บ้านเบญจธรรม สถานพักพิงชั่วคราวของเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด เด็กจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ภายใต้การดูแลของ ผอ.อัญชัน ที่มีเป้าหมายอยากจะให้เด็กๆทุกคนที่ผิดพลาดในชีวิต ได้ใช้เวลาที่อยู่ ณ บ้านแห่งนี้
ได้ฝึกฝนตัวเองอบรมจิตใจเพื่อกลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม



ในทางตรงกันข้าม ชมพู ลูกสาวของผอ. ที่เป็นครูประจำบ้านแห่งนี้เช่นกัน กลับเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมาก
เธอขัดแย้งกับแม่บ่อยครั้งและด้วยความเห็นไม่ลงรอยนี่เอง ทำให้ชมพูอยากจะไปให้พ้นๆจากที่นี่ ..
จนเมื่อพ่อของเธอทักมาหาจากญี่ปุ่น ชมพูต้องการพบพ่อมาก แต่ก็อยากให้พ่อภูมิใจในตัวของเธอด้วยเช่นเดียวกัน



จากการเจอข่าวการรับสมัครประกวดแกะสลักหิมะที่ซัปโปโร นั่นทำให้ชมพูเล็งเห็นล่ะว่า
นี่ล่ะคือหนทางที่จะทำให้เธอได้เจอกับพ่ออย่างภาคภูมิใจยิ่ง ชมพูเสาะหาเด็กที่จะมารวมทีมเพื่อไปแข่งขันในครั้งนี้
แต่ของแบบนี้จะไปหาได้ง่ายๆกันซะที่ไหน แถมเป็นเด็กสุดเฮี้ยว ประวัติยาวเป็นหางว่าวในศูนย์นี้อีกด้วย
แต่ชมพูไม่ย่อท้อ.. ในที่สุด ทีมแกะสลักหิมะ ก็ถูกตั้งขึ้นมาจนได้ในชื่อว่า Frozen Hot Boys



Frozen Hot Boys ภาพยนตร์ไทยตลกดราม่า ออกฉายทาง Netflix เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา
เรื่องราวของเหล่าเด็กเหลือขอจากทุกสารทิศที่มารวมตัวกันในบ้านพักเยาวชน ที่ถูกคัดเลือกจำนวน 4 คน
ให้มารวมตัวแบบเฉพาะกิจเพื่อเข้าร่วมแข่งขันแกะสลักหิมะ ภายใต้การดูแลของครูสาวผู้เชื่อมั่นในตัวเด็กๆ
แม้ว่าพวกเขาจะมาจากประเทศที่หิมะไม่เคยตกเลยก็ตามที



ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของเยาวชนไทยที่ชนะเลิศการแข่งขันแกะสลักหิมะในซัปโปโรและฮาร์บิน
ซึ่งเด็กไทยเก่งมากๆครับ ซึ่งสถาบันที่ว่าคือทีมนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา
ในหนังก็มีการให้เกียรติทีมนี้ในฐานะ 1 ในทีมที่ลงแข่งจริงๆด้วยนะครับ



จากผลงานการกำกับของธนกฤต กิตติพิธาน ที่อยากนำเสนอเรื่องของเยาวชนในกลุ่มเสี่ยง
โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในสถานพินิจต่างๆ ว่าถ้าหากพวกเขาได้รับโอกาสที่สองที่จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
พวกเขาจะคว้าโอกาสนั้นไว้หรือไม่ อีกประเด็นก็คือการต่อสู้เพื่อเป้าหมายที่ตนเองได้รับ
การไม่ยอมแพ้ ลิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรักและความเข้าใจที่เราจะมอบให้กับเด็กๆเหล่านี้



ทุกคนในเรื่องนี้มีปัญหาหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเด็กๆ ก็ตามที
เริ่มจากตัวชมพูก่อนเลยที่นำแสดงโดย ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ เอ๊ย แต้ว ณัฐพร เตมีรักษ์ ครูสาวสายงานช่างไม้
ที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้แม่ได้เห็นว่าเธอนั้นมีดีมากกว่าที่จะอยู่ในบ้านพักเด็กและเยาวชนแบบนี้
เธอจึงทำตัวเหมือนประชดชีวิตอยู่ไปวันๆ จนกระทั่งเธอพบว่า จะมีการแข่งขันแกะสลักหิมะที่ญี่ปุ่น
แถมยังจะได้ไปเจอพ่อด้วย เธอจึงรีบภารกิจนี้ทันที ด้วยความหวังว่าจะทำให้พ่อของเธอภูมิใจ (อยากเอาชนะแม่ด้วย)



