JJNY : วงในแฉ! คนของสตง.เอง│เปิดตัวเลขข้าราชการล้มละลาย│ทหารไทยตรึงชายแดนเข้ม พม่าสู้รบเดือด│เหนือกับใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

วงในแฉ! คนเซ็นอนุมัติแก้แบบอาคาร สตง. คือคนของสตง.เอง
.
.
แหล่งข่าววงในแฉ! คนเซ็นอนุมัติแก้แบบไม่ใช่วิศวกรคุมงาน แต่คือคนของสตง. พบชื่อ 2 รองผู้ว่าฯ สตง. เป็นประธานกรรมการตรวจรับงานพัสดุ
.
จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ ย่านจตุจักร พังถล่มระหว่างก่อสร้างจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นที่กำลังเป็นที่ตั้งคำถามเป็นอย่างมากคือเรื่องการแก้แบบตึกสตง. โดยเฉพาะความหนาของปล่องลิฟต์ ไปอยู่ที่ บริษัท ผู้คุมงานก่อสร้าง กิจการร่วมค้า PKW มีการเปิดภาพการลงนามต่างๆ ในการแก้แบบแปลน และการใช้เหล็กตัว T
.
โดยวันนี้ทีมข่าวได้ข้อมูลจากคนวงใน ออกมาบอกว่า คนที่เซ็นอนุมัติแก้แบบไม่ใช่ วิศวกรคุมงานของบริษัท หรือผู้จัดการโครงการ แต่เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานพัสดุในงานจ้างก่อสร้าง วิศวกรคุมงาน เป็นแค่ผู้เสนอความเห็นเท่านั้น
.
แหล่งข่าววงในที่มีส่วนสำคัญ ในการคุมงานสร้างตึก สตง. ให้ข้อมูลกับทีมข่าว PPTVHD36 ว่า ที่สื่อนำเสนอ ว่า คนเซ็นอนุมัติแก้แบบคือวิศวกรคุมงานก่อสร้างของบริษัทร่วมค้าPKW ตามขั้นตอนไม่ใช่แบบนั้น วิศวกรคุมงานของกิจการร่วมค้า เป็นเพียงผู้เสนอความเห็น ส่วนคนอนุมัติให้แก้ได้ไม่ได้ ท้ายสุด เป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจรับงานพัสดุในงานจ้างก่อสร้างของสตง. ซึ่ในคณะกรรมการชุดนี้ จะประกอบด้วย คนของกรมโยธาธิการและผังเมือง และมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนของหน่วยงานรัฐ
.
แหล่งข่าวอธิบายเพิ่มเติม ขั้นตอนคือ
.
1. ผู้รับจ้าง คือ บ.อิตาเลียนไทยฯและบ.ไชน่าเรียลเวย์ นัมเบอร์10 ส่งหนังสือมาสอบถาม เรื่องแก้แบบกับ วิศวกรบริษัทคุมงานก่อสร้าง คือ PKW
.
2. เมื่อ วิศวกรบริษัทคุมงานก่อสร้าง มีความเห็นอย่างไร ก็จะส่งความเห็นนี้ ไปยัง บริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อผู้ออกแบบเห็นว่าให้แก้ได้
.
ก็นำไปสู่ขั้นตอนที่ 3.คือ ผู้จัดการโครงการของบริษัทคุมงานก่อสร้าง ส่งความเห็นไปยัง คณะกรรมการตรวจรับงานพัสดุในงานจ้างก่อสร้างของสตง.หากคณะกรรมการไม่เห็นด้วยก็ตีตกแก้แบบแปลนไม่ได้ รวมถึงเรื่องวัสดุก่อสร้างด้วยเปลี่ยนไม่ได้ถ้าคณะกรรมการไม่อนุมัติ แต่ถ้าคณะกรรมการเห็นด้วย ก็สามารถทำได้
.
