ทำงานยังไม่ผ่านโปรลาป่วยมีใบรับรองแพทย์โดนหักเงินไหมคะ ตามกฎหมายแรงงาน

กระทู้คำถาม
ขอปรึกษาหน่อยค่ะคือทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งขึ้นต้นด้วยตัว Pถ้าเป็นภาษาไทยจะขึ้นต้นด้วย..พ...แต่มีสละอยู่ด้านหน้า บริษัทเดียวผู้บริหาร 3คนเปิดพร้อมกัน 4 บริษัทเป็นบริษัทเกี่ยวกับอาหาร เฝถ้าพูดถึงจะรู้จักชื่อเสียงกันเป็นอย่างดี       เข้าเริ่มทำงาน กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในตำแหน่งการเงินจน ถึงปัจจุบัน 1 เดือนแรกประมาณ 40 กว่าวันเขาประเมินเราเขาบอกว่าเราทำงานไม่โอเค ผิดหลายอย่างมีการแก้หลายอย่าง ตรงนี้*เรายอมรับเราพลาดเพราะว่างานบัญชีหรือว่างานบริษัทแต่ละที่มันไม่เหมือนกันพอมาทำที่นี่เราเหมือนว่าเราจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำใหม่แล้วต้องเรียนรู้งานใหม่* ช่วงแรกที่เราทำงานเนี่ย มันก็จะมีการไม่รู้ทิศทางงานยังไม่รู้ process ยังไม่รู้ว่าหัวหน้ายังไงชอบยังไงอะไรยังไงทำงานมีผิดมีพลาดบ่อยจดบันทึกไว้ตลอดค่ะว่าเราอ่ะทำงานค่อนข้างที่จะแย่เลยในเดือนแรกแต่พอหลังจากนั้นเนี่ย  เขาก็เรียกเราไปเตือนแล้วเราก็มานั่งคิดทบทวนอันไหนที่มันผิดเราก็แก้ไข เราพยายามที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพราะว่าด้วยอายุเราที่เข้า 37 แล้ว แล้วก็คิดว่า ยังไงในส่วนของงานเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้พัฒนาได้อยู่แล้วถ้าเราตั้งใจใน มีอีกเรื่องค่ะลืมบอกไป ว่าเรามีการล้มละลายเป็นบุคคลล้มละลายแต่ว่ายังสามารถหางานบริษัททำได้ตามปกติถ้าบริษัทนั้นโอเคยอมรับนะคะ  ระหว่างมาทำงานแรกๆเรามีการใช้โทรศัพท์บ่อยจริงค่ะอาจจะเพื่อนร่วมงานอาจจะมองว่าเราคุยโทรศัพท์เยอะกว่าทำงานอันนี้อาจจะเข้าใจแต่ว่า คนที่ล้มละลายใหม่ๆหรือ อ่ามีเรื่องในส่วนของอะไรต่างๆ การเดินเรื่องเอกสาร และที่เป็นเรื่องส่วนตัวเนี่ย ก็เลยจำเป็นที่ต้องใช้โทรศัพท์และรวมไปถึงการคุยกับกรมบังคับคดีเนี่ยคุยบ่อยมากมันจะมีทั้งเรื่องตัวเลขที่จะระบุว่าจะเลี้ยงชีพเท่าไหร่เป็นตัวเลขเงินเดือนเป็นตัวเลขที่จะให้ใส่ว่าเงินเดือนจะประมาณเท่าไหร่จะได้รับประมาณเท่าไหร่เราต้องมีการประมาณการเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เขาดูแลเคสของเรา เรารู้ตัวดีค่ะว่าทำงานเดือนแรกค่อนข้างแย่เขาเรียกเราไปเตือนแล้วก็ให้โอกาสเราว่าเดี๋ยวสิ้นเดือนเมษายนจะมาประเมินเราใหม่อีกครั้ง  เราก็คิดว่าอย่างน้อยอ่าตัดวันหยุดไปจะเหลือ 3 สัปดาห์เราก็คิดว่า 3 สัปดาห์นี้เราจะต้องพัฒนาตัวให้เยอะที่สุด แต่ อยู่ๆ ต้นเดือนเมษายน ประมาณวันที่ 2 หรือที่ 3 นี่แหละค่ะเจ้านายหัวหน้าเราก็เรียกไปหา แล้วก็บอกเราว่า***ในเรื่องของการทำงานน่ะเขาไม่ติดที่จะให้เวลาในการปรับเปลี่ยนตัวแต่เขาไม่โอเคเลยที่เราพูดเรื่องเงินเดือนของตัวเองในห้องทำงานแล้วเพื่อนร่วมงานรอบข้างได้ยินซึ่ง เขาก็เลยบอกว่ามันทำให้เขาตัดสินใจง่าย*** หรือไม่ในการที่เราทำผิดหลายๆครั้งหลายๆเรื่องใน 1 เดือนแรกเนี่ยมันก็เลยอาจจะทำให้เขาอ่ะ รู้สึกไม่โอเคกับเราไปแล้วอันนี้ก็เป็นได้อันนี้เราเข้าใจและไม่เข้าข้างตัวเองนะคะ พูดแบบตรงไปตรงมา แต่เรา แค่อยากจะถามเพื่อนร่วมงานว่า ในสิ่งที่เขาไปพูด เขาไม่โอเค เพราะว่าเราเงินเดือนเยอะกว่าคนอื่น แต่เราก็มาอธิบายว่าสิ่งที่เราพูดสิ่งที่เราคุยเนี่ย มันเป็นการคุยไม่ได้บอกว่าเราได้เท่าไหร่ หรืออะไรที่ชัดเจนเราไม่ได้บอกว่าฉันชื่อนี้ฉันได้เงินเดือนที่นี่ตอนนี้เท่านี้แล้วผ่านโปรฉันต้องได้เท่านี้ ไม่ได้พูดแบบขนาดนั้นค่ะพูดทั้งประโยคอ่ะ ถ้าเอามาพูดจะเข้าใจค่ะว่าการที่เราอ่ะจะทำค่าเลี้ยงชีพทำประมาณการค่าใช้จ่ายของเราในแต่ละเดือนที่ส่งบังคับคดีแล้วก็การประมาณการเงินเข้ารายรับที่เราจะสามารถเบิกถอนได้เนี่ยมันต้องทำเพราะว่าถ้ามันไม่ตรงกันน่ะเวลาที่เขาตรวจสอบแล้วเราก็จะไม่ได้เงินอันนี้คนล้มละลายหรือใครก็ที่รู้กฎหมายตรงนี้เขาจะเข้าใจดีค่ะ ว่าจะต้องทำไว้ ขนาดว่าเรามีหนี้เท่าไหร่ เขายังต้องรู้เลยค่ะ มีเงินติดตัวกี่บาทมีทองไหมมีรถไหมมีบ้านไหมมีอะไรไหมเขาต้องรู้หมดมีเงินสดเท่าไหร่หรือมีเงินสดไหมเขาก็ต้องรู้ แต่ประเด็นก็คือ เพื่อนร่วมงานในห้องไม่รู้ใครไม่ทราบนะคะก็ไปบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าและหัวหน้าก็อย่างที่บอกไม่โอเคตัดสินใจแล้วว่าไม่โอเคกับเรา แล้วก็บอกว่าให้เราอ่ะหางานใหม่บอกล่วงหน้า 1 เดือนก็คือให้เราอยู่แค่สิ้นเดือนเมษายน 2568 เรื่องเกิดมาไม่นานนี้ค่ะ 3 วันมานี้เอง เราถามเหตุผลเขาบอกว่าเรื่องงานปรับเปลี่ยนกันได้อะไรกันได้เราก็บอกเรารู้ว่าเราทำงานน่ะไม่ดีแย่เราปรับปรุงได้และคิดว่าจะอยู่ได้แต่เขาบอกว่าแต่เรื่องเงินเดือนเขาไม่โอเคเขาไม่สามารถให้อภัยได้แต่อยากจะถามกลับค่ะว่ามันยุติธรรมไหมคะ กับการที่เราคุยโทรศัพท์ซึ่งปลายสายอ่ะคนอื่นก็ไม่ได้รู้เลยว่าเราพูดเรื่องอะไรพูดถึงใครอยู่แต่มาอิจฉาเพราะเงินเดือนเยอะกว่า ถามว่าทั้งประโยคและปลายสายเขาสอบถามเราเขาคุยกันเรื่องอะไรอ่ะ ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น คือเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เราชอบทุกคนเลยนะคะเพื่อร่วมงาน ทุกคนน่ารักทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสและเราก็พยายามที่จะเข้าหาคนอื่นเพราะว่าอยากจะเข้ากับคนอื่นได้แต่เรารู้อย่างนี้ปุ๊บเราก็รู้สึกว่าทำไมทุกคนถึงมาจับผิดกับการโทรศัพท์ของเราทั้งที่ไม่รู้จริง เขาบอกว่าข้างนอกเราตอบไปว่าเราบริสุทธิ์หรือไม่ได้ว่าใครในนี้เราไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง และว่าที่เราคุยโทรศัพท์ส่วนตัวเขาบอกว่าเราคุยกันทั้งวัน!!! อันนี้เราอาจจะทำแบบนั้นก็ได้มั้งคะ เราถือว่าเรารับจบ!!! อยู่ๆก็มาแจ้งให้เราให้เราหางาน 1 เดือนและให้ออกสิ้นเดือนเมษายน กระทันหันในวันที่ 3 เมษายน เนื่องจาก เรื่องไปพูดเงินเดือนให้คนอื่นรู้ของเรา ซึ่งเราก็สอบถามนะคะแล้วรู้หรอว่า ปลายสายที่สนทนาอยู่เขาถามเรื่องอะไร เขาบอกว่าแล้วทำไมไม่ออกไปคุยข้างนอกห้องมานั่งคุยในห้องทำไม เราอยากรู้ว่า การคุยโทรศัพท์ในห้อง เราทำผิดขนาดนั้นเลยหรอคะ เราอาจจะโทรศัพท์ช่วงแรกอ่ะบ่อยบ้างถี่เข้าใจอยู่อันนี้ยอมรับค่ะยอมรับผิดเพราะอะไรคะ กรมบังคับคดีก็ต้องดำเนินการบัญชีก็ต้องเปิดเอกสารก็ต้องรวบรวมไหนจะเรื่องอื่นๆที่เกิดขึ้นมาที่เรา ต้องเคลียร์ตอนนั้น เขาก็เลยเรียกเราไปตักเตือนแล้วเรียบร้อยว่าจบ เพราะว่าทีมงานที่อยู่ข้างบนในห้องเดียวกับเราอีก 4 คนเนี่ยเขาไปบอกว่าเราคุยโทรศัพท์นู่นนี่นั่นแล้วเขาก็บอกว่า ไม่ด่าตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีแล้วที่ปล่อยมาถึงขนาดนี้ซึ่งเขาเป็นรุ่นน้องเราด้วยนะคะ แต่ใช้คำแบบนี้เลย ส่วนคนที่แลจะโตที่สุดก็ออกประมาณว่าเฮาหารลุกขึ้นไม่พอใจบอกมีอารมณ์นู่นนี่นั่นเริ่มไม่ไหวอะไรยังไง บอกว่าเราพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องส่วนตัวเขาบอกว่าเขารำคาญเราให้เราหยุดสักทีอีกคนนึงก็ตบโต๊ะบอกว่าจะไปคุยกับหัวหน้าเลยไหมให้ขึ้นมาจะได้รู้ว่าใครยิ้มใครนู่นนี่นั่นหนูไม่เป็นคนตรงนะพี่หนูไม่เคยนู่นนี่นั่นหนูก็ไม่พอใจพี่เหมือนกันเขาก็พูดมาเองนะคะว่าเขาก็ไม่พอใจเราแต่เราอ่ะยืนยันอยู่นะ ว่าเราอ่ะ มีความรู้สึกดีๆให้เขาทุกคนชมเขาทุกคน แต่เราเพิ่งจะมาพูดว่าเขาแอนตี้เราตอนที่เรารู้ว่าเขาทุกคนน่ะ เอาเรื่องทุกอย่างที่เราพูดที่เราคุยโทรศัพท์ไปฟ้อง อีกอย่าง เราไม่ได้ว่าคนในบริษัทเรื่องอ่ะมันไม่ได้เกี่ยวข้อง กับใครในบริษัทไม่ได้เกี่ยวข้องไม่ได้พูดเรื่องเสียหายเราก็เลยคิดว่ามันคงไม่ผิดหรอกที่เราแค่คุยที่โต๊ะ ในวันที่เราเดินออกไปคุยข้างนอกเรายอมรับนะคะว่าเราอ่ะ มีการพูดพาดพิงถึงหัวหน้าเราเพราะว่าหัวหน้าเราอ่ะด่าเก่งมากด่าทุกเรื่อง เมินหน้าหนีเราไม่มองหน้าเราไม่ยิ้มให้เราแอนตี้เราทำหน้าหงิกใส่เราทำอะไรก็ไม่ถูกใจผิดทุกอย่างด้วยเราอ่ะมีความผิดอยู่แล้วด้วยเขาก็เลยอาจจะไม่ชอบเราเราก็เลยโทรไประบายกับแฟนเราบ้างกับลูกเราบ้างกับญาติเราบ้างเราถึงจะเดินออกไปคุยข้างนอกเพราะอะไรคะ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนในบริษัท เราพยายามจะอธิบายว่าเพราะมันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวข้องหรือผิดหรือว่าใครในบริษัทเลยทำไมจะต้อง เอาไปฟ้องด้วย กลับกลายเป็นว่า เราบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวด้วยที่เราคุยเขาเขาพูดกันว่าถ้าส่วนตัวก็ไปคุยข้างนอก คือ ต่อให้เราอธิบายยังไงอ่ะเราก็ผิดอ่ะค่ะ รวมหัวกันรวมตัวกันได้เป็นแก๊งปุ๊บเก่งขึ้นมาทันทีเลยทุกคนเก่งหมดแม้แต่น้องตัวน้อยๆเนี่ยที่เรามองน้องว่าน้องน่ารักเราเอ็นดูเนาะเพราะเราเองก็อายุเยอะ ยังพูดจาไม่ดีใส่เราเราอึ้งมากรู้ใจคนก็วันนั้นวันนี้เลยล่ะค่ะ วันนี้เลยวันที่ 4 เมษายน 2568 และเราก็ได้ออกวันนี้ แต่เราไม่ยอมออกหรอกค่ะ ในเมื่อเรายังไม่ได้งาน หัวหน้าบอกว่าก็เธอมีบริษัทเรียกเธอไปคุยแล้ววันที่ 8 เธอก็ออกไปเลยสิออกได้เลยเขาอยากจะให้เราออกใจจะขาดแล้วค่ะ ทุกคน แต่ ถ้าคุณมาบีบให้เราแบบนี้ ก็แสดงว่าพวกคุณน่ะ ให้เราออกโดยที่ไม่แจ้งล่วงหน้าแล้วก็กลั่นแกล้งเราเราฟ้องกรมแรงงานแน่ค่ะ เราไม่ยอมแน่นอน ถ้าหลังจากเมษายนไปแล้วเราไม่ได้งานอันนั้นเราจะรับถือว่าเป็นเวรกรรมของเรา แต่ยังไงเราก็จะกลับไปทำงานถึงแม้ว่า เราจะต้องไปนั่งห้องรวมกันกับคนที่เกลียดเราเราก็จะทำค่ะเพื่อเงิน คนในห้องเรานะคะ บอกว่าเราเวิ่นเว้อเอาชีวิตส่วนตัวมาพร่ำพรรณนา ไม่มีใครอยากรู้หรอกคนอื่นเขารำคาญเขาอยากทำงาน แต่เราก็เห็นว่าพวกเขาอ่ะ ด่าฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ทั้งวันน่ะ เขาเก่งกันอยู่แค่ 4 คนล่ะค่ะทั้งบริษัทอ่ะ เห็นเขาด่ากันทุกคนน่ะ เรายังไม่เคยพูดเลยค่ะ เพราะเราอยากจะเข้ากับพวกเขาให้ได้ แต่จริงๆแล้วอ่ะ ตอนนี้เรากลับดีใจนะ ที่เราไม่ได้เป็นแบบพวกเขา เพราะว่า มันน่าอายและหน้ารังเกียจมากอ่ะ ถ้าคนอื่นเขามองเราอ่ะ เราว่าเราอ่ะ จะเป็นคนที่ไม่ดีอย่างมากเลย แต่ทั้งนี้นะคะ ที่อยู่และพิกัดเราจะแปะแล้วก็ปักหมุดไว้ ถ้าเกิดอะไรกับเราหรือว่าเราโดนอะไรขึ้นมาอย่างน้อยก็ทุนนี้ก็จะได้รู้ไว้แล้วก็หาตัวคนกระทำผิดได้ถูกต้อง เรามาตั้งกระทู้ หลายเพราะหลายคนอาจจะคิดแตกต่างกับเราสามารถคอมเมนต์ได้เลยค่ะ แต่เราอึดอัดมากและเราก็เสียความรู้สึกอย่างยิ่ง ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเราแคป เราเก็บหลักฐานไว้บนหลังคา ในส่วนผิดเราผิดค่ะ แต่ 1 เดือนหรือ 40 กว่าวันเนี่ย อันเนี้ยมันเป็นช่วงกำลังเรียนรู้ค่ะ ว่าหัวหน้าเป็นยังไงงานไปทางไหน ทำไม่ได้โดนด่าค่ะวันละ 3 รอบ 4 รอบ 5 รอบค่ะ แล้วบอกว่าเราสอนไม่จำแต่ตอนสอนตอนสัมภาษณ์บอกว่าให้มาตรวจเอกสารเราก็ไม่ได้ว่านะคะ เพราะว่า เขาสั่งอะไรเราก็ต้องทำอ่ะ เราเป็นลูกน้อง เราพยายามกำลังจะเปลี่ยนตัว แต่เขาพวกเขาทั้งหมดพยายามที่จะดีดเราออกไป จริงๆอ่ะ เรื่องพวกนี้ มีวุฒิภาวะ มันสามารถพูดกันตรงๆได้ข่าวว่า พูดกันได้ค่ะฉันเป็นคนแบบนั้นเป็นคนที่ชอบคนที่พูดตรงๆมากเลยอย่างน้อยเนี่ยเราจะได้รู้ความผิดตัวเองเพราะบางทีเนี่ยเรามองไม่เห็นราคา ว่าเราผิดอะไรมากมายขนาดไหนถ้ามีคนมาตักมาเจอเราอย่างนี้ดีค่ะเราชอบ แต่การมาพูดมาว่าลับหลังอ่ะมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันจะยิ่งทำให้เราทะเลาะกันเพราะทางหัวหน้างานก็พูดอีกอย่างนึงทางลูกน้องเขาก็พูดอีกอย่างนึงถ้าเลือกทางลูกน้องเขาก็มาบอกว่าเราอ่ะอยู่กับหัวหน้าพูดอีกอย่างอยู่กับพวกเขาพูดอีกอย่างเราอยากรู้ค่ะว่าเรื่องอะไรมีเรื่องเดียวที่เราที่เราพูดออกไปก็คือหลังจากที่เรารู้ว่ามีคนมาฟ้อง ว่าเราอ่ะคุยโทรศัพท์เรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้นอย่างนี้ เราก็เลยบอกว่าอ้าวเขาแอนตี้รักหรอเขาแอนตี้เราหรอเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าพวกเขาแอนตี้เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้อะไรกับเรา เพราะเขาก็คุยยิ้มแย้มแจ่มใสกับเราดีทุกคนเราก็แค่ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้เราไม่รู้ว่าความอิจฉาเนี่ย มันจะสามารถทำให้คนเป็นกันได้ถึงขนาดนี้ เราอ่ะรู้ดีนะคะว่าถ้าเราความสามารถไม่ถึงอ่ะ เงินเดือนสูงๆเราอย่าไปหวังค่ะ ทุกอย่างอ่ะเราต้องรู้ตัวเอง เราไม่ใช่ว่ายังไงเราจะดันทุรังอยากได้เงินเดือนสูงๆแต่ไม่ปรับตัว อยากได้เงินเดือนสูงๆแต่ไม่ทำงานให้มันดี ไม่จดทานไม่รอบคอบอันนั้นน่ะเราไม่เคยคิดเลยค่ะ เราโตพอค่ะเรามีสมองเราไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบