หน้าร้อนอ่ะเนอะ มันจะมีอะไรที่ต้องซื้อเพิ่มนอกเสียจากพัดลม
ต้องบอกก่อนว่า AC Giant ตัวนี้ไม่ใช่พัดลมไอเย็นตัวแรกของ Hatari ที่ผมใช้งาน
ผมมี AC Turbo1 อยู่ด้วย ใช้งานมา 4-5 ปีแล้ว อุ้มเข้าศูนย์ที่พระราม 2 มาไม่ต่ำกว่า 7 รอบ
ทำให้ผมค่อนข้างเข้าใจปัญหาหลักๆทั้งหมดของพัดลมไอเย็นยี่ห้อนี้เป็นอย่างดี
แต่ด้วยมีความจำเป็นต้องซื้อพัดลมเพิ่ม
เลยมีโอกาศได้ซื้อเจ้า AC Giant ที่เข้าใจว่าเป็นรุ่นอัพเกรดของ AC Turbo1 มาใช้งาน
. .
“กระทู้นี้ ซื้อเอง รีวิวเอง ไม่มีสปอนเซอร์ใดๆนะครับ“
พร้อมยัง พร้อมแล้ว มาดูกันเลยว่าสองตัวนี้ มันต่างกันยังไง แล้วอันไหนมันคุ้มค่ากว่ากัน
. .
ที่มาที่ไป
พัดลมตัวนี้ ผมสั่งซื้อจาก Power Buy ผ่าน Shopee วันที่ 5 เมษาที่ผ่านมา
รออยู่นานหลายวัน ทาง Power Buy โทรมาวันที่ 9 เพื่อนัดวันจัดส่ง แจ้งว่าจัดส่งได้วันที่ 11 เมษา
สรุปตั้งแต่กดสั่ง จนได้รับสินค้า(พื้นที่ กทม.) ใช้เวลา 7 วันถ้วน
โดยในวันที่ 11 พนักงานมาส่งและแกะเช็คสินค้าให้หน้าบ้าน
แต่พนักงานดันประกอบล้อให้ผิด เอาล้อที่มีตัวล็อคล้อที่ความจริงมันควรจะต้องอยู่ด้านหลัง มายัดไว้ล้อหน้า
แล้วเพิ่งจะมาเห็นตอนยกขึ้นบ้านแล้ว แกะแก้ก็ไม่ได้ด้วย ขอหักดาวพนักงาน Power Buy แรงๆตรงนี้เลย
. .
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า..
เรื่องสเปค สามารถหาข้อมูลจากร้านตัวแทนจำหน่าย หรือแม้กระทั่งเว็บของ Hatari ได้เลยนะครับ
ผมขออนุญาตข้ามเนอะ เอาเนื้อๆ เอาข้อมูลการใช้งานจริงมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า
เรื่องลักษณะภายนอก และส่วนสูง
ก็ตามที่เห็นแหล่ะครับ เมื่อเทียบกับ AC Turbo1 ตัวเก่าแล้ว เจ้า Giant จะตัวสูงกว่านิดหน่อย ทำให้ระดับหน้าพัดลมสูงกว่า AC Turbo1 อยู่ราวๆ 3.5 นิ้ว
แผงควบคุม
แผงควบคุม AC Giant ไม่มีส่วนแสดงสถานะระดับการตั้งค่าแยกของแต่ละระบบเหมือนของ AC Turbo1 แต่จะไปแสดงรวมอยู่ในจอแสดงผลทั้งหมด ทั้งความแรงลม ทั้งจำนวนตั้งเวลา และอุณหภูมิ โดยจะแสดงผลเพียง 1 ครั้งตอนกดสั่งงานเท่านั้น แล้วหน้าจอแสดงผลจะค้างไว้ที่อุณหภูมิปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถเห็นค่าสถานะอื่นๆที่ตั้งไว้ได้(ก็คือโชว์ครั้งเดียวตอนกดคำสั่ง นอกนั้นโชว์แต่อุณภูมิค้างไว้อย่างเดียว) ..ไม่เหมือน AC Turbo1 ที่โชว์สถานะการตั้งค่าบนแผงควบคุมอย่างละเอียด ครบถ้วน ชะโงกหน้ามาดู setting ที่ตั้งไว้ได้ตลอดเวลา
แถมหน้าจอก็ไม่สามารถแสดงรายละเอียดอุณหภูมิในระดับจุดทศนิยมได้ ต่างจากรุ่น AC Turbo1 ที่แสดงค่าอุณหภูมิได้ละเอียดกว่า
ส่วนการกดเลือกระดับความแรง หรือการตั้งเวลาเปิด หรือปิด ต้องกดปุ่มเดิมซ้ำๆวนเป็นลูปไปเป็นงูกินหาง จนกว่าจะเจอค่าที่ต้องการ ไม่สามารถกดเลือกค่าที่ต้องการได้จากแผงควบคุมได้ทันที ไม่เหมือนของตัว AC Turbo1 ที่สามารถกดเลือกค่าที่ต้องการได้ทันทีแบบ one touch
พูดให้เห็นภาพชัดๆ สมมติถ้าเปิดพัดลมความแรงพัดลมเบอร์ 3 อยู่ แล้วรู้สึกลมแรงเกินไป อยากเบาพัดลมลงซักเบอร์ เหลือเบอร์ 2 ..ตัว AC Turbo1 สามารถกดเลือกเบอร์ 2 ได้ทันทีจากบนแผงความคุม ..แต่เจ้า AC Giant นั้นต้องกดปุ่มความแรงพัดลมวนลูปเดินหน้าไปเรื่อยๆจนกว่าจะวนมาเจอเบอร์ 2 ไม่สามารถกดเลือกเบอร์ได้ทันที หรือให้ลดลง 1 step ได้ (เป็นเหมือนกันทั้งจากบนแผงควบคุมและบนรีโมท)
โดยในส่วนนี้ รวมไปถึงการกดเพื่อตั้งเวลาเปิด-ปิดด้วย พัดลมสามารถตั้งได้ล่วงหน้าที่ 1,2,4 และ 8 ชั่วโมง ถ้าอยากเลือกตั้งเวลาล่วงหน้าที่ 4 ชั่วโมง ต้องกดปุ่มเดิมซ้ำๆจนกว่าจะเจอค่าที่ต้องการ แต่ถ้าเกิดดันกดเลยป้ายไปเป็น 8 ชั่วโมง ต้องกดปุ่มตั้งเวลาซ้ำๆวนลูปไปเรื่อยๆกันอีกรอบ จนกว่าจะวนเจอ 4 ชั่วโมงอีกครั้ง เป็นอะไรที่เสียเวลาในการกดปุ่มวนซ้ำเพื่อตั้งค่ามาก
เมื่อคอมโบกับหน้าจอไม่แสดงผลข้อมูลการตั้งค่าใดๆนอกจากอุณหภูมิปัจจุบัน ทำให้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตั้งเวลาไว้ที่เท่าไหร่ อยากรู้ต้องกดปุ่มตั้งเวลาหนึ่งครั้งถึงจะแสดงผลบนจอ แต่การกดหนึ่งครั้งไม่ใช่การทำให้หน้าจอแสดงผลเท่านั้น กลายเป็นการสั่งงานเพิ่มไปด้วย จากเดิมตั้งไว้ 4 ชั่วโมง แต่แน่ใจว่า 4 จริงมั้ย กดหนึ่งครั้งเพื่อให้ขึ้นที่หน้าจอแสดงผล กลายเป็นการตั้งเวลาเพิ่มเป็น 8 ชั่วโมงแทน แน่นอนว่าก็ต้องกดวนกันไปเรื่อยๆใหม่เพื่อให้ได้ 4 อย่างที่ต้องการ
..ตรงนี้บอกเลยว่าถ้าไม่อยากมาเสียเวลากดวนลูปหลายรอบโดยใช่เหตุ ควรตั้งสติให้มั่นก่อนกดสั่งงาน เมื่อกดแล้วก็ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรที่จอมันไม่โชว์อีก ไม่งั้นเดือดร้อนต้องมากดตั้งค่าวนกันใหม่เพื่อให้มันกลับมาเป็นค่าเดิม -*-
“นี่คุณทำบ้าอะไรกับแผงควบคุมเดิมที่มันดีอยู่แล้วครับเนี่ย Hatari !!”
