เรื่องเล่าในอดีต (2)

สวัสดีค่ะ ท่านผู้ติดตามอ่านต่อจากบทความแรก


     หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 1ปี กว่า ไม่นานนักพ่อของฉันก็มีอาการประสาท หรือป่วยหนักเกี่ยวกับระบบประสาทหลอน เกิดจากเสพยามากเกินไป ควบคุมตัวเองไม่ได้ กลางคืนไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน โวยวาย เอาแต่หาเรื่องทะเลาะ ทำร้าย ตบตีแม่ และพังข้าวของในบ้าน ปู่ของฉันได้ทราบเรื่องของพฤติกรรมของพ่อ จึงบอกให้พี่ชายพ่อ (ลุง) พาพ่อไปรักษาที่ รพ. สวนปรุง และหมอให้อยู่รักษาที่โรงพยาบาลแบบไม่มีกำหนด
ฉันไม่แน่ใจว่ารักษานานแค่ไหน?  แต่ช่วงนั้นแม่ของฉันลำบากมาก ต้องเลี้ยงน้องสาวที่ยังเล็ก และตัวฉัน ลำพังคนเดียวไม่ไหว ปู่ของฉันจึงเกลี้ยกล่อมแม่ให้ย้ายบ้าน ไปอยู่ใกล้ๆบ้านปู่ ปู่บอกว่ามีพื้นที่ว่างอยู่ไม่กว้างนัก แต่มีไม้เก่า ที่ปู่เก็บไว้นานแล้ว เอามาสร้างให้ได้บ้านหลังเล็กๆพออาศัยได้ ปู่ ลุง และน้าชายช่วยกันสร้างพออยู่กันได้ ตอนนั้นสร้างเป็นบ้านสองห้อง ห้องนอน1 ห้องและห้องว่าง 1 ห้อง ห้องน้ำเล็กๆอยู่ในตัวบ้าน 1 ห้อง ฝาฝนังบางที่ใช้ใบลานตีเป็นฝาผนังแทน ส่วนห้องน้ำหลังคาห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้าน ยกสูงเปิดโล่งด้านบน ประมาณ 2 คืบฝ่ามือ ห้องครัวอยู่ทางด้านขวาของบ้าน ต้องเดินเลาะข้างตัวบ้านออกไป ตอนนั้นปู่ของฉัน เริ่มอายุมากแล้ว คนในบ้านจึงไม่อยากให้ไปทำงานข้างนอกบ้านอีก อยากให้ปลูกผัก ผลไม้อยู่แถวบ้าน แล้วให้ย่าเก็บไปขายที่ตลาดใกล้บ้าน ช่วงเช้าของทุกวัน และค่อยดูแลน้องสาวฉันด้วยอยู่ที่บ้าน ส่วนแม่ฉันไปหางานทำแถวบ้านเป็นโรงงานธูปหอม แต่ทำได้ไม่นานก็ปิดตัวลงเพราะเรื่องผลประโยชน์ภายใน แม่ฉันจึงไปเรียนเย็บผ้ากับป้าแถวบ้านแทน ที่เคยมาชวนแม่ไปเรียน และทำงานด้วยกันนานแล้ว แม่ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเรียนของฉันและน้อง ต้องทำงานเป็นสองเท่า เลยต้องรับจ้างซักผ้าแถวบ้านอีกด้วย เพราะว่าเงินไม่พอจะกิน ช่วงนั้นยากจนมากจริงๆ
       ส่วนลุงของฉันได้งานทำที่ใหม่รับเจาะน้ำบาดาล และติดตั้งแทงค์น้ำดื่มน้ำใช้ ชวนน้าชายไปทำงานด้วย
วันไหนไม่มีงานน้าชายจะอยู่บ้าน ส่วนลุงจะเอาเวลาไปช่วยงานร้านขายแว่นตาของแฟนใหม่ที่พึ่งคบหากัน
      วันหนึ่งในวันหยุดของฉัน ตอนบ่ายๆไม่มีใครอยู่ในบ้าน น้าชายชวนฉันไปในห้องน้าชาย และก็ทำอนาจารฉันเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ ให้ฉันนอนตะแคงบนที่นอนและหันหลังถอดกางเกงฉัน เอาผ้ามาปิดตาฉันไว้ และเอามือล่วงมาจับ ทำอนาจารเหมือนเดิม ยังไม่พอเอา อวัยวะเพศมาถูที่ก้นของฉัน และก็สำเร็จความใคร่ของตัวเอง พอเสร็จก็บอกให้ส่วมกางเกงแล้วก็เดินไปเอาไอศกรีมมาให้ฉัน กินแล้วบอกฉันว่าเงียบไว้อย่าบอกใคร ทำแบบนี้น่าจะ 4-5 ครั้ง ถ้าฉันจำไม่ผิด
     หลังจากนั้นไม่นานในช่วงปิดเทอม ตอนนั้นฉันกำลังจะขึ้น ป.5  น้องสาวของแม่ที่ไม่เคยมาหาเลย ได้มาเที่ยวหาแม่เป็นครั้งแรก (น้องสาวที่ไม่ใช่น้องสาวจริงๆ ของแม่ฉัน แต่แม่ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆ แม่จึงถือเป็นน้องสาวจริงๆ) ซื้อขนมมาฝากฉันกับน้องสาว เยอะแยะมากมาย เป็นขนมที่ฉันไม่ค่อยได้ทาน และบางอย่างแค่รู้จักชื่อ แต่ไม่เคยทานมาก่อนก็มี และเขายังพาแฟนอายุวัยกลางคนมาด้วย อาชีพทำพระเครื่อง ขายพระเครื่อง มาจากเชียงใหม่ แฟนน้าสาวเขาเป็นคนสระบุรี น้าสาวเล่าว่า เจอกันได้เพราะเขาไปช่วยน้าสาวที่ตอนนั้นกำลังจะโดนหลอกไปขายตัวที่กรุงเทพฯ (เรื่องนี้อาจโกหก  หรือเรื่องจริงฉันไม่แน่ใจ) เพราะเรื่องผู้ใหญ่แม่บอกห้ามเข้ามายุ่ง วุ่นวาย ตอนนั้นเราก็เด็กอยู่จริงๆ
ไม่ประสา อะไรเลย ทำตามคำสั่งแม่ทุกอย่าง น้าสาวบอกว่าอยู่กับแฟนคนนี้มา 3 ปีแล้ว เหงาอยู่กันสองคน
จึงอยากขอฉันไปเลี้ยงดู เพราะรู้ว่าตอนนี้แม่ทำงานคนเดียวหาเลี้ยงครอบครัว  ลำบากมากๆ ตอนแรกแม่ก็ไม่อยากให้ไป ปู่ก็ไม่ยอม แต่สุดท้ายแม่ทนการเกลี้ยกล่อมไม่ไหว บอกว่าให้ไปลองอยู่ด้วย เทอมหนึ่ง ถ้าเราไม่ชอบอยู่ที่นั้นก็กลับมาอยู่กับแม่ น้าสาวบอกว่าได้เลย ตกลงตามนั้น และบอกฉันว่าจะส่งเรียนให้สูงๆ อนาคตอยากเรียนต่ออะไร จะทำอะไร จะส่งเสียเรียนให้หมดเลย เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง ไม่ต้องรบกวนแม่อีก ฟังแล้วยิ่งทำให้ฉันมีความฝันที่อาจจะเป็นจริงในอนาคต
และน้าสาวก็หันไปบอกแม่ว่า ตอนนั้นถ้าไม่มีแม่ค่อยดูแลน้าสาวมาตั้งแต่เล็ก น้าคงไม่มีวันนี้  ( ข้ออ้างบุญคุณที่ดูแลต้องทำอะไรตอบแทนแม่บ้าง ประมาณนั้น)
ฉันจึงตกลงว่าอยากไปเรียนที่นั้นดู ลองดูอาจจะดีกว่าที่นี้ก็ได้  น้าสาวยังบอกให้ฉันเรียกแฟนน้าสาวว่า (พ่อ)
แทนเรียกว่าลุง เพราะว่าต่อไปเขาจะเป็นคนดูแลค่าใช้จ่าย เลี้ยงดูทุกอย่างของฉันทั้งหมดเอง  เมื่อได้ย้ายไปอยู่บ้านน้าสาวแล้ว เรื่องจัดการโรงเรียนที่ฉันไม่ได้เลือก น้าสาวกับแฟนของน้าพวกเขาเป็นคนเลือกให้ฉันไปเรียนเองทั้งหมด ได้โรงเรียนใกล้ๆแถวบ้านนั้นแหละ
บ้านของน้าสาวเป็นบ้านชั้นเดียวไม่มีรั้วกั้น มีห้องนอน 1ห้อง ห้องน้ำ 1ห้อง แต่พื้นที่กว้าง มีสุนัขเลี้ยงไว้ 1ตัว มีนกเขาเลี้ยงอยู่ในกรงประมาณ 7- 8 กรง เลี้ยงไว้แถวลานจอดรถยนต์ ข้างนอก ส่วนห้องนอนมี 2 เตียง เตียงเล็กของฉัน และบ้างคืนน้าก็เอาสุนัขมานอนบนเตียงใหญ่ด้วย ฉันเห็นแล้วสกปรก กลัวหมัด เห็บใต้เข้าหู มันน่าขยะแขยง
        ตั้งแต่เริ่มไปโรงเรียนวันแรกฉันเห็นด้านในของโรงเรียนแล้ว ฉันก็ไม่ชอบเลย อึดอัดใจมาก ไม่ได้เป็นไปตามที่คลาดหวังไว้เลย เพราะเป็นโรงเรียนของคริสเตียน ไม่ใช่โรงเรียนของชาวพุทธ มีวิชาเรียนเป็นของคริสเตียนด้วย ยิ่งทำให้ฉันอึดอัดสุดๆ แต่เราตัดสินใจมาเรียนแล้ว ก็บอกตัวเองว่าให้อดทนเรียนเอาแค่เทอมเดียว ตอนไปโรงเรียนฉันจะปั่นจักรยานไปเรียนทุกวัน น้าสาวบอกว่าโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน ไม่ต้องขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งก็ได้ นั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันไปโรงเรียนเอง โดยไม่มีแม่ไปรับ - ไปส่งพร้อมกับน้องสาว  เหมือนตอนอยู่โรงเรียนเก่า ฉันอดทนเรียนจนจบเรียนอยู่ครบเทอมไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นกับตัวของฉันเลย และฉันก็ตัดสินใจย้ายกับมาอยู่กับแม่ และน้องสาวของฉันเหมือนเดิม เพราะคิดถึงพวกเขามากมาก 😭😭😭


อ่านต่อพรุ่งนี้นะค่ะ …

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่