นี่ผมผิดขนาดนั้นเลยหรอครับ

สวัสดีครับทุกคน กระทู้นี้เป็นเรื่องกึ่งระบายนะครับ คือผมมีพี่สาวอยู่หนึ่งคนครับเป็นเด็กซิ่วรอมหาลัย ส่วนผมเป็นน้องคนเล็กกำลังจะขึ้นม.6 ในสมัยเด็กเราก็สนิทกันดีอยู่หรอกครับ แต่พอแกไปเรียนต่อม.1ที่อื่นเราก็เริ่มห่างกัน แต่แกก็เรียนต่อไม่ไหว จนม.4แกก็กลับมาเรียนที่เดิม ซึ่งช่วงนั้นแกก็เหมือนจะทำตัวขี้เกียจ แล้วก็ไม่ช่วยงานที่บ้านด้วย พ่อกับแม่เองก็บอกไม่ได้ เพราะถ้าบอกให้แกทำแกก็จะหน้าหงิกหน้างอ หรือไม่งั้นก็งอนพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ก็เลยต้องมาใช้ผมทำงานบ้านแทน ช่วงนั้นผมก็ไม่ได้อิดออดอะไร เพราะช่วงนั้นไม่ได้มีการสอบเข้า 

หลังจากนั้นช่วงที่ผมจะขึ้นม.4ผมก็ไปเรียนที่อื่น (คนละโรงเรียนกับพี่ตอนม.1) แต่พอกลับบ้านมาช่วงสุดสัปดาห์พ่อกับแม่ผมก็ยังให้ผมทำงานบ้านเหมือนเดิม ส่วนพี่ผมก็อยู่ม.6 แกก็ยังไม่ช่วยทำงานเหมือนเดิม อาจจะเพราะแกเครียดเรื่องสอบเข้ามหาลัยด้วย จนถึงช่วงปิดเทอมของมัธยม มหาวิทยาลัยก็เริ่มประกาศผลครับ พี่ผมแกไม่ติดคณะที่ต้องการ แกก็เลยอยากไปเรียนในคณะอื่น แต่เป็นคณะที่จบมาแล้วหางานทำยากครับ ช่วงนั้นพ่อกับแม่ก็เครียดกับแกมากครับ ไม่รู้ว่าจะให้แกไปเรียนที่ไหน จากที่เคยคุยกันได้บ้างตอนนี้กลายเป็นพูดอะไรด้วยไม่ได้เลยครับ พี่สาวก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง พอพวกท่านคุยกับแกไม่ได้ก็เท่ากับว่าใช้แกทำงานบ้านไม่ได้ด้วย งานบ้านทั้งหมดที่ควรจะแชร์กันทำก็กลายเป็นของผมหมดเลย ผมเองก็เหนื่อยนะครับ ผมต้องแอบไปร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ทำงานหนักๆคนเดียว ในขณะที่ห้องของพี่กลับปิดไฟมืดสนิทในช่วงบ่ายของวัน เป็นสัญญาณว่าแกยังไม่ตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตถึงเวลาจะผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว งานหนักๆที่ผมทำก็พวกซักผ้า(ไม่ใช่เครื่องอัตโนมัติ) ขัดห้องน้ำ(บ้านผมมีห้องน้ำ3ห้อง) ล้างตู้เย็น ส่วนงานอื่นๆก็ทั่วไปครับ ล้างจาน ถูพื้น ล้างแก้ว แต่ผมก็ไม่เคยไปรบกวนให้แกมาช่วยผมนะครับ หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะหงุดหงิด คิดว่าผมทำตัวเหมือนนางเอกในละครที่ใช้น้ำตาแก้ปัญหา ไม่ฉลาดเอาซะเลย แต่ในใจผมแค่ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเครียดไปมากกว่านี้ อยากให้ท่านสบายใจว่าอย่างน้อยผมก็พอจะแบ่งเบาภาระท่านได้บ้าง ผมอยากจะทดแทนในสิ่งที่พี่สาวทำให้พ่อกับแม่ไม่ได้ก็เท่านั้นเองครับ 

จนเวลาผ่านไปแกก็ขอซิ่วออกมาอยู่บ้าน1ปีเพื่อสอบใหม่ และตอนนั้นผมก็อยู่ม.5แล้ว แต่ตอนม.5ผมเลือกที่จะไม่กลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์เลย แล้วเลือกกลับในวันหยุดสำคัญหรือปิดเทอมแทน เพราะพักหลังมานี้ผมมีปัญหาเวลานั่งรถแล้วจะอาเจียนอยู่บ่อยๆครับ เวลากลับมาช่วงปิดเทอม1ก็เหมือนเดิมครับ งานบ้านก็ยังมีมาให้ผมทำอยู่เหมือนเดิม จนปิดเทอม2เพื่อเตรียมขึ้นม.6ผมเลือกที่จะทำงานบ้านน้อยลงแล้วอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยแทน เพราะผมไม่อยากมาเสียเวลาซิ่วอีกปีเหมือนพี่ครับ แต่ตอนนั้นพี่ผมแกก็สอบได้ในคณะแกก็พอใจอยู่ประมาณนึงครับ และหลังจากนั้นแกก็ว่างยาวเลยเพราะไม่ต้องอ่านหนังสือแล้ว แกก็เลยเริ่มทำงานบ้าน แล้วก็เก็บเสื้อผ้าไปบริจาคครับ มีวันนึงแกเอาเสื้อผ้าจากในกล่องออกมาเพื่อจะแยกไปบริจาค แต่พอแกเอาออกมาแล้วแกไม่พับเก็บลงกล่องเหมือนเดิมครับ แกกลับเดินมาบอกผมให้พับลงกล่องแทน ตอนนั้นผมก็ไม่พับสิครับ เสื้อผ้ากองเป็นภูเขา เอาออกมาเองแต่ไม่เก็บเอง ผมก็เลือกที่จะเมินแกครับ แต่แกก็มาตามผมไปประมาณ3ครั้ง แล้วแกก็พูดกับผมว่า“ม..งเอาเสื้อผ้าของม..งออกไปให้หมดเลย ก..ไม่ซัก ก..ไม่พับให้แล้ว” แล้วแกก็เดินหนีไป แต่ผมก็ไม่ได้ไปเอาเสื้อผ้าออกทันทีนะครับเพราะตอนนั้นผมมีธุระต้องไปทำต่อ 

พอเสร็จจากธุระกลับมาบ้านผมเห็นว่าเสื้อผ้าที่เตรียมจะซักของผมมันถูกกองไว้ตรงทางขึ้นห้อง ตอนนั้นผมฟิวส์ขาดเลยครับ เดินไปแล้วพูดกับพี่สาวว่า“สรุปจะไม่ซักผ้าให้ใช่มั้ย”แกตอบกลับว่า“แล้วม..เป็นใครทำไมก..ต้องซักให้”ผมก็สวนแกคืนว่า“งั้นม..ก็สำเหนียกตัวเองไว้ว่าเสื้อผ้าที่เคยใส่ เมื่อก่อนกูก็เป็นคนซักให้ แม้กระทั่งกางเกงในมีตกขาวของม.. ก..ก็ยอมซัก“แกก็ถามผมคืนว่า”เหร๊ออ“(แบบหน้ากวนประสาทอ่ะครับ)ผมก็ตอบแกคืนว่า“เออ งานบ้านทุกอย่างเมื่อก่อนก..ก็เป็นคนทำนั่นแหละ ม..หล่ะเคยทำอะไรมั้ย เมื่อก่อนก..เห็นแต่ม..อยู่แต่ในห้อง นึกว่าขึ้นอืดต..ยไปแล้ว“หลังจากเสียงทะเลาะเริ่มดังขึ้นแม่ก็มาห้าม พอแกเห็นว่าแม่มาหาแกก็บอกว่า“ไป๊ๆๆๆ อย่ามาทำหน้าตาตลกอยู่นี่”ผมก็สวนแกไปว่า“แล้วที่ก…พูดไปไม่ยอมรับรึไง”แกตอบมาว่า“เอ้า เมื่อกี้ก..พูดหรอว่าไม่ยอมรับค่ะ“ผมสวนคืนว่า”ถ้าม..ยอมรับ แล้วม..จะเถียงก.. เมื่อก่อนม..ก็ทำตัวแบบนี้ แล้วตอนนี้ก..ก็ทำตัวเหมือนที่ม..เคยทำไม่ได้รึไง คิดว่าทำได้คนเดียวหรอ”แกก็ไม่ตอบแต่แกพูดว่า“ถ้าชาติหน้ามีจริงขออย่าให้ก..ได้มีน้องแบบม..อีก“ผมก็ตอบแกว่า”ก..ก็เหมือนกัน เสื้อผ้าก..ซักเอง ตากเอง พับเอง ไม่เคยขอให้ม..ช่วยซักครั้ง”แกตอบมาว่า“ต..แหล“ตอนนั้นแม่ก็เริ่มคุมไม่อยู่แล้วก็เลยเรียกพ่อมา พ่อก็มาคุยเพื่อยุติปัญหา ได้ข้อสรุปว่าแยกกันทำงานครับ 


หลังจากเคลียร์กันเสร็จแม่ก็เรียกผมไปคุยส่วนตัว แกก็บอกประมาณว่า”ที่คุยเมื่อกี้เข้าใจมั้ย”ผมก็บอกว่า“ก็เข้าใจเฉพาะเรื่องนี้ แล้วแม่ยอมรับมั้ยว่าช่วงนั้นแม่ใช้งานแต่ผม”แม่เองก็ยอมรับ ผมเลยถามต่อว่า“แล้วทำไมตอนนั้นไม่ใช้ให้พี่ทำงานบ้าง”แม่ก็ตอบว่า“เอ้า ก็พี่เค้าต้องเข้ามหาวิทยาลัย เค้าก็ต้องเรียน ต้องติว“ผมเลยถามแกคืนว่า”แล้วปีนี้ผมไม่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยหรอ ผมไม่ต้องเตรียมตัวสอบเลยหรอ“แม่ก็ตอบผมว่า”ก็จริงอยู่ แต่ในบางครั้งเราก็ต้องยอมกันบ้าง“ผมก็เลยบอกแก”ผมก็ยอมมาหมดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอะไรอีกแล้ว”แล้วผมก็เดินออกมา พอวันรุ่งขึ้นแม่ผมก็มาถามว่า“ได้คุยกันรึยังหล่ะ”ผมตอบว่า“ยัง ยังไม่อยากคุย”แกก็บอกว่า”บางทีเราก็ต้องฟังคนอื่นบ้างนะ อย่าเอาแต่ความคิดตัวเอง แต่แม่พูดไปลูกก็คงไม่ฟังหรอก“ แล้วก็แกเดินหนีไปครับ 

สรุปแล้วผมอยากจะทราบความเห็นของเพื่อนๆชาวกระทู้ครับว่าสิ่งที่ผมทำไปมันผิดขนาดนั้นเลยหรอ ผมแค่ทำงานบ้านน้อยลงจากเมื่อก่อนเพราะอยากตามล่าความฝันของตัวเอง ผมแค่ไม่พับผ้าที่กองเป็นภูเขาเพราะผมไม่ได้เป็นคนรื้อออกมา ผมแค่เคยยอมทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่ไม่ต้องลำบากใจ แต่ในวันนี้ผมเลือกจะพูดทุกอย่างออกไปแต่กลับโดนมองว่าเป็นคนไม่ยอมคน เป็นคนไม่ฟังคนอื่น ทั้งๆที่ทุกอย่างที่ผมพูดไปมันคือความจริงที่ผมเก็บไว้มาตลอดเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องลำบากใจ แต่พอท่านพูดแบบนี้ผมเองก็เสียใจนะครับ 

ขออภัยในคำหยาบนะครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่