Marphorius ผู้พิทักษ์สายน้ำแห่งโรม

วันนี้จะกล่าวถึงเทพเจ้าในพิพิธภัณฑ์คาปิโตลินีกันต่อนะครับ ใครที่อยากฟังเรื่องอื่นๆไปที่ลิงก์เก่าได้
เรื่องราวตอนเก่าๆของพิพิธภัณฑ์ทั้งหลายในโรม ที่ได้เล่ากันมาแล้ว

เข้ามาดูในพิพิธภัณฑ์คาปิโตลินี จะเห็นประติมากรรมเด่นสุดในคอร์ทหลัก เป็นสัญลักษณ์สำคัญ ซึ่งเราก็ควรจะเขียนถึงตั้งแต่แรกแล้วละ แล้วก็เขียนไปแล้วแต่ดันลืมเอามาลง คราวนี้ก็เลยขอเล่าไว้นิดหน่อย  บทความของวันนี้ก็เลยสั้นที่สุดนับแต่เล่ามา



รูปสลักหินอ่อนที่เป็นดาราดวงเด่นที่สุดของคาปิโตลินี เทพเจ้าบึกบึน ผมยาวเครายุ่ง แสดงถึงชายวัยกลางคนที่แข็งแรง ซึ่งก็มีคนเคยถกเถียงกันว่าน่าจะเป็นเทพจูปีเตอร์ (พระพฤหัสบดี) หรือเนปจูน (พระเกตุ) หรือมาร์ฟอริอัส (Marphorius) เทพแห่งแม่น้ำไทเบอร์ ซึ่งเป็นแม่น้ำประจำกรุงโรม (แบบเดียวกับเจ้าพระยาของกรุงเทพฯนั่นแหละ)

อย่างหลังเป็นอะไรที่คนยอมรับมากที่สุด เพราะท่าทางของท่านกำลังเอนกายสบายตัวเหมือนกำลังพักผ่อนด้วยความร่มเย็นอยู่ริมน้ำ แถมด้านหน้าก็มีแอ่งน้ำรูปโค้งครึ่งวงกลม ดูเข้ากั๊นเข้ากันเป็นที่สุด (แต่จริงๆมันสร้างขึ้นมาทีหลัง อิอิ) เช่นเดียวกับเปลือกหอยในมือขวา ที่บูรณะขึ้นมาใหม่

อย่างไรก็แล้วแต่ เทพเจ้าแด๊ดดี้หล่อล่ำองค์นี้ก็เด่นกว่าทุกคน เพราะนอกจากจะหล่อมาก โพสท์ท่าชวนให้เข้าไปคุยแล้ว ยังมีขนาดใหญ่กว่าคนจริงและได้ครอบครองพื้นที่กลางคอร์ทภายในอาคาร แถมอยู่ในช่องเว้าประดับประดาเสียโดดเด่นเป็นศูนย์กลางของบริเวณนี้ ไม่ปังตอนนี้จะไปปังตอนไหนล่ะ


ลงทุนสร้างฉากหลังอลังการขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งมาเป็นคู่แข่งแย่งกันเด่น แม้ว่าบุรุษนั้นจะมีสภาพพังยับเยินต่อไม่ติดแล้วก็ตาม เพราะเขาผู้นั้นทำการเปลี่ยนแปลงโลกขนาดฟ้าสะท้านดินสะเทือน อยากรู้ว่าคือใครก็ไปดูบทต่อไปดีกว่านะ ตรงลิงก์ด้านล่าง
จักรพรรดิ Constantine ผู้เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

หรือว่าใครอยากกลับไปดูสารบัญกันต่อก็ไปด้านล่างนี่
ทุกเรื่องที่เล่ามาแล้ว อยู่ตรงนี้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่