เวลาคุณเห็นคำว่า “Made in China” บนฉลากสินค้า คุณนึกถึงอะไร?
ของราคาถูก? พังไว? หรือสินค้าโนเนมจากร้านทุกอย่าง 20 บาท? หากมีทัศนคติแบบนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะภาพจำสินค้าจีนที่มาตรฐานต่ำนี้อยู่กับเรามานาน จนเป็นเรื่องปกติ
{กำเนิดคำว่า “Made in China”}
.
แต่รู้หรือไม่ ก่อนที่คำนี้จะมีความหมายในแง่ลบ จีนเคยเป็น แหล่งผลิตของหรูระดับโลก ที่ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 17 ชาจีนเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรป การดื่มชากลายเป็นพิธีกรรมที่สำคัญ โดยมีการสร้างหีบและกล่องเก็บชา รวมถึงอุปกรณ์เงินสำหรับชงชา เครื่องลายครามหรือพอร์ซเลน ซึ่งสูตรการผลิตถูกเก็บเป็นความลับในจีน ยุโรปพยายามเลียนแบบการผลิตพอร์ซเลนของจีน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในช่วงแรก ต้องนำเข้าจากจีนอย่างเดียว
.
ทว่าเมื่อเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม สินค้าในยุโรปมีคุณภาพดีขึ้นและราคาถูกลง ยุโรปจึงเน้นผลิตสินค้ากันเอง ส่งผลให้สินค้าจากจีนโดนลดความสำคัญลงไป จากเดิมที่เป็น “แหล่งผลิตของหรูระดับโลก” กลับกลายเป็นประเทศที่ถูกครอบงำโดยตะวันตกแทน
.
ส่วนคำว่า Made in China ถือกำเนิดเป็นทางการในช่วง ระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง เมื่อประชาชนจีนเริ่มคว่ำบาตรสินค้าที่ผลิตโดยญี่ปุ่น ในเวลานั้น เศรษฐกิจของจีนยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม ดังนั้น การไม่ซื้อสินค้าต่างชาติและหันมาสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศ จึงกลายเป็นวิธีหนึ่งในการกดดันเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จึงกล่าวได้ว่า Made in China เป็นคำที่แสดงถึงความเข้มแข็งของคนในชาติจีน
.
{จุดตกต่ำ}
.
อย่างไรก็ตาม Made in China เริ่มมีความหมายในแง่ลบ ในช่วงปี 1980s เป็นต้นไป จากการที่จีนกลายเป็น “โรงงานของโลก” หลังเปิดประเทศในยุค ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ จีนได้รับการลงทุนจากต่างชาติอย่างมหาศาล และผลิตสินค้าทุกชนิดให้กับบริษัทจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทั้งของเล่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปในช่วงเวลาดังกล่าว จีนเน้นการผลิตจำนวนมากด้วยต้นทุนต่ำ ทำให้สินค้าจำนวนมากที่ผลิตออกมานั้นมีคุณภาพไม่แน่นอน บางครั้งมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เช่น สารตะกั่วในของเล่น หรือวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน
.
แต่ปี 2015 รัฐบาลจีนได้พยายามอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของคำว่า “Made in China” ผ่านโครงการ Made in China 2025 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีภายในประเทศ เช่น การบินอวกาศ เทคโนโลยีชีวภาพ และนวัตกรรมด้านอื่น ๆ จีนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในตลาดเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่กลายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์จากจีนยุคใหม่มีการลงทุนด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง แตกต่างจากภาพจำเดิมที่ผู้คนมองว่าสินค้าจีนคือของราคาถูกและไม่มีคุณภาพ
.
แม้ผลิตภัณฑ์จากจีนจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเริ่มทัดเทียมมาตรฐานระดับโลก แต่ อคติที่มีต่อคำว่า “Made in China” ยังคงอยู่ และอาจต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่าภาพลักษณ์นี้จะถูกลบเลือนไปอย่างแท้จริง
ที่มา : SpringNews
เวลาคุณเห็นคำว่า “Made in China” บนฉลากสินค้า คุณนึกถึงอะไร?