ส่วนแก๊งแกะสลักหิมะนั้นนำโดย แบงค์-ณฐวัฒน์ ธนทวีประเสริฐ (จากหุ่นพยนต์) ก็รับบทนำในเรื่องนี้ได้ดีมาก
ความเป็นเด็กเก็บกดจากปัญหาที่บ้านกับพ่อของตนอย่างอรรถพร ธีมากร ที่เข้าซีนอารมณ์ด้วยกันทำได้ถึง
สีหน้าแววตา เห็นแล้วอนาคตในเส้นทางบันเทิงไปได้อีกยาวไกลแน่



แถมยังมีตัวฮาอย่างเอฟ ปิยพงษ์ ดำมุณี TikToker ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 คน  กับบทตูมตาม
คนที่สร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ขั้นสุด อันนี้ผมไปอ่านในเฟซบุ๊คของน้องเค้ามาว่าชอบงานแสดงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ คุณน้องงงง ถ้าเจอกระทู้นี้พี่บอกเลยว่า
คนดูหนังเรื่องนี้โดนน้องตกไปแล้วเรียบร้อย ฮากระจาย มีงานต่อไปแบบรัวๆแน่นอน อ่อ พี่ชอบฉากเต้นประกอบแป้งมากสุดล่ะ อิอิ



คนอื่นๆก็ตาต้าร์ ชาติชาย จากสัปเหร่อ ..
นนท์  ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมรางวัลสุพรรณหงส์จากดิวไปด้วยกันนะ ...
ปาล์ม-ปุณณานนท์ ตรีวรรณกุล 20 คนสุดท้ายใน CAMPUS STAR 2024
ทุกคนล้วนเติมเต็มและเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้แก๊งหิมะเดือด
เป็นกลุ่มที่เดือดสมชื่อ ตลกขำกลิ้ง และดราม่าน้ำตารินไปได้พร้อมๆกัน



เพลงประกอบเพราะมากครับ เป็นเพลงตอนจบมีชื่อว่า แค่เรื่องเล่า (After All) ของกลุ่มศิลปิน BOMB AT TRACK
เป็นเพลงเมื่อราว 4 ปีที่ผ่านมาครับ ถูกนำมาใช้ในหนังเรื่องนี้ เนื้อเพลงสวยมากๆ
และแน่นอนว่าคนที่ดูหนังเรื่องนี้จะไปกดติดตามพวกคุณอย่างแน่นอน รวมทั้งผมด้วยคนนึงล่ะ
อันนี้ลิ้งก์เพลงนะครับ ฟังกันดู



จริงๆ เพลงที่เพราะมากอีกเพลงชื่อว่า ไม่เกินหัวใจ ครับ แต่ยังไม่มีใน youtube หรือช่องทางไหนได้
เป็นเพลงที่เปิดในช่วงที่ภารกิจของทุกคนเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมกับความฝันของทุกคน
ที่พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าที่ปรากฎตัวออกมาในรูปแบบของ...  (ไปดูเอาเอง)
คือ แบบ แม่.... เอ๊ย ซึ้งน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว เรียนผู้สร้างหนังนะครับ ขอเพลงนี้เต็มๆลงให้พวกเราได้ฟังเถอะ มันกินใจเหลือเกิน...



สรุปแล้วแก๊งหิมะเดือดเป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงเยาวชนที่ทำผิดพลาดในชีวิต
ทุกก้าวย่างที่เขาต้องพบเจอเป็นสิ่งที่ยากลำบาก แต่ไม่มีใครหรอกครับที่อยากจะทำผิด
ทุกคนอยากได้รับการยอมรับ อยากเป็นที่รักของใครสักคนด้วยกันทั้งนั้นล่ะ.
แน่นอนว่าอดีตที่ทำไปแล้วมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ควรได้รับโอกาส
ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองได้เคยกระทำลงไปเท่านั้น ด้วยความจริงใจและเชื่อใจจากผู้ใหญ่อย่างเราเท่านั้นก็พอแล้ว


เพราะหนังมันฝังใจ


=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===