ผู้คนทั่วโลกอาจต้องจ่ายค่าใช้บริการคลาวด์ที่สูงขึ้นอันเป็นผลจากการขึ้นภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff Act) ของรัฐบาลสหรัฐฯ (บทความนี้เขียนเองจากประสบการณ์ที่เคยทำงานด้านโทรคมนาคมและบริการคลาวด์)
ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อัตราล่าสุด 104% นั้น มองเผินๆ อาจใช้กับสินค้าที่จับต้องได้ที่นำเข้าจากจีนมายังสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ก็อาจส่งผลทางอ้อมต่อบริการคลาวด์ทั่วโลกได้อย่างแน่นอน รวมถึงในประเทศไทยด้วย
สาเหตุ:
ต้นทุนฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ให้บริการ: บริการคลาวด์ทำงานบนฮาร์ดแวร์จำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูล อุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกรายใหญ่หลายราย (เช่น Amazon AWS, Google Cloud, Microsoft Azure) ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ในขณะฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นหรือส่วนประกอบต่างๆ (hardware and peripherals) ส่วนใหญ่ผลิตหรือประกอบในจีน ยังไม่รวมถึงการให้บริการโครงข่ายระหว่างประเทศซึ่งจะได้รับผลกระทบในด้านโครงสร้างราคาจากมาตรการภาษีต่างตอบแทนนี้
ผลกระทบในระยะสั้น:
ด้วยมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ทำให้เพิ่มต้นทุนของบริษัทเหล่านี้ในการนำเข้าฮาร์ดแวร์เพื่อสร้างและขยายศูนย์ข้อมูล (Data Centre, Data Farm) ภายในสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ทำให้อาจเกิดการเพิ่มขึ้นด้านราคาค่าบริการคลาวด์ทั่วโลก
เพราะแม้ว่าภาษีศุลกากรจะมีผลเฉพาะในสหรัฐฯ แต่ผู้ให้บริการรายใหญ่ (Tier 1) เหล่านี้มีการให้บริการคลาวด์ไปทั่วโลก หากต้นทุนฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น อาจกระทบการขยายขีดความสามารถบนคลาวด์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน (แม้ว่าจะอยู่ในภูมิภาคหลักเพียงแห่งใดแห่งหนึ่งเช่น meta หรือ apple cloud ในสหรัฐฯ) ในที่สุดผู้ให้บริการคลาวด์ทั้งหมดอาจจำเป็นต้องปรับโครงสร้างราคาทั่วโลกเพื่อรักษาผลกำไรโดยรวมหรือสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้อย่างยิ่งในระยะเวลาไม่นานต่อจากนี้
นอกจากนี้ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นนอกจากค่าบริการที่อาจเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ในระยะสั้นอาจเกิด shortage หรือการชะงักต่อการบำรุงรักษา Data Centre เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานเกิดภาวะชะงัก ทำให้บริการหลายอย่างอาจถูกจำกัดการใช้บริการหรือระงับการให้บริการบางอย่างที่มีผู้ใช้บริการน้อย
ระยะที่สอง:
ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อาจพิจารณาเร่งให้เกิดการลงทุนสร้างและ/หรือขยายศูนย์ข้อมูล (Data Centre) ในภูมิภาคอื่นเช่นยุโรปและเอเชียบางประเทศทดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งาน ประสิทธิภาพ และแม้แต่ต้นทุนของบริการคลาวด์ทั่วโลก
โดยสรุป:
แม้ว่าภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีบริการคลาวด์ที่ให้บริการนอกอาณาเขตของสหรัฐฯ โดยตรง (เช่นเดียวกับบริการคลาวด์ที่สามารถเข้าถึงบริการได้จากประเทศไทย) แต่อัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญนี้จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพหลักของผู้ให้บริการรายใหญ่ทั่วโลก ผลที่ตามมาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นสำหรับผู้ให้บริการซึ่งอาจนำไปสู่การปรับราคาทั่วโลก ความไม่มั่นคงของห่วงโซ่อุปทานสำหรับฮาร์ดแวร์ที่จำเป็น และมาตรการการค้าตอบโต้ โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้บริการทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมต่อต้นทุน ความพร้อมใช้งาน และการพัฒนาของบริการคลาวด์ทั่วโลก
ป.ล. ใครมีความเห็นเพิ่มเติมลองแชร์กันดูครับ ผมอาจมองไม่ครอบคลุมรอบด้านก็ได้
คาดการณ์ผลกระทบจากการขึ้นภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff Act) ของรัฐบาลสหรัฐฯ กับบริการคลาวด์ทั่วโลก