เรามาถึง Rome เมื่อคืนโดยทางรถไฟแล้วเข้าที่พัก เราเลือกที่พักชื่อ Booking House Rome ใกล้สถานีรถไฟเพื่อสะดวกต่อการเดินทางและลากกระเป๋า
ห้องค่อนข้างเล็ก ราคาตกคืนละ 3,200 บาท(ในปี 2024) โดยพักที่ Rome 3 คืน
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยว โดยเริ่มจาก Travi fountain ซึ่งห่างจากที่พักเดินไม่ถึง 20 นาที มาถึงน้ำพุช่วง 7.30 น. ก้อเริ่มมีนักท่องเที่ยวคึกคักลานน้ำพุ ตัวน้ำพุในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในต้นศตวรรษที่ 15 และบูรณะในปี 1998 ว่ากันว่าแต่ละวันจะมีคนโยนเงินลงน้ำพุถุงวันละ 2,000 euro เลยทีเดียว ออกจากน้ำพุ พวกเราเดินต่อกันไปยัง Spanish Steps ซึ่งตามประวัติถูกสร้างในปี 1725 เชื่อมต่อกับถนน Via Condotti แหล่งชอปปิ้งในกรุงโรม
ออกจากบันไดสเปน เราเดินต่อไปยังวิหาร Pantheon หรือเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งยังคงรักษาสภาพไว้ค่อนข้างอลังการแม้ว่าจะผ่านมาถึง 2,000 กว่าปีแล้ว ตามประวัติวิหารถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งกรีกและโรมัน ตามระบบดาวตามสุริยะ 7 ดาว พวกเราไม่ได้เข้าไปดูข้างในเพราะติดเวลาคณะทัวร์ที่กำลังรอเข้าชม แต่เท่าที่สอบถามภายในจะมีช่องโดมขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นนาฬิกาจากแสงอาทิตย์ก้อเป็นไปได้
จากวิหาร พวกเรามาถึง Piazza Navona หรือจัตุรัสโนวาน่า ซึ่งตามประวัติถูกสร้างขึ้นในปี คศ.90 เพื่อใช้เป็นสนามกีฬาโรมันครับ  เราใช้เวลาที่จัตุรัสไม่นานเนื่องจากอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง ก้อเดินต่อไปกันที่จัตุรัส St.Peter's Square ซึ่งเป็นลานวงกลมขนาดใหญ่ตามแบบสถาปัตยกรรมโรมันที่ตั้งอยู่ด้านของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์หรือมหาวิหารนักบุญเปโตรในนครรัฐวาติกัน ความโดดเด่นของจัตุรัสแห่งนี้อยู่ที่เสาโอเบลิคซึ่งสร้างจากทองสัมฤทธิ์สูง 25.5 เมตร ตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของจัตุรัส  ภายในมหาวิหารนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรีทุกวันนะครับ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปชมภายในกันเพราะคิวยาวพอสมควรกลัวไม่ทันรอบจองเข้า Vatican museum ครับ
พวกเราเก็บภาพกันที่จัตุรัสจนถึงใกล้ๆบ่ายโมง ก้อเดินต่อไปรอคิวเข้าชมพิพิธภัณฑ์วาติกันซึ่งเราซื้อตั๋ว online ล่วงหน้าได้รอบเข้าบ่าย 2 โมงครับ (ที่พิพิธภัณฑ์ ผมจะแยกออกมาอีก Part นะครับเพราะมีภาพค่อนข้างเยอะ)
เช้าวันที่ 4 พวกเรายังเที่ยวต่อที่ Rome อีกวัน โดยเริ่มจากแวะเข้าชม Colosseum และ Forum Roman โดยสามารถซื้อตั๋วใบเดียวเข้าชมได้ทั้ง 2 ที่ในราคาคนละ 19 ยูโร  สำหรับ Colosseum ถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจจรย์ของโลกเนื่องจากเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ตามข้อมูลถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี คศ.80 มีขนาดกว้างถึง 530 เมตร และสูงถึง 57 เมตรจำนวน 4 ชั้น สามารถจุคนได้ถึง 50,000 คนเลยครับ   จากนั้นเราเดินต่อไปเที่ยวที่ Forum Roman หรือ จัตุรัสโรมัน ซึ่งเป็นซากอารยธรรมที่สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในอดีต
ช่วงบ่ายๆหลังจากทานข้าวกลางวันกันแล้ว เราเดินต่อไปที่อนุสาวรีย์ Vittoriano เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 กษัตริย์องค์แรกที่ผนวกรวมแว่นแคว้นน้อยใหญ่เข้าด้วยกันจนเป็นประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใกล้ๆกับอนุสาวรีย์เราเดินขึ้นไปชมวิวกันที่ Capitoline Hill ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ Capitoline Museums ซึ่งล้อมรอบไปด้วยจัตุรัสที่ได้รับการออกแบบโดย Michelangelo ตามอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมโรมัน
ก่อนเดินทางต่อไป Florence ในตอนเย็น เราเดินไปแวะเก็บภาพ Mouth of Truth ซึ่งผมเคยเห็นแต่ในหนังเก่าเรื่อง Roman Holiday ที่ฉายเมื่อปี 1953 ครับ


ด้านหน้าน้ำพุ Travi


Piazza mignanelli ระหว่างทางไปบันไดสเปน

Spanish Steps

ถ่ายจากมุมบน


ด้านหน้าวิหาร Pantheon


Piazza Navona

พยายามถ่าย

รูปที่ได้หลังผนังกั้น

ร้านค้าบริเวณ Piazza Navona

ศิลปะปั้นมีให้เห็นตลอดเส้นทาง


St.Peter's Square



Gelato วันนี้ครับ

ทางเข้า Colosseum จะเห็นว่าแผ่นกำแพงด้านหน้ามีการบูรณะใหม่

ด้านหลังครับ



ทางเดินด้านในกำแพง

ภายใน Colosseum



Forum Roman







อาหารกลางวันมี Avocado เป็นวัตถุดิบหลัก

Vittoriano

อนุสาวรีย์พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 

Capitoline Hill

Mouth of Truth