สายไฟ
AC Giant ให้สายไฟมาสั้นมากๆ โดยให้สายมาแค่ 1.7 เมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับ AC Turbo1 ที่ให้มา 2.9 เมตรแล้ว สายไฟเจ้า AC Giant จะสั้นกว่าราวๆ 1.2 เมตรเลยทีเดียว ไม่เข้าใจทำไมถึงให้สายสั้นลงได้ขนาดนี้ ความยืดหยุ่นในการเข็นย้ายจุดใช้งานลดลงไปเป็นเมตร
.. พูดเลย ใช้งานลำบากขึ้นมากกกก !! ..
ช่องแสดงระดับน้ำ
ช่องแสดงระดับน้ำถูกย้ายไปไว้ด้านหลังเครื่อง จะด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบได้ ..ทั้งที่คนใช้งานพัดลมทั่วไปล้วนนั่งอยู่ด้านหน้าพัดลมทั้งสิ้น และตำแหน่งใช้งานของคนปกตินี้จะไม่สามารถมองเห็นระดับน้ำคงเหลือได้เลย ..ระบบเตือนน้ำหมดถังยังคงมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครรอจนมันร้องเตือนหรอก แค่เห็นน้ำลดลงต่ำกว่าครึ่งถังก็เริ่มเติมกันแล้ว.. แต่นี่คือถ้าไม่เดินอ้อมไปหลังเครื่องก็จะไม่รู้เลยว่าน้ำเหลือเท่าไหร่ แล้วยิ่งสายไฟที่ให้มาสั้นมาก แค่เสียบปลั๊กเครื่องก็อยู่ชิดผนังแล้ว ทำให้ต้องคอยหมุนพลิกเครื่องหันหน้าพัดลมเข้าผนัง เพื่อหันหลังพัดลมออกมาทุกครั้งที่ต้องการจะเช็คระดับน้ำ หรือต้องการจะเติมน้ำ ..จะงกอะไรนักหนาเนี่ยก่ะสายไฟ ให้มันยาวกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ..ลำบากแทร่ -*-
ระบบจดจำการตั้งค่าล่าสุด ..ที่หายไป !?!
ตัวพัดลมไม่มีระบบการจดจำการตั้งค่าล่าสุด.. ทำให้ทุกครั้งเมื่อเปิดพัดลมใหม่ พัดลมจะไม่ได้เริ่มต้นทำงานด้วย setting ล่าสุดที่เคยตั้งเอาไว้ แต่จะเริ่มต้นด้วยแรงลมระดับเบาสุดเสมอ และไม่ทำการดูดน้ำขึ้นแผงรับน้ำ ผู้ใช้งานต้องตั้งโปรแกรมด้วยตัวเองใหม่ทุกครั้ง ..ต่างจาก AC Turbo1 ที่มีระบบจดจำการตั้งค่าล่าสุด ที่ไม่ว่าจะปิดเครื่องกี่ครั้ง หรือจะถอดปลั๊กเอาพัดลมไปทำความสะอาด เวลาเปิดเครื่องใหม่ก็จะเริ่มทำงานด้วยค่าที่ setting ไว้ล่าสุดเสมอ
ตรงนี้ตะโกนดังๆเลยว่า AC Giant ..อย่างแย่ !!
