นะมัสเตร Langtang Valley (พิชิตยอด Cherkori)

11 - 20 April 2025

สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้ง ปีละครั้งกับทริปเดินป่าเดินเขา เอาเงินไปซื้อความลำบากในรูปแบบของความสุข

เนปาล บอกใครใครจะไปเชื่อเพราะเป็นประเทศในฝันที่ในฝันจริงๆๆ เพราะชวนเพื่อนมาหลายปีมากๆๆ ไม่สำเร็จสักที จนปีนี้เป็นปีปลดล๊อค

comfort zone จริงๆ จึงตัดสินใจออกจากความกลัวลุยค่ะ ไปเดินเนปาลกันนน ! ใช่ค่ะไปคนเดียว

ฝากรูทใหม่รูทนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะ เดินไม่ยาก วิวสวยมากๆๆค่ะ

รูปทั้งหมดจาก SAMSUNG S25 Ultra

รูท : Langtang Valley Trekking (6 days trek)

Facebook Page: ไปแบบจอยกรุ๊ปกับเพจ Great Himalayan Yatri   (465 USD)

(ค่าใช้จ่ายจอยกรุ๊ปไม่รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน, ค่าอาหาร, ค่าไกด์ + ค่าลูกหาบ, ค่าวีซ่า)

วีซ่าสามารถทำได้ 3 แบบด้วยกันค่ะ

1.ทำวีซ่าที่สภานฑูตเนปาลจากประเทศไทย 1 วันได้รับเล่มคืน

2.ทำวีซ่าโดยการกรอกออนไลน์จากไทย Visa on Arrival  ผ่านเว็บไซด์ : https://nepaliport.immigration.gov.np/ จากนั้นแคปหน้าจอและไปจ่ายเงินที่สนามบินเนปาลก่อนผ่าน ตม 30 USD หรือสามารถจ่ายเป็นเงินไทยได้ค่ะ ประมาณ 1,000+ บาท

3.สามารถไปทำ Visa on Arrival จะมีตู้ให้กรอกตรงบริเวณหน้า ตม เลยค่ะ

DAY1 BKK - KTM (เดินทางด้วยการบินไทย)  

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินกาฐมาณฑุจะมีทีมงานถือป้ายมาคอยยืนรับอยู่ที่ประตูทางออก มองหาป้ายกลุ่มที่เราจอยกรุ๊ปมาได้เลยนะคะ

ป้ายคือเรียงรายเยอะมากกกกก เนื่องจากช่วงเมษาเป็นช่วงที่คนทั่วโลกเดินทางมา trekking กันค่ะ จากนั้นทีมงานพาเราไปเก็บกระเป๋าที่ รร และเดินช๊อปปิ้งย่าน Thamel ก่อนเผื่อใครยังขาดของอะไร และไกด์แนะนำให้ซื้ออะไรเพิ่มเติม รวมทั้งแลกเงินและซื้อซิมด้วยค่ะ สำหรับอาหารเย็นมื้อแรกของเรารวมอยู่ในค่าจอยกรุ๊ป มื้อแรกเป็นดาลบัต (Dal Bhat) อาหารท้องถิ่นของเนปาล ซึ่งขอบอกก่อนนะคะ เราก็ได้เตรียมใจมาระดับนึงว่าทริปนี้เราจะไม่คาดหวัง เราจะกินเพื่ออยู่ >< อาหารออกจะแนวเครื่องเทศบ้านเค้าจ๋าๆเลยนะคะ แต่ข้อดีข้อนึงคือถ้าสั่ง ดาลบัตแล้วสามารถเติมข้าวเติมเครื่องเคียงได้ไม่อั้น ทุกร้านในเนปาลเลยค่ะ ยังไงก็อิ่ม คนท้องถิ่นบอกกินทุกมื้อเช้ากลางวันเย็น เราเจอไป 1 มื้อขอคิดดูก่อนนน แงงงง

ทานข้าวเสร็จก็ไปเดินซื้อไม้ trekking กับถุงมือ เตรียมพร้อม เนื่องจากทีมไกด์แจ้งว่าอากาศช่วงที่เมษานี้ผิดปกติกว่าทุกปี คือมีหิมะตกก่อนเรามาเลยเตรียมไว้อุ่นใจกว่าค่ะ และที่สำคัญพวกเสื้อกันหนาว ใครที่จะมามาซื้อที่เนปาลได้เลยนะคะ ไม่ต้องเตรียมมาจากไทยก็ได้เพราะของเยอะมากก และกันหนาวได้จริง แบรนด์ local ก็มีสวยๆ ราคาถูกด้วยค่ะ การแลกเงินแนะนำเตรียมเงินไทยมาแลกได้นะคะ เรทดีกว่า USD และสำหรับ SIM CARD เราซื้อเป็น SIM2FLY  มาเหมือนทุกทริปค่ะ ใช้ได้ปกติ แต่ใครอยากมาซื้อที่นี่ก็ได้เช่นกันค่ะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยกลับ รร ทางไกด์จะบรีฟรวมๆสำหรับ 10 วันที่เราจะเดินยังไง วันละกี่กิโล นอนที่ไหน และพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกี่โมง ข้าวเช้าที่ รร กี่โมง  และก็เราต้องเอาเสื้อผ้าของเราใส่กระเป๋า duffel  bag  ที่ทางทีมงานจัดให้เพื่อง่ายต่อลูกหาบแบกและกลิ่นไม่เข้ากระเป๋าและกันหนาวเผื่อฝนตกค่ะ (( ดังนั้นจากไทยสามารถนำกระเป๋าลากมาได้นะคะ ))  เตรียมพร้อมเข้านอนสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ค่ะ แล้วเจอกัน ตื่นเต้นมากกๆๆๆๆๆ

DAY2 เดินทางจากกาฐมาณฑุ > Shybruseri  

โดยรถจิ๊ป ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ** เตือนเมาหรือไม่เมารถแนะนำกินยาแก้เมารถก่อนนะคะ เพราะหนทางคือเขย่า หลุมบ่อ เยอะมากกกกๆค่ะ  

เดินทางประมาน 5-6 ชั่วโมง มีแวะให้ทานข้าวกลางวันและเข้าห้องน้ำนะคะ และในที่สุดเราก็ถึงแล้วว เราจะพักที่ shybruseri  1 คืน ก่อนเริ่มเดิน DAY1 นะคะ คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พร้อมอาบน้ำให้หอมๆเลยค้า ก่อนที่จะไม่ได้อาบ พาชมวิวก่อนเริ่มเดินค่ะ คืนนี้เราจะนอนกันที่ sunrise hotel นะคะ ขออวยยศเจ้าของโรงแรมนิดนึงคือ ดีมากกกกก (กอไก่ล้านตัว) free wifi และหากใครได้นอนที่นี่แนะนำเมนู Chicken Roast อร่อยยยย

DAY3 - เริ่มเดินเท้า DAY1 เดินจาก shybrubesi ไปยัง Lama Hotel ที่ความสูง 2470 เมตร (ระยะทางคร่าวๆ 13 กิโลเมตร)

วันแรกจะเดินเรียบริมน้ำไปเรื่อยๆ ฝุ่นค่อนข้างเยอะ แดดร้อนนิดหน่อย เราจะเดินไปประมาณ 4-5 ชั่วโมงและแวะพักทานข้าว ระหว่างทางไม่ต้องกลัวนะคะไม่ต้องแบกน้ำหรือขนมไปเยอะ มีของขายตลอดทาง ระหว่างเดิน  1-2 ชั่วโมง เราจะเจอ T-house ที่เรียกว่าทางดีมี 7-11 มีจริงค่ะ แต่ราคาจะค่อยๆแพงตามระยะทางไปเรื่อยๆ ให้ค่าความลำบากของการเดิน

T-house ระหว่างทางก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ มีทั้ง T-house ที่ขายของ และ T-house ที่เป็นที่พักด้วย กลางวันเราพักทานข้าวกันที่

BAMBOO ที่ความสูง 2000 เมตร

รวมๆแล้ว DAY1 เดินไป 8-9 ชั่วโมงรวมพักทานข้าว พักเหนื่อย ถ่ายรูป สำหรับเรารีวิว DAY1 ช่วงเช้าไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่เดินชิวๆ

พอหลังจากช่วงพักกินข้าว ทางค่อนข้างชันเป็นบันไดหินสลับทางตรงขึ้นลงไปเรื่อยๆ และช่วงบ่ายมีฝนตก ทำให้เดินยากขึ้นนิดหน่อย

และ T-house ทุก T-house ใครใคร่อาบน้ำ อาบค่ะ สำหรับอาบทุกวัน แค่ไม่สระผมเอาครีมสระผมแบบแห้งไปแทน

เพราะอากาศค่อนข้างเย็นผมจะแห้งช้าไม่สบายเอา และย้ำอาหารอีกทีถ้าไปกับเพื่อนแนะนำ ซื้อ 1  ทาน 2  เพราะอาหารจานใหญ่ และใช่ค่ะเหนื่อยจนไม่อยากกินอะไรเลย ต่อมื้อราวๆ 1000-2000 รูเปีย (ประมาณ 250-500 บาท) ทั้งนี้แพงเพราะเหนื่อยอยากกินเป๊ปซี่เอย หนาวอยากกินน้ำร้อนเอย เช้าอยากกินกาแฟเอย ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลนะคะ อาหารจานเดียวก้ประมาณ 400 - 600 รูเปีย (100-150 บาท)

DAY4 - เดินเท้า DAY2 วันนี้เราจะเดินไปที่ Langtang ที่ระดับความสูง 3430 เมตร (ประมาณ 16 กิโลเมตร) วันนี้สำหรับเราเป็นวันที่วิวสวยยย

แบบสวยมากกก หากใครไปขอให้ดื่มด่ำกับวันนี้เยอะๆๆ เลยนะคะ อ่อสำหรับเราวันนี้ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยมากๆๆ เพราะว่าค่อนข้างชัน ใครไม่ชอบบันไดแบบเราก็จะเหนื่อยหน่อยค่ะ แต่วิวข้างทาง ทำลายล้างความเหนื่อย และเป็นข้ออ้างที่ดีในการหยุดพักค่ะ

และใช่วันนี้เป็นวันของดอกไม้ สวยมากๆๆ มีทั้งสีแดง ชมพู ขาว

ช่วงเช้าที่พนักหน่วงผ่านไปแล้ววววว ที่ไม่ค่อยมีรูปอาหารเพราะ กินเพื่ออยู่จริงๆค่ะ ไม่ได้อร่อยไม่ได้แย่ เน้นเป็นพวกข้าวผัด ข้าวไข่เจียว พกน้ำพริกไปค่ะ เลยไม่ค่อยได้ถ่าย เน้นวิวข้างทาง ช่วงลบ่ายไกด์แจ้งว่า ทางชันแค่ 30 นาที 30 นาทีของเราเท่ากันไหมมมนะ 555555 ตามภาพเลยค่ะ สู้ต่อไป

พอผ่าน T-house ก้แค่แวะนั่งถ่ายรูปหน่อยค่ะ ถือว่าได้พักกกก

และพอถึงจุดนี้ทางไกด์ก็จะรออธิบาย จุดนี้เป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2015 ทำให้รูท Langtang

ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีคนเสียชีวิตจาก landslides มากกว่า 300 คน หมู่บ้าน Langtang ได้รับผลกระทบหายไปทั้งหมู่บ้าน เหลือเพียงหมู่บ้านเดียวที่อยู่เชิงเขาหรือเหลือรอด หลังจากนั้นได้มีการบูรณะโดยรัฐบาลและสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ ดังนั้นทุกครั้งที่เราเดินผ่านป้ายเตือนพวก landslides

ขอให้เรารีบเดินนิดนึงนะคะ อย่าหยุดพักนาน

หมู่บ้านที่รอดจากเหตุการณ์ landslides

และนี่คือหมู่บ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ค่ะ เราจะนอนกันคืนนี้

หลังจากการเดินทางที่ยาวนานในที่สุดเราก็มาถึงหมู่บ้าน Langtang แล้วค่ะ

วิวจากห้องนอน... สวยเกินจะบรรยาย