติ
ต้องเริ่มจากร่วมงานกับบุคคลสำคัญของชาตินั้นๆ ก่อน
เพื่อเปิดโอกาสให้ผลงานฝีมือคนไทย ปรากฏในสื่อของชาติอื่นได้
ธุรกิจใด ที่ไทยจะกลายเป็น Top Five ของโลกได้
นั่นต้องพัฒนาขึ้นมาให้เป็นรูปธรรม
เพราะแต่ละประเทศมีจุดแข็งแตกต่างกันในระบบเศรษฐกิจโลก
3 สิ่ง ที่ไม่ควรหลุดโฟกัสในการจัดประกวดนางงาม
แต่น่าเสียดาย ที่การจัดการคล้ายจะเน้นไปที่ขายของ
ยิ่งขายแบบพูดออกมาโต้งๆ แบบไร้ชั้นเชิงการนำเสนอ
อาจใช้ไม่ได้ กับ กลุ่มผู้บริโภค
ที่ไม่ชอบการสั่ง ชักจูง โดยสื่อสารตรงไปตรงมา
3 สิ่ง ที่ไม่ควรหลุดโฟกัสในการจัดประกวดนางงาม
มีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. การพัฒนาศักยภาพของนางงาม หรือ การปั้น นั่นเอง
ก่อนที่จะโพสต์ค่าตัว กระบวนการที่ต้องชัด คือ
ค่ายพัฒนาคุณภาพนางงาม
การอบรม ให้ นางงาม เป็นแบบอย่าง บุคลิกดี พูดจาดี
ประวัติดี มีองค์ประกอบที่สร้างแรงดึงดูด
และเธออยู่ในใจของผู้คน
ตัวอย่าง ราคาของความเป็นที่รัก และเสน่ห์ สูงลิ่ว
และกระบวนการจัดการ เปิดทางให้ผู้หญิงที่ดี มีคุณภาพ
มาจากทุกชนชั้น สามารถมั่นใจ ว่าการประกวดนางงาม
และปฏิบิติภาระกิจในตำแหน่ง มีความปลอดภัย สง่างาม สร้างเกียรติยศ
ถ้าคุณภาพนางงามดี ไม่จำเป็นต้องไปขอสปอนเซ่อร์
แต่สปอนเซ่อร์และองค์การต่างๆ เป็นฝ่ายมาขอเกี่ยวข้อง
เมื่อเห็นศักยภาพนางงามในฐานะสื่อประชาสัมพันธ์เรื่องต่างๆ
การตีความว่า นางงาม คือ คนที่กล้าพูด ฉะฉาน
อาจทำให้ภาพลักษณ์และเกียรติยศนางงามถดถอย
นางงามไม่ควรจะถูกตีความให้ง่ายไป
จนลดทอนเสน่ห์ความเป็นผู้หญิง
ซึ่งต้องมีทั้งความมั่นใจ ความเป็นปราชญ์ และความละมุน
นางงาม ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง
ที่ส่งให้เธอเป็นนักการฑูตที่ดี เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
2. แฟชั่น ควรมีความหลากหลาย โดยร่วมมือกับดีไซเน่อร์และแบรนด์ชั้นนำ
ที่ผ่านมา ชุดราตรี มีสไตล์เดียว ขาดความสร้างสรรค์
การลงทุนด้านอีเว้นท์ แสง เวที รวมถึงเรือนร่างนางงาม
ทำให้สินค้าที่สวมใส่ดูเลอค่า เป็นธรรมชาติ เป็นที่ปรารถนา
นั่นคือ การขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ แบบไม่ต้องพูดโฆษณา
ธุรกิจประกวดนางงาม ยังไม่ควรโฟกัสที่การมีสินค้าของตนเอง
จนกว่าจะทำกำไรได้มากพอ
การร่วมมือกับแบรนด์อื่น จะทำให้การประกวดสร้างการมีส่วนร่วม
ในวงกว้าง ได้มืออาชีพร่วมจัดสรรสิ่งต่างๆ ( win-win deal )
โดยไม่ต้องแบกความรับผิดชอบเองในทุกรายละเอียด
การออกแบบชุด ต้องแยกได้ ระหว่าง เปิดเผยเกินงาม
กับเปิดเป็นนัย อย่างน่าค้นหา ศิลปะชั้นดี มีรสนิยม เพราะผู้สวมใส่คือ ผู้หญิง
ที่มีรายละเอียดทางอารมณ์ และความเป็นหญิง ระดับ นางงาม
ควรมีชั้นเชิงในการนำเสนอเสน่ห์ความงามของตัวเอง
3. การเป็นตัวแทนระดับนานาชาติ
ไม่ว่า ตัวนางงาม และตัวองค์กร
ต้องเปิดตัว และเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
ซึ่งต่างจากการปิด คุยออนไลน์กับคนกลุ่มเล็กๆ
หรือฐานแฟนเดิมที่ติดตามการประกวดนางงาม
แนะนำ ว่า ควรพุ่งเป่าและทุ่มเท
ให้สมสถานะ International Business
การเดินหมาก เชื่อมสัมพันธ์
กับภาครัฐ เอกชน องค์กรการกุศล และสื่อมวลชน ในประเทศอื่น
น่าจะเป็นหัวใจสำคัญในการทวีมูลค่าของนางงาม
และบริษัทในบริบทนานาชาติ
Think big แบบที่ มาดอนน่า ไมเคิ่ล แจ็คสัน
และ ลิซ่า ทำได้ นั่นคือ ครองใจคนทั่วโลก
ภาครัฐ ควรให้การส่งเสริมธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง
เพื่อระดมสรรพกำลังบุลคลากรด้านงานสร้างสรรค์ (soft power)
อย่ามองแค่อยากจะโชว์แต่ของไทย แต่ควรเน้นการร่วมมือ
กับต่างประเทศ เพราะการเข้าถึงตลาดต่างชาติ
ต้องเริ่มจากร่วมงานกับบุคคลสำคัญของชาตินั้นๆ ก่อน
เพื่อเปิดโอกาสให้ผลงานฝีมือคนไทย ปรากฏในสื่อของชาติอื่นได้
ธุรกิจใด ที่ไทยจะกลายเป็น Top Five ของโลกได้
นั่นต้องพัฒนาขึ้นมาให้เป็นรูปธรรม
เพราะแต่ละประเทศมีจุดแข็งแตกต่างกันในระบบเศรษฐกิจโลก