สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น หรือที่เรียกว่า Trade War 2.0 โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศที่มีการส่งออก เช่น จีน ญี่ปุ่น ยุโรป เป็นต้น ซึ่งในมุมมองของนักวิเคราะห์มองว่าการลงทุนในไตรมาสนี้ควรให้น้ำหนักไปที่การลดความเสี่ยงของพอร์ต การกระจายการลงทุนไปยังตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัว หรือได้รับผลกระทบน้อยจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในธีม

▶️กองทุนรวมธีม AI ตัวอย่างเช่น :

✅KT-US-A 👉 https://www.wealthmagik.com/funds/KT-US-A

✅MEGA10AI-A 👉 https://www.wealthmagik.com/funds/MEGA10AI-A

▶️กองทุนรวมในธีม Cybersecurity หรือ Infrastructure ตัวอย่างเช่น  KFCYBER-A,LHCYBER-A

✅KFCYBER-A 👉 https://www.wealthmagik.com/funds/KFCYBER-A

✅LHCYBER-A 👉https://www.wealthmagik.com/funds/LHCYBER-A

▶️กองทุน China Technology ตัวอย่างเช่น  SCBCEH , KF-CHINA

✅SCBCEH 👉 https://www.wealthmagik.com/funds/SCBCEH

✅KF-CHINA 👉https://www.wealthmagik.com/funds/KF-CHINA

แม้ว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะยังเผชิญความผันผวนจากสงครามการค้าและปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค แต่นักวิเคราะห์มองว่าการปรับตัวลงของตลาดในบางจังหวะเป็นโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ ฉะนั้นควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/blogs/finance/investment/1174615