สรุป
ถ้าไม่เคยมี AC Turbo1 มาก่อนก็คงไม่ได้ติดใจอะไร แต่พอได้เปรียบเทียบกับของเก่าที่ซื้อใช้มา 5 ปีแล้ว
ส่วนตัวพูดได้เต็มปากเลยว่าผิดหวัง ..เป็นพัดลมรุ่นใหม่ที่เข้าใจว่าได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของรุ่นแรกๆ ..แต่ไม่รู้พัฒนากันอิท่าไหน ทำให้ประสบการณ์การใช้งานมันแย่ลงกว่ารุ่นเดิมได้ขนาดนี้ อะไรที่เคยดีอยู่แล้ว กลับได้รับการปรับให้ใช้งานได้ยากลำบากขึ้นแทบทุกจุด ..นี่ยังไม่ได้แกะดูด้านในนะว่าระบบดูดน้ำ รางจ่ายน้ำ ถาดรับน้ำจากแผงรังผึ้ง รวมถึงระบบมุ้งกรองฝุ่นได้รับการพัฒนาให้บำรุงรักษายากขึ้นด้วยรึเปล่า !?!
ถ้าจะให้แนะนำ ส่วนตัวก็คงแนะนำว่าให้หาซื้อ AC Turbo1 มาใช้งานดีกว่า.. แต่ถ้าร้านค้าบอกว่ามีแค่ AC Giant ผมก็คงตะโกนดังๆว่า..
.
. .
“หนีไป”
. .
.
ปล. เผื่อทีมงานของบริษัท Hatari ได้ผ่านมาอ่าน..
ถึงเนื้อหาในกระทู้มันเหมือนจะเป็นการมุ่งทำลายภาพลักษณ์ผลิตภัณ์ของบริษัทคุณ แต่โปรดรับรู้ไว้นะครับ ว่านี่คุณกำลังได้รับข้อมูล Product Disadvantages ที่จริงใจที่สุดจากลูกค้าผู้ใช้งานจริง และแน่นอนว่ามันมี Impact มโหฬารต่อกลุ่มเป้าหมายของบริษัทคุณโดยตรง ไปแบบฟรีๆ โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลา เสียเงินกับทีม R&D ที่ดูจะไม่เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
จำไว้..
“คำติ คำวิจารณ์ มันฟังแสลงหูเสมอ แต่เชื่อเถอะว่ามันจำเป็น”
วางอีโก้ลงก่อน แล้วเก็บข้อมูลไปปรับปรุง ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าซะนะครับ
..ไม่งั้น พูดเลยว่า “
เครื่องถัดไป” ของผม หรือใครหลายๆคนที่มีความคิดเห็นคล้ายๆกัน อาจจะไม่ใช่ยี่ห้อ Hatari อีกเลย ก็เป็นได้..
[CR] ซื้อพัดลมไอเย็น Hatari AC Giant มาใหม่ เลยจับเปรียบเทียบกับ AC Turbo1 ตัวเก่า
ต้องบอกก่อนว่า AC Giant ตัวนี้ไม่ใช่พัดลมไอเย็นตัวแรกของ Hatari ที่ผมใช้งาน
ผมมี AC Turbo1 อยู่ด้วย ใช้งานมา 4-5 ปีแล้ว อุ้มเข้าศูนย์ที่พระราม 2 มาไม่ต่ำกว่า 7 รอบ
ทำให้ผมค่อนข้างเข้าใจปัญหาหลักๆทั้งหมดของพัดลมไอเย็นยี่ห้อนี้เป็นอย่างดี
แต่ด้วยมีความจำเป็นต้องซื้อพัดลมเพิ่ม
เลยมีโอกาศได้ซื้อเจ้า AC Giant ที่เข้าใจว่าเป็นรุ่นอัพเกรดของ AC Turbo1 มาใช้งาน
. .
