JJNY : ชี้ไทยต้องเตรียมตัวหนักมาก│‘ศิริกัญญา’จี้ อย่ามุบมิบ│ชัชชาติปรับใช้แผน‘มาราธอน’│ชุมนุมต้านทรัมป์ทั้งในและนอกสหรัฐ

กระทู้ข่าว
นักวิชาการชี้ไทยต้องเตรียมตัวหนักมากตั้งโต๊ะถกสหรัฐ ระวังท่าทีห้ามปล่อยทรัมป์โมโห
https://www.matichon.co.th/economy/news_5128232
.
.
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า ผลกระทบเนื่องจากทั่วโลกโดนเหมือนกันหมด เป็นการตั้งกำแพงภาษีไว้เพื่อรอการเจรจาต่อรอง จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาล ว่าจะเจรจาต่อรองได้ดีมากน้อยเท่าใด หากทำได้ดีตามที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐต้องการ อัตราภาษีสินค้าที่ต้องจ่ายอาจลดลงเหลือ 0% ก็ได้ จากที่ตั้งไว้ 37% แบ่งครึ่งจากการเกินดุลการค้าเทียบกับปริมาณการส่งออกที่คำนวณไว้ทั้งหมด โดยสิ่งสำคัญคือ ประเทศไทยต้องไม่ดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ เพราะจะเป็นฉนวนทำให้ทรัมป์โมโหแล้วเก็บเพิ่มขึ้นได้ แม้มีคำแนะนำบางประการบอกให้ร่วมมือกับประเทศอื่น ซึ่งทรัมป์ได้ขู่ไว้แล้วว่าจะเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่านี้ เพราะฉะนั้นห้ามมีท่าทีตอบโต้เกิดขึ้นเด็ดขาด โดยการเจรจาร่วมกันจะต้องเตรียมเนื้อหาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทยมากที่สุด แต่ต้องไม่ทำให้เกิดความหมั่นไส้จนเกิดการโมโหได้ เพราะต้องยอมรับว่าทรัมป์ขี้โมโห และดำเนินการตามอารมณ์
.
นายสมชาย กล่าวว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมีทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากการทำสงครามการค้าของสหรัฐและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในรอบนี้ จะสร้างปัญหาต่อเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนประกาศมาตรการตอบโต้ผ่านการเล่นงานสินค้านำเข้าจากสหรัฐ เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 34% โดยเฉพาะสินค้าเกษตร จะควบคุมการส่งออกสินค้าแร่หายากทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธ ไทยจึงได้รับผลกระทบจากการค้าโลกที่ชะลอตัวลงแน่นอน จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3% แต่อาจยังไม่ได้ติดลบ เพียงแต่จะโตได้แค่ 1% เท่านั้น ภาคการส่งออกไทยจึงต้องทำการบ้านหนักมาก เพราะอาจติดลบได้จากที่คาดว่าจะบวกเล็กน้อย รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่อาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาน้อยลง
.
นายสมชาย กล่าวว่า อัตราการเก็บภาษีจะสูงขึ้นหรือต่ำลง พูดง่ายๆ คือ ทรัมป์คิดมาจากว่า เกลียดประเทศเราหรือไม่ เหมือนจีนที่ต้องการเล่นงานหนัก ส่วนในภูมิภาคเดียวกัน ก็เป็นเวียดนาม ลาว กัมพูชา ที่เก็บในอัตราสูงมากเช่นกัน เพราะมองว่า 3 ประเทศนี้อยู่กับจีน ผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐ แต่เป็นการเปลี่ยนแหล่งกำเนิดสินค้าจากจีนมาผลิตใน 3 ประเทศนี้ สหรัฐมองว่าเป็นการบิดเบือนความจริง จึงตั้งเก็บภาษีในอัตราสูง แต่ประเทศที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐจะเก็บในอัตราน้อย อาทิ สหราชอาณาจักร เก็บเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไทยถือว่ายังอยู่ในกลุ่มกลางๆ คล้ายอินโดนีเซีย และมาเลเซีย จึงต้องเตรียมการเจรจาให้ครบทุกมิติ ผ่อนปรนการค้านำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะสินคาเกษตร น้ำมัน ก๊าซ รวมถึงชักชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ที่สหรัฐมีความต้องการเช่นกัน
.
“มีความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่มากขึ้น แม้อาจยังไม่ถึงขั้นวิกฤตการณ์วอลล์สตรีทในปี 1929 ที่เห็นตลาดหุ้นสหรัฐลดลงรวดเร็วจนเป็นผลพวงให้เกิดสงครามโลกครั้งใหญ่ขึ้น แต่ห้ามดูถูกว่าจะไม่เกิดขึ้น แม้โอกาสเกิดน้อยก็ต้องระวังไว้และทำการบ้านหนักที่สุด เพราะจากนี้จะเข้าสู่สงครามการกีดกันการค้า สินค้าที่ไม่สามารถไปขายสหรัฐได้ จะทะลักเข้ามาในไทย โดยเฉพาะสินค้าจีนที่จะไหลเข้ามากขึ้นแน่นอน เพราะมีต้นทุนที่ต่ำ ทำได้ราคาได้ต่ำ รัฐบาลจึงต้องเตรียมรับมือไว้อย่างหนักแน่นที่สุด” นายสมชาย กล่าว
.

.
‘ศิริกัญญา’ จี้ รัฐบาล อย่ามุบมิบ คุย ‘สหรัฐฯ’ ต้องเปิดให้ ปชช. รู้
.
“ศิริกัญญา” ฉะ “รัฐบาล” ทำสับสน ส่ง “พิชัย” หัวหน้าคณะเจรจา “สหรัฐฯ” จี้ อย่ามุบมิบคุย ต้องเปิดให้ ปชช. รู้ ระบุ 10โมงวันนี้ ภาษีนำเข้ารอบแรก10% จะเริ่มเก็บจากสินค้าที่ยังไม่ได้ออกจากท่า
.
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุถึงแถลงการณ์ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อท่าทีของประเทศไทยกับนโยบายการค้าสหรัฐฯ ว่า
.
สรุปเป็นนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นำทีมเจรจาเป็นหัวหน้าคณะ เห็นถึงความงุนงง สับสนแล้วรึยัง ไม่ใช่นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พาณิชย์ ไม่ใช่ทูตประจำดีซี ส่วนทีม 9 คนที่ประกาศก่อนหน้านี้ ก็เป็นทีมนโยบายให้ข้อมูลเฉยๆ 
.
ส่วนยุทธศาสตร์ยังคงไม่เปิดเผย อย่างที่พรรคประชาชนเรียกร้องว่า อย่ามุบมิบเจรจา ต้องเปิดให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ทราบ
.
10 โมงเช้าวันนี้ 6 เม.ย. ภาษีนำเข้า รอบแรกที่ 10% จะเริ่มเก็บกับทุกสินค้าที่ยังไม่ได้ออกจากท่า ส่วนที่ออกเรือแล้วให้เวลา 51 วัน ถ้ายังไม่เทียบท่าก็จะโดนเก็บทันที ส่วนการประชุมนัดแรกเริ่ม 8 เม.ย. ต้องรอหลังวันหยุดยาว
.
https://www.facebook.com/SirikanyaOfficial/posts/pfbid024DCLq48kpnueJTLcHpTwSfK4ZuyUHSAY16wrEYcvKgLRLTNXoaLdMwEn8SH1V2yhl
.

.
ชัชชาติ ปรับใช้แผน ‘มาราธอน’ เน้นความต่อเนื่อง ยัน แม้ 10 วัน ยังหวังเจอคนรอด เริ่มเห็นโพรงเชื่อมโซน B-C
https://www.matichon.co.th/local/news_5128247
.
ชัชชาติ ปรับใช้แผน ‘มาราธอน’ เน้นความต่อเนื่อง ยัน แม้ 10 วัน ยังหวังเจอคนรอด เริ่มเห็นโพรงเชื่อมโซน B-C
.
เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว ว่า การทำงานเป็นไปตามยุทธวิธีคือ เรานำเครื่องจักรกลหนักเข้าเปิดทาง จุดที่คาดว่าพบผู้เสียชีวิตเพิ่มบริเวณโซน C ทั้งนี้ ปัญหาหลักคือการเอาเนินด้านบนลง เนื่องจากมีความไม่ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งการเอาเนินลงต้องทำทางเข้าไป เมื่อคืนจึงมีการตัดอาคารด้านหน้าออกเพื่อเปิดทางให้นำรถขนาดใหญ่ที่สามารถเอื้อมได้ถึงเข้าไปจัดการกองเนินด้านบนดังกล่าว ปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว จากนั้นจะมีรถเข้ามา 2 ทาง คือ ทางด้านหน้าและด้านข้าง ซึ่งด้านข้างเองมีการเจาะออกทางด้านหลัง ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
.