แหล่งข่าว บอกว่า ผู้จัดการโครงการ ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารที่เปิดเผยตามสื่อต่างๆ มีหน้าที่เป็นเหมือนวิศวกรประสานงานเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจอนุมัติแก้แบบได้ และที่สำคัญ ผู้จัดการโครงการท่านนี้ ออกจากบริษัท บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ ไปตั้งแต่ปี 2567 แล้ว ส่วนการปลอมลายเซ็นนายสมเกียรติ ไม่ทราบรายละเอียด เบื้องต้นแหล่งข่าวบอกว่าหากหน่วยงานใดหรือดีเอสไอ เรียกไปให้รายละเอียด ก็พร้อมให้ข้อมูล ยืนยันทำตามขั้นตอนทุกประการ และชี้อีกว่า หลักฐานต่างๆที่คณะกรรมการฯของสตง.เซ็นอนุมัติแก้แบบ อยู่ในรายงานการประชุมตรวจจ้างงาน ซึ่งที่ผ่านมา สตง.เปิดข้อมูลต่อสื่อไม่หมด
.
หากย้อน ไปดูป้ายโครงการก่อสร้างตึกสตง.ที่เพจ “Drama-addict” เคยนำมาโพสต์ไว้ พบว่ามีชื่อของประธานกรรมการตรวจรับงานพัสดุในงานจ้างก่อสร้าง อยู่ 2 ท่าน เป็นรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน คือ นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ และ นางวิภัสรา ผลลาภทวี ส่วนชื่อผู้จัดการงานจ้าง ไม่เห็นชื่อนะ แต่มีเลข สย.อยู่ เลขที่ 6907ซึ่งก็คือ เลขสย.ของ นายสมชาย ทรัพย์เย็น ผู้จัดการโครงการ ที่ปรึกษาควบคุมงาน
.

.
เปิดตัวเลข ข้าราชการล้มละลาย พุ่ง 1.4 หมื่น 'ครู' ครองแชมป์เสี่ยงถูกให้ออกมากสุด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9719403
.
เปิดตัวเลข ข้าราชการล้มละลาย พุ่ง 1.4 หมื่น ‘ครู’ ครองแชมป์เสี่ยงถูกให้ออกมากสุด เร่งถก’ก.พ. ‘เปิดช่องให้โอกาสทำงานต่อได้
.
วันที่ 15 เม.ย.2568 นายณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่มี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. หารือการปรับแก้พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ถูกฟ้องล้มละลาย ไม่ต้องออกจากราชการ
.
เนื่องจากเป็นคดีทางแพ่งไม่ใช่การทุจริต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นผู้เกี่ยวข้องนั้น ปัจจุบันมีข้าราชการ ที่มีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก ในส่วนของข้าราชการครูมีหลายคนที่เป็นหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและเป็นหนี้กับสถาบันการเงินควบคู่กัน
.
ตามพ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2553 มาตรา 42/1 จะมีการหักเงินเดือนเพื่อจ่ายหนี้ให้กับสหกรณ์โดยตรง จึงทำให้ในส่วนของสหกรณ์จะไม่มีการฟ้องร้องครูที่เป็นลูกหนี้ แต่เมื่อถูกหักเงินส่วนนี้ ครูที่มีหนี้หลายช่องทางก็จะไม่มีเงินเหลือพอที่จะคืนเงินให้กับสถาบันการเงินอื่นๆจึงทำให้ถูกฟ้องล้มละลาย
โดยในปี2567มีข้าราชการถูกฟ้องล้มละลายกว่า 7,000 คน ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 14,000 คน และในจำนวนนี้เป็นข้าราชการครูกว่า 5,000 คน ซึ่งหากถูกฟ้องล้มละลายก็จะถูกให้ออกจากราชการไม่มีอาชีพ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา” นายณรินทร์ กล่าว
.
นายณรินทร์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ จึงเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาเพื่อขับเคลื่อนกฎหมายที่ช่วยเหลือข้าราชการในทุกสาขาอาชีพ ไม่เพียงแต่ข้าราชการครูเท่านั้น
.
โดยสาเหตุที่ไม่ควรให้ออกจากราชการ เพราะเห็นมองว่า การล้มละลายไม่ใช่การทุจริต เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา ดังนั้นควรได้รับโอกาสในการทำงานต่อไป เพราะหากถูกบังคับออกจากราชการก็จะเสียช่องทางการหารายได้เป็นการสร้างภาระเพิ่ม
.
จากนี้จะต้องหารือกับทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ซึ่งเป็นผู้แลภาพรวมของข้าราชการทั่วประเทศ รวมไปถึงหารือกับคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ปยป.) เพื่อยกก่อนจะนำเรื่องนี้เข้าเสนอที่ประชุมครม.ต่อไปซึ่งเป็นขั้นตอนปกติของการผลักดันร่างกฎหมาย” นายณรินทร์ กล่าว
.
นายณรินทร์ กล่าวต่อว่า กรณีนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันมีข้าราชการที่ถูกให้ออกจากราชการจำนวนมาก จึงควรเร่งผลักดันเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้เร็วที่สุด หากช้าไปกว่านี้ ก็อาจทำให้มีข้าราชการเดือดร้อน ถูกฟ้องล้มละลาย ต้องออกจากราชการ เพราะกฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง และหากถูกให้ออกแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมาเป็นข้าราชการได้อีก
.

.
ทหารไทยตรึงชายแดนเข้ม หลังฝั่งพม่าสู้รบเดือด ส่งบินรบ YAK-130 โต้ฝ่ายต้าน พระ-ปชช.เจ็บ เสียชีวิต
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5141089
.
การสู้รบในเมียนมาปะทุอีกครั้ง กกล.ต่อต้านทหารเมียนมา บุกยึด บก.ควบคุมยุทธการที่ 12 ก่อนทหารเมียนมาส่งบินรบทิ้งระเบิดโจมตี ประชาชน-พระสงฆ์เมียนมาบาดเจ็บและเสียชีวิต
.
เมื่อวันที่ 16 เมษายน รายงานข่าวจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) เปิดเผยว่า วานนี้ (15 เม.ย.) เวลาประมาณ 04.30 น. กองกำลังต่อต้านเมียนมา (กกล.กลุ่มต่อต้าน) นำกำลังเข้าโจมตีทหารเมียนมาที่กองบังคับการ ควบคุมยุทธการที่ 12 (ทมม.บก.ควบคุมยุทธการที่ 12) ซึ่งวางกำลังอยู่ตามเส้นทาง อ.โจ่งโด่ง-อ.กอกาเร็ก บริเวณพื้นที่หลักไมล์ที่ 4 หลักไมล์ที่ 5 และหลักไมล์ที่ 9 อ.กอกาเร็ก จ.กอกาเร็ก รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา
.
โดยจุดดังกล่าวอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านริมเมย หมู่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 42 กม. โดย กกล.กลุ่มต่อต้านทหารเมียนมา สามารถควบคุมตัวทหารเมียนมาและตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ได้จำนวนหนึ่ง
.
ต่อมาเวลา 13.00 น. ทหารเมียนมาใช้อากาศยานแบบ YAK-130 จำนวน 1 ลำ ทิ้งระเบิดบริเวณพื้นที่วัดกานนี่ บ้านกานนี่ อ.โจ่งโด่ง จ.กอกาเร็ก ส่งผลให้มีพระสงฆ์และประชาชนได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ซึ่งการสู้รบก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
.
อย่างไรก็ดี การสู้รบดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบถึงฝั่งไทย ยังไม่มีผู้ลี้ภัยสงครามข้ามมา แต่หน่วยเฉพาะกิจราชมนูได้ตรึงกำลังบริเวณชายแดนไทยทั้งหมด เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่