ที่มาที่ไป
พัดลมตัวนี้ ผมสั่งซื้อจาก Power Buy ผ่าน Shopee วันที่ 5 เมษาที่ผ่านมา
รออยู่นานหลายวัน ทาง Power Buy โทรมาวันที่ 9 เพื่อนัดวันจัดส่ง แจ้งว่าจัดส่งได้วันที่ 11 เมษา
สรุปตั้งแต่กดสั่ง จนได้รับสินค้า(พื้นที่ กทม.) ใช้เวลา 7 วันถ้วน
โดยในวันที่ 11 พนักงานมาส่งและแกะเช็คสินค้าให้หน้าบ้าน
แต่พนักงานดันประกอบล้อให้ผิด เอาล้อที่มีตัวล็อคล้อที่ความจริงมันควรจะต้องอยู่ด้านหลัง มายัดไว้ล้อหน้า
แล้วเพิ่งจะมาเห็นตอนยกขึ้นบ้านแล้ว แกะแก้ก็ไม่ได้ด้วย ขอหักดาวพนักงาน Power Buy แรงๆตรงนี้เลย
. .
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า..
เรื่องสเปค สามารถหาข้อมูลจากร้านตัวแทนจำหน่าย หรือแม้กระทั่งเว็บของ Hatari ได้เลยนะครับ
ผมขออนุญาตข้ามเนอะ เอาเนื้อๆ เอาข้อมูลการใช้งานจริงมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า
เรื่องลักษณะภายนอก และส่วนสูง
ก็ตามที่เห็นแหล่ะครับ เมื่อเทียบกับ AC Turbo1 ตัวเก่าแล้ว เจ้า Giant จะตัวสูงกว่านิดหน่อย ทำให้ระดับหน้าพัดลมสูงกว่า AC Turbo1 อยู่ราวๆ 3.5 นิ้ว
แผงควบคุม
แผงควบคุม AC Giant ไม่มีส่วนแสดงสถานะระดับการตั้งค่าแยกของแต่ละระบบเหมือนของ AC Turbo1 แต่จะไปแสดงรวมอยู่ในจอแสดงผลทั้งหมด ทั้งความแรงลม ทั้งจำนวนตั้งเวลา และอุณหภูมิ โดยจะแสดงผลเพียง 1 ครั้งตอนกดสั่งงานเท่านั้น แล้วหน้าจอแสดงผลจะค้างไว้ที่อุณหภูมิปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถเห็นค่าสถานะอื่นๆที่ตั้งไว้ได้(ก็คือโชว์ครั้งเดียวตอนกดคำสั่ง นอกนั้นโชว์แต่อุณภูมิค้างไว้อย่างเดียว) ..ไม่เหมือน AC Turbo1 ที่โชว์สถานะการตั้งค่าบนแผงควบคุมอย่างละเอียด ครบถ้วน ชะโงกหน้ามาดู setting ที่ตั้งไว้ได้ตลอดเวลา
แถมหน้าจอก็ไม่สามารถแสดงรายละเอียดอุณหภูมิในระดับจุดทศนิยมได้ ต่างจากรุ่น AC Turbo1 ที่แสดงค่าอุณหภูมิได้ละเอียดกว่า
ส่วนการกดเลือกระดับความแรง หรือการตั้งเวลาเปิด หรือปิด ต้องกดปุ่มเดิมซ้ำๆวนเป็นลูปไปเป็นงูกินหาง จนกว่าจะเจอค่าที่ต้องการ ไม่สามารถกดเลือกค่าที่ต้องการได้จากแผงควบคุมได้ทันที ไม่เหมือนของตัว AC Turbo1 ที่สามารถกดเลือกค่าที่ต้องการได้ทันทีแบบ one touch
พูดให้เห็นภาพชัดๆ สมมติถ้าเปิดพัดลมความแรงพัดลมเบอร์ 3 อยู่ แล้วรู้สึกลมแรงเกินไป อยากเบาพัดลมลงซักเบอร์ เหลือเบอร์ 2 ..ตัว AC Turbo1 สามารถกดเลือกเบอร์ 2 ได้ทันทีจากบนแผงความคุม ..แต่เจ้า AC Giant นั้นต้องกดปุ่มความแรงพัดลมวนลูปเดินหน้าไปเรื่อยๆจนกว่าจะวนมาเจอเบอร์ 2 ไม่สามารถกดเลือกเบอร์ได้ทันที หรือให้ลดลง 1 step ได้ (เป็นเหมือนกันทั้งจากบนแผงควบคุมและบนรีโมท)