“เมื่อคืนนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ซึ่งตอนนี้นำออกมาแล้วทั้ง 2 ราย สถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้น เราเริ่มเอาจุดที่มีความไม่มั่นคงออก เครื่องมือหนักเริ่มเข้าพื้นที่ได้มากขึ้น น่าจะพบผู้ติดอยู่ข้างในแต่โอกาสผู้รอดชีวิตคงน้อยลงและพบผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยตอนนี้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนจากการวิ่งสปรินท์เป็นวิ่งมาราธอน คือการกู้ชีพเปรียบเหมือนการวิ่งแข่ง 100 เมตร แต่ตอนนี้เชื่อว่าเป็นเกมยาวรักษาความต่อเนื่อง จัดทีมงานให้เหมาะสม ต้องดูแลผู้ทำงานให้อยู่ทำงานกับเราได้ระยะยาว การบริหารจัดการพื้นที่ด้านในดีขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ จิตอาสาพระราชทาน สำหรับทีมกู้ภัยจากแคนาดาที่เดินทางมาถึงเมื่อวานเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว คาดว่าจะเข้าไปยังประเทศเมียนมาร์ แต่ไม่สามารถเข้าได้จึงแวะมายังประเทศไทย คิดว่ามี K-9 มาด้วยแต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกัน จากนี้คงต้องดูว่าจะปรับแผนทำงานอย่างไรให้เข้ากัน” นายชัชชาติ กล่าว
.
นายชัชชาติ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น โดยหน้าที่ของ กทม. คือ ดูแลอุบัติภัย เรื่องการตรวจสอบอาคาร สตง. เป็นหน้าที่ของกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการลงมา เป็นการดำเนินงานคนละส่วนกัน กทม. มีหน้าที่ให้ความร่วมมือ เมื่อมีคณะทำงานเข้ามาตรวจสอบข้อมูลต่างๆ
.
นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องการค้นหาผู้รอดชีวิตหลังจากผ่านมา 10 วันก็ยังเหมือนเดิม คือยังมีความหวัง เรามีทีมกู้ชีพอยู่ประจำจุด หากมีช่องหรือโพรงใหญ่เราก็จะส่งทีมกู้ภัย และ K-9 เข้าไปสำรวจก่อนว่ามีสัญญาณชีพหรือไม่ เราทำงานควบคู่กันไปทั้งให้เครื่องจักรหนักทำงาน 5-6 ชั่วโมง หากถึงจุดที่มีโพรงให้เครื่องจักรพักแล้วกู้ภัยเข้าสำรวจ สำหรับปัญหาของเครื่องจักร เป็นธรรมดาที่ทำงานต่อเนื่องจะมีความเสียหายต่างๆ ซึ่งได้คาดการณ์ไว้แล้วก็ได้สั่งให้จัดเตรียมอุปกรณ์ซ่อมแซมบำรุงไว้หน้างาน
.
นายชัชชาติ กล่าวว่า ตอนนี้เริ่มเห็นโพรงที่จะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างโซน B กับ โซน C ซึ่งโซน B กับ C จะเป็นจุดเข้า – ออก ของคนงาน เพราะคนงานจะเข้าออกตึกหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงาน และจะมีบันไดที่เชื่อมเพื่อให้คนงานเข้าออกทั้งเช้า เที่ยง เย็น เราจึงคาดการณ์ว่าจะมีโพรงอยู่ด้านล่าง ซึ่งร่างที่เราพบ 2 รายเมื่อคืนก็อยู่บริเวณนี้ เข้าใจว่าส่วนหนึ่งก็มาจากการหนีออกไปทางสำนักงาน และตอนนี้มีโปรแกรมที่ใช้ระบุว่าคนที่เจอมาจากชั้นไหน บริษัทอะไร ทำให้เข้าใจการหนีของคนได้ละเอียดขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็ได้มาจากทีมกู้ภัยนานาชาติ
.
“สำหรับจำนวนร่างผู้ที่ติดอยู่ตอนนี้ต้องรอระบุอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำว่าหากจะนับขอให้นำออกมาครบทั้งร่างกายก่อน ต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำกัน ทั้งนี้ ยอดตัวเลขรอให้ทางพิสูจน์หลักฐานยืนยันอีกครั้ง” นายชัชชาติ กล่าว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่