สวัสดีค่ะ ปัจจุบันเราอยู่มหาลัยปี2 กำลังขึ้นปี3 เราเป็นลูกสาวคนโตและมีน้องชายอีก1 คน ตอนนี้อยู่ม.6กำลังขึ้นมหาลัย (แต่อายุห่างกันปีเดียวค่ะ เราเข้าก่อนเกณฑ์) แม่สอนเราทำงานบ้านทุกอย่างตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้นจนสามารถดูแลตัวเองได้ แม่ใช้เราไม่เคยบ่น ตัวเราเองก็อยากช่วยเพราะเห็นแม่ทำคนเดียวมาตลอด พ่อไม่เคยยื่นมือช่วยทั้งที่ก็ทำงานค้าขายด้วยกันทั้ง2 คน ยิ่งมีหมาน้อยอีกตัวนึงที่เป็นหมาของครอบครัว เรากับแม่เป็นคนทำทุกอย่างให้ เลี้ยงจนโตในขณะที่พ่อกับน้องทำได้แค่เล่นกับมัน ส่วนให้ข้าว ให้น้ำ อาบน้ำ พาไปเดินเล่น พ่อและลูกชายทำไม่ได้สักอย่างและไม่คิดจะเรียนรู้ พอแม่ไม่อยู่บ้าน กลายเป็นว่าเป็นเราคนเดียวที่ทำงานบ้านทุกอย่างทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ตากผ้า รีดผ้า หุงข้าว ล้างจาน ล้างห้องน้ำ เก็บขี้หมา ให้ข้าวหมา เปลี่ยนน้ำหมา พาหมาไปเดินเล่น เราทำคนเดียวทั้งหมด ตอนนั้นเราม.4 ขอให้ใครช่วยก็มีแต่ขานรับพร้อมกับคำว่าแปปนึง แต่ผ่านไป3 ชั่วโมงก็ไม่มีใครโผล่หัวมา ต้องบ่น ต้องโวยวายถึงจะมากัน นี่ขนาดแค่ขอให้ถูห้องให้นะคะ ห้องก็ห้องน้องชายนั่นแหละ ทั้งพ่อทั้งน้องชายก็โตกันแล้ว จะให้มาคอยจี้คอยตามตลอดเหมือนเด็กน้อยก็ไม่ไหวค่ะ หมาอ้วกตอนตี3 น้องชายที่ตอนนั้นอยู่ม.5 ย่างเข้าม.6 และกำลังนั่งเล่นเกมลุกมาปลุกเราที่หลับอยู่หลังจากนั่งรถกลับบ้าน7 ชั่วโมงจากมหาลัย เพื่อมาเช็ดอ้วกหมา ถามว่าจะดูแลใครได้คะ
ตอนแรกเราก็คิดว่าแม่รอให้น้องชายโตกว่านี้ก่อน แต่ตอนนี้จนมันม.6 แล้วแม่ก็ยังทำทุกอย่างให้ แม่ก็ไม่เคยคิดจะสอน ตัวน้องเองก็ไม่คิดจะเรียนรู้ เราที่พยายามสอนมันซักผ้ารีดผ้า ตัวมันก็ไม่เคยฟัง เราที่กลับบ้านช่วงปิดเทอมกลายเป็นว่าโดนใช้หนักกว่าเดิมในขณะที่น้องชายไม่ทำอะไรเลย นั่งเล่นเกมชิวๆ แม่ให้เหตุผลเราว่า "เพราะมันเป็นผู้ชาย" แม่เลยไม่ให้มันทำอะไรเลย รอเรากลับบ้านมาทำอย่างเดียว หมาตัวน้อยที่เรามีจะไม่ได้ไปเดินเล่นเลยถ้าเราไม่อยู่เพราะแม่ก็ทำงานยุ่ง บอกตรงคือน้อยใจที่รู้สึกว่าเราถูกใช้อยู่คนเดียวเหมือนคนใช้ พอนั่งพักเล่นเกมแปปนึงก็โดนบ่น แต่ที่ห่วงกว่าคือน้องชายที่กำลังจบม.6 และต้องไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองที่หอ ต้องห่างจากแม่ อยู่คนเดียวก็ดีหน่อย ห้องรกสกปรกได้ (แต่ไม่ควร) ถ้าอยู่กับเพื่อนนี่สิ ลำบากรูมเมทไปอีก มอเตอร์ไซก็ขับไม่เป็น อีกอย่างคือถ้ามันมีแฟน มันจะปล่อยให้แฟนคอยดูแลมันฝ่ายเดียวหรือเปล่า คิดแล้วก็เอ็นดูแฟนในอนาคตมันค่ะที่ต้องมาเจอผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนี้ พอเราบ่นน้องชายให้แม่ฟังพร้อมบอกแม่ว่าให้ช่วยสอนมันบ้าง ทั้งพ่อแม่นั่นแหละช่วยๆ กัน แม่ก็เอาแต่ปกป้องมัน ทั้งที่ตัวเองก็รู้ว่าการทำอยู่ฝ่ายเดียวมันเหนื่อยขนาดไหน แถมเถียงด้วยว่า เราก็ไปสอนเองสิ หนูก็พยายามแล้วค่ะแม่ แต่กับแม่มันยังไม่ฟัง แม่คิดว่ามันจะฟังที่หนูบอกเหรอ? แม่อยากให้น้องเป็นภาระคนอื่นเหมือนที่พ่อเป็นกับแม่เหรอ? คุยกันทีไรทะเลาะกันตลอดเลยค่ะ
เคยคุยเรื่องนี้กับอาหญิงและย่าที่อยู่บ้านเดียวกัน (อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ บ้านเดียวกัน) ทุกคนต่างก็พูดคำเดียวกัน คือ "ก็มันเป็นผู้ชาย" โอเคเลย เป็นกันทั้งบ้าน เข้าใจละ คำพูดนี้สื่ออะไรได้หลายอย่างเลยค่ะ บอกตรงๆเรื่องนี้เราไม่โทษน้องนะคะที่โตมาด้วยความคิดแบบนี้ เพราะมันโตมาในครอบครัวหัวโบราณตามไม่ทันโลก กลายเป็นว่ามันมีแนวคิดแบบนี้ฝังอยู่ในหัวไปแล้ว ฝากบอกผู้ปกครองนะคะว่าเดี๋ยวนี้ทั้งชายและหญิงต่างก็ทำงาน ดังนั้นกลับบ้านมาช่วยกันทำดีที่สุด ต่างคนต่างก็เหนื่อยเนอะ ผู้หญิงที่จะทำงานบ้านอยู่ "ฝ่ายเดียว" คือคนที่เป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูกทำความสะอาดบ้านไม่ได้ทำงานโดยที่สามีออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเท่านั้นค่ะ อย่าปลูกฝังความชายเป็นใหญ่และไม่เท่าเทียมใส่หัวทั้งลูกชายและลูกสาวของคุณ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ ทั้งลูกสาวและลูกชายต่างมีค่า อย่าทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรู้สึกด้อยกว่าค่ะ และที่สำคัญ อย่าให้ลูกของคุณเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นและต้องพึ่งคนอื่นอยู่เสมอ ต้องให้เขาจัดการตัวเองให้ได้ค่ะ งานบ้านไม่ใช่หน้าที่ของใครบางคน แต่คือการใช้ชีวิตและการดูแลตัวเองในฐานะมนุษย์ที่ทุกคนควรทำได้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เสียเวลาอ่านค่ะ กระทู้นี้มาจากความคิดเห็นและความรู้สึกของเราล้วนๆ เก็บกดเพราะคุยกับที่บ้านไม่ได้ค่ะ อายุปูนนี้กันแล้ว เปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้แล้วค่ะ คุยไปก็ทะเลาะกันอยู่ดี55555 โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
(กระทู้ระบาย) พ่อแม่ไม่ให้ลูกชายทำงานบ้านเลย จากใจคนเป็นลูกสาว
ตอนแรกเราก็คิดว่าแม่รอให้น้องชายโตกว่านี้ก่อน แต่ตอนนี้จนมันม.6 แล้วแม่ก็ยังทำทุกอย่างให้ แม่ก็ไม่เคยคิดจะสอน ตัวน้องเองก็ไม่คิดจะเรียนรู้ เราที่พยายามสอนมันซักผ้ารีดผ้า ตัวมันก็ไม่เคยฟัง เราที่กลับบ้านช่วงปิดเทอมกลายเป็นว่าโดนใช้หนักกว่าเดิมในขณะที่น้องชายไม่ทำอะไรเลย นั่งเล่นเกมชิวๆ แม่ให้เหตุผลเราว่า "เพราะมันเป็นผู้ชาย" แม่เลยไม่ให้มันทำอะไรเลย รอเรากลับบ้านมาทำอย่างเดียว หมาตัวน้อยที่เรามีจะไม่ได้ไปเดินเล่นเลยถ้าเราไม่อยู่เพราะแม่ก็ทำงานยุ่ง บอกตรงคือน้อยใจที่รู้สึกว่าเราถูกใช้อยู่คนเดียวเหมือนคนใช้ พอนั่งพักเล่นเกมแปปนึงก็โดนบ่น แต่ที่ห่วงกว่าคือน้องชายที่กำลังจบม.6 และต้องไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองที่หอ ต้องห่างจากแม่ อยู่คนเดียวก็ดีหน่อย ห้องรกสกปรกได้ (แต่ไม่ควร) ถ้าอยู่กับเพื่อนนี่สิ ลำบากรูมเมทไปอีก มอเตอร์ไซก็ขับไม่เป็น อีกอย่างคือถ้ามันมีแฟน มันจะปล่อยให้แฟนคอยดูแลมันฝ่ายเดียวหรือเปล่า คิดแล้วก็เอ็นดูแฟนในอนาคตมันค่ะที่ต้องมาเจอผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนี้ พอเราบ่นน้องชายให้แม่ฟังพร้อมบอกแม่ว่าให้ช่วยสอนมันบ้าง ทั้งพ่อแม่นั่นแหละช่วยๆ กัน แม่ก็เอาแต่ปกป้องมัน ทั้งที่ตัวเองก็รู้ว่าการทำอยู่ฝ่ายเดียวมันเหนื่อยขนาดไหน แถมเถียงด้วยว่า เราก็ไปสอนเองสิ หนูก็พยายามแล้วค่ะแม่ แต่กับแม่มันยังไม่ฟัง แม่คิดว่ามันจะฟังที่หนูบอกเหรอ? แม่อยากให้น้องเป็นภาระคนอื่นเหมือนที่พ่อเป็นกับแม่เหรอ? คุยกันทีไรทะเลาะกันตลอดเลยค่ะ
เคยคุยเรื่องนี้กับอาหญิงและย่าที่อยู่บ้านเดียวกัน (อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ บ้านเดียวกัน) ทุกคนต่างก็พูดคำเดียวกัน คือ "ก็มันเป็นผู้ชาย" โอเคเลย เป็นกันทั้งบ้าน เข้าใจละ คำพูดนี้สื่ออะไรได้หลายอย่างเลยค่ะ บอกตรงๆเรื่องนี้เราไม่โทษน้องนะคะที่โตมาด้วยความคิดแบบนี้ เพราะมันโตมาในครอบครัวหัวโบราณตามไม่ทันโลก กลายเป็นว่ามันมีแนวคิดแบบนี้ฝังอยู่ในหัวไปแล้ว ฝากบอกผู้ปกครองนะคะว่าเดี๋ยวนี้ทั้งชายและหญิงต่างก็ทำงาน ดังนั้นกลับบ้านมาช่วยกันทำดีที่สุด ต่างคนต่างก็เหนื่อยเนอะ ผู้หญิงที่จะทำงานบ้านอยู่ "ฝ่ายเดียว" คือคนที่เป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูกทำความสะอาดบ้านไม่ได้ทำงานโดยที่สามีออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเท่านั้นค่ะ อย่าปลูกฝังความชายเป็นใหญ่และไม่เท่าเทียมใส่หัวทั้งลูกชายและลูกสาวของคุณ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ ทั้งลูกสาวและลูกชายต่างมีค่า อย่าทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรู้สึกด้อยกว่าค่ะ และที่สำคัญ อย่าให้ลูกของคุณเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นและต้องพึ่งคนอื่นอยู่เสมอ ต้องให้เขาจัดการตัวเองให้ได้ค่ะ งานบ้านไม่ใช่หน้าที่ของใครบางคน แต่คือการใช้ชีวิตและการดูแลตัวเองในฐานะมนุษย์ที่ทุกคนควรทำได้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เสียเวลาอ่านค่ะ กระทู้นี้มาจากความคิดเห็นและความรู้สึกของเราล้วนๆ เก็บกดเพราะคุยกับที่บ้านไม่ได้ค่ะ อายุปูนนี้กันแล้ว เปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้แล้วค่ะ คุยไปก็ทะเลาะกันอยู่ดี55555 โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