โดยในส่วนนี้ รวมไปถึงการกดเพื่อตั้งเวลาเปิด-ปิดด้วย พัดลมสามารถตั้งได้ล่วงหน้าที่ 1,2,4 และ 8 ชั่วโมง ถ้าอยากเลือกตั้งเวลาล่วงหน้าที่ 4 ชั่วโมง ต้องกดปุ่มเดิมซ้ำๆจนกว่าจะเจอค่าที่ต้องการ แต่ถ้าเกิดดันกดเลยป้ายไปเป็น 8 ชั่วโมง ต้องกดปุ่มตั้งเวลาซ้ำๆวนลูปไปเรื่อยๆกันอีกรอบ จนกว่าจะวนเจอ 4 ชั่วโมงอีกครั้ง เป็นอะไรที่เสียเวลาในการกดปุ่มวนซ้ำเพื่อตั้งค่ามาก
เมื่อคอมโบกับหน้าจอไม่แสดงผลข้อมูลการตั้งค่าใดๆนอกจากอุณหภูมิปัจจุบัน ทำให้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตั้งเวลาไว้ที่เท่าไหร่ อยากรู้ต้องกดปุ่มตั้งเวลาหนึ่งครั้งถึงจะแสดงผลบนจอ แต่การกดหนึ่งครั้งไม่ใช่การทำให้หน้าจอแสดงผลเท่านั้น กลายเป็นการสั่งงานเพิ่มไปด้วย จากเดิมตั้งไว้ 4 ชั่วโมง แต่แน่ใจว่า 4 จริงมั้ย กดหนึ่งครั้งเพื่อให้ขึ้นที่หน้าจอแสดงผล กลายเป็นการตั้งเวลาเพิ่มเป็น 8 ชั่วโมงแทน แน่นอนว่าก็ต้องกดวนกันไปเรื่อยๆใหม่เพื่อให้ได้ 4 อย่างที่ต้องการ
..ตรงนี้บอกเลยว่าถ้าไม่อยากมาเสียเวลากดวนลูปหลายรอบโดยใช่เหตุ ควรตั้งสติให้มั่นก่อนกดสั่งงาน เมื่อกดแล้วก็ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรที่จอมันไม่โชว์อีก ไม่งั้นเดือดร้อนต้องมากดตั้งค่าวนกันใหม่เพื่อให้มันกลับมาเป็นค่าเดิม -*-
AC Giant ให้สายไฟมาสั้นมากๆ โดยให้สายมาแค่ 1.7 เมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับ AC Turbo1 ที่ให้มา 2.9 เมตรแล้ว สายไฟเจ้า AC Giant จะสั้นกว่าราวๆ 1.2 เมตรเลยทีเดียว ไม่เข้าใจทำไมถึงให้สายสั้นลงได้ขนาดนี้ ความยืดหยุ่นในการเข็นย้ายจุดใช้งานลดลงไปเป็นเมตร
ช่องแสดงระดับน้ำถูกย้ายไปไว้ด้านหลังเครื่อง จะด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบได้ ..ทั้งที่คนใช้งานพัดลมทั่วไปล้วนนั่งอยู่ด้านหน้าพัดลมทั้งสิ้น และตำแหน่งใช้งานของคนปกตินี้จะไม่สามารถมองเห็นระดับน้ำคงเหลือได้เลย ..ระบบเตือนน้ำหมดถังยังคงมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครรอจนมันร้องเตือนหรอก แค่เห็นน้ำลดลงต่ำกว่าครึ่งถังก็เริ่มเติมกันแล้ว.. แต่นี่คือถ้าไม่เดินอ้อมไปหลังเครื่องก็จะไม่รู้เลยว่าน้ำเหลือเท่าไหร่ แล้วยิ่งสายไฟที่ให้มาสั้นมาก แค่เสียบปลั๊กเครื่องก็อยู่ชิดผนังแล้ว ทำให้ต้องคอยหมุนพลิกเครื่องหันหน้าพัดลมเข้าผนัง เพื่อหันหลังพัดลมออกมาทุกครั้งที่ต้องการจะเช็คระดับน้ำ หรือต้องการจะเติมน้ำ ..จะงกอะไรนักหนาเนี่ยก่ะสายไฟ ให้มันยาวกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ..ลำบากแทร่ -*-
ระบบจดจำการตั้งค่าล่าสุด ..ที่หายไป !?!
