แฟนโดนย้ายไปทำงานเซลล์ แต่เราไม่อยากให้ทำ ต้องทำยังไงดี ?

แฟนเป็น วิศวะเขียนแบบ โดนสั่งย้ายไปเป็น เซลล์เอ็นจิเนียร์ ซึ่งแฟนเราก็ไม่ได้ชอบงานขาย พูดไม่เก่ง เข้าสังคมไม่เป็น เป็นอินโทรเวิร์ท และ เลี่ยงไม่สมัครงานเซลล์เอ็นจิเนียร์มาตลอด บริษัทมีกฏที่สามารถย้ายพนักงานได้ตลอดแต่บริษัทก็ให้ค่าตอบแทนปรับเงินเดือนขึ้นให้ แฟนเลยคิดว่าหนีไม่ได้ก็ลองทำดู แต่เราไม่อยากให้เขาทำเลย ด้วยลักษณะงานที่ต้องไปพบลูกค้าบ่อยมากๆ ไปเลี้ยงสังสรรค์ ซึ่งแฟนเราไม่กินเหล้า แต่ต้องกินเพราะงาน และไปกับเซลล์ผู้หญิงทุกครั้ง กลับบ้านดึกบ้าง วันหยุดก็มีต้องไปล่วงเวลา และอาจจะต้องมีไปค้างต่างจังหวัด ซึ่งมันก็เป็นปกติของงานเซลล์ เพราะแบบนี้เราเลยไม่ชอบ  เราทั้งคู่มีทัศนคติ การใช้ชีวิตที่คล้ายกัน เราแต่งงานกันแล้วและกำลังจะสร้างครอบครัว พอมีงานนี้มาเรารู้สึกว่ามันกำลังมาทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไป การใช้ชีวิตที่มันเคยไปในทิศทางเดียวกัน มันเริ่มเปลี่ยน เราทั้งคู่เลยมานั่งคุยกัน เรารับไม่ได้จริงๆกับงานนี้ แฟนเราก็ยอมเสียสละ จะลาออก แต่ขอรอให้บริษัทหาคนมาแทนได้ก่อน.. พอเป็นแบบนี้ เราก็รู้สึกผิดที่ต้องเป็นต้นเหตุให้แฟนตกงาน ตอนนี้แฟนยังไม่ได้แจ้งกับบริษัท.. ส่วนเราก็บอกว่าระหว่างนี้เราขอทบทวนกับเองด้วยว่าจะอยากให้เป็นแบบนี้จริงๆมั้ย.. ตอนนี้เราคิดไม่ตก ว่าจะยังไงดี  เราค่อนข้างเป็นคนคิดมาก เราได้ลองใช้ชีวิตด้วยกันมาสักพักก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน เรารู้สึกว่าเราเข้ากันได้ เราดูแลเขาได้ เขาดูแลเราได้ ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว เข้าใจกันและกัน มีทะเลาะกันบ้างส่วนใหญ่จะแค่สร้างสีสันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ตอนนี้เรื่องนี้คือใหญ่ที่สุดในชีวิตเราทั้งคู่  มีทางเลือกอยู่ 3 ทาง 1. ขอบริษัทกลับไปตำแหน่งเดิม (บริษัทอาจจะยอมแต่แฟนเราไม่สามารถกลับไปสู้หน้าคนอื่นได้) 2. รอคนใหม่มา แล้วแฟนเราลาออก 3.เราทะเลาะกันไปเรื่อยๆ อาจจะมีวันที่เราทำใจได้แล้วเลิกทะเลาะ กับ วันที่เราต้องเลิกกัน ซึ่งเราไม่ต้องการทั้งคู่..  เราเคยปรึกษากับที่บ้านเราว่า เรารู้สึกผิด เหมือนเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเขา เราถอยดีมั้ย ทั้งที่ใจไม่ได้รู้สึกอยากถอยเลย พอแฟนเราได้ยินก็บอกว่าไม่อยากให้เราคิดแบบนี้ ถ้าเราทำแบบนี้เขาก็ทุกข์หนักเหมือนกัน เรารู้สึกว่า ปัญหามันอยู่ที่เรา ถ้าเรารับได้ ทุกอย่างจะดี แต่เราทำใจรับไม่ได้จริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
แยกเป็น 2 เรื่อง

เรื่องที่ 1 ในกรณีที่ฝ่ายชายแจ้งลาออกไปแล้ว ก็ต้องมูฟออน ก้าวไปข้างหน้า หางานใหม่ที่เขาพอใจ ...ย้ำว่า งานที่เขาพอใจนะครับ ไม่ใช่งานที่คุณพอใจจะให้เขาทำ เพราะเคสนี้เห็นคุณอ้างว่า เขาก็ไม่ชอบงานขายเช่นกัน กรณีนี้ถือว่าเห็นตรงกันอยู่บ้าง

เรื่องที่ 2 จากที่คุณเล่ามา ผมสัมผัสถึงความอบอวลไปด้วยความกลัว และการขับเคลื่อนชีวิตด้วยความกลัว กลัวความเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้แฟนของคุณเปลี่ยนไป ฯลฯ

ถ้าคุณไม่แก้ไขที่ตัวเอง ชีวิตที่เหลือจากนี้คุณจะแก้ปัญหาด้วยการบีบบังคับชีวิตของคู่ของตนเอง หากวันหนึ่งมีเหตุการณ์ใหม่ ๆ เข้ามา คุณก็จะขอร้องหรือบังคับให้เขา ทำ หรือ ไม่ทำ ตามที่คุณต้องการ และถ้ามีลูก ลูกก็มีความเสี่ยงที่จะถูก Treat ด้วยวิธีเดียวกัน ซึ่งหากมองในมุมนี้พวกเขาทั้งสองจะน่าสงสารมาก

คุณจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะแก้ไขพฤติกรรมนี้ของตัวเอง โดยให้ทำความเข้าใจว่า เราไม่สามารถควบคุมเหตุปัจจัยภายนอกให้เป็นดั่งใจเราทุกเรื่องและตลอดไป

ชีวิตคนเรามีความเปลี่ยนแปลงเสมอ ดีบ้าง ร้ายบ้าง สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง วันนี้ คุณอาจยับยั้งความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้สำเร็จ แต่ขอให้เข้าใจด้วยว่า คุณไม่สามารถทำสำเร็จทุกครั้ง ถ้าคุณไม่แก้ไขตัวเอง คุณจะมีแต่ความทุกข์ทรมานใจและหวาดกลัวไปตลอดชีวิต

นี่คำแนะนำเบื้องต้น หากต้องการแก้ไขจริงจัง มี 2 option ลองพบจิตแพทย์ หรือ ลองหาครูบาอาจารย์ที่สอนวิปัสสนากรรมฐาน
ความคิดเห็นที่ 2
“เราก็รู้สึกผิดที่ต้องเป็นต้นเหตุให้แฟนตกงาน ”

ใช่ครับ

“เหมือนเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเขา”
“เรารู้สึกว่า ปัญหามันอยู่ที่เรา”

ก็ถูกอีก

ไม่ต้องอ้างนู่นนี่ จริงๆคุณไม่ได้คิดตามที่พิมพ์มา แต่คุณกลัวอย่างอื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่