ตัวพัดลมไม่มีระบบการจดจำการตั้งค่าล่าสุด.. ทำให้ทุกครั้งเมื่อเปิดพัดลมใหม่ พัดลมจะไม่ได้เริ่มต้นทำงานด้วย setting ล่าสุดที่เคยตั้งเอาไว้ แต่จะเริ่มต้นด้วยแรงลมระดับเบาสุดเสมอ และไม่ทำการดูดน้ำขึ้นแผงรับน้ำ ผู้ใช้งานต้องตั้งโปรแกรมด้วยตัวเองใหม่ทุกครั้ง ..ต่างจาก AC Turbo1 ที่มีระบบจดจำการตั้งค่าล่าสุด ที่ไม่ว่าจะปิดเครื่องกี่ครั้ง หรือจะถอดปลั๊กเอาพัดลมไปทำความสะอาด เวลาเปิดเครื่องใหม่ก็จะเริ่มทำงานด้วยค่าที่ setting ไว้ล่าสุดเสมอ
ถ้าไม่เคยมี AC Turbo1 มาก่อนก็คงไม่ได้ติดใจอะไร แต่พอได้เปรียบเทียบกับของเก่าที่ซื้อใช้มา 5 ปีแล้ว ส่วนตัวพูดได้เต็มปากเลยว่าผิดหวัง ..เป็นพัดลมรุ่นใหม่ที่เข้าใจว่าได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของรุ่นแรกๆ ..แต่ไม่รู้พัฒนากันอิท่าไหน ทำให้ประสบการณ์การใช้งานมันแย่ลงกว่ารุ่นเดิมได้ขนาดนี้ อะไรที่เคยดีอยู่แล้ว กลับได้รับการปรับให้ใช้งานได้ยากลำบากขึ้นแทบทุกจุด ..นี่ยังไม่ได้แกะดูด้านในนะว่าระบบดูดน้ำ รางจ่ายน้ำ ถาดรับน้ำจากแผงรังผึ้ง รวมถึงระบบมุ้งกรองฝุ่นได้รับการพัฒนาให้บำรุงรักษายากขึ้นด้วยรึเปล่า !?!
ถ้าจะให้แนะนำ ส่วนตัวก็คงแนะนำว่าให้หาซื้อ AC Turbo1 มาใช้งานดีกว่า.. แต่ถ้าร้านค้าบอกว่ามีแค่ AC Giant ผมก็คงตะโกนดังๆว่า..
ปล. เผื่อทีมงานของบริษัท Hatari ได้ผ่านมาอ่าน..
ถึงเนื้อหาในกระทู้มันเหมือนจะเป็นการมุ่งทำลายภาพลักษณ์ผลิตภัณ์ของบริษัทคุณ แต่โปรดรับรู้ไว้นะครับ ว่านี่คุณกำลังได้รับข้อมูล Product Disadvantages ที่จริงใจที่สุดจากลูกค้าผู้ใช้งานจริง และแน่นอนว่ามันมี Impact มโหฬารต่อกลุ่มเป้าหมายของบริษัทคุณโดยตรง ไปแบบฟรีๆ โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลา เสียเงินกับทีม R&D ที่ดูจะไม่เข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
จำไว้..
วางอีโก้ลงก่อน แล้วเก็บข้อมูลไปปรับปรุง ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าซะนะครับ
..ไม่งั้น พูดเลยว่า “เครื่องถัดไป” ของผม หรือใครหลายๆคนที่มีความคิดเห็นคล้ายๆกัน อาจจะไม่ใช่ยี่ห้อ Hatari อีกเลย ก็เป็นได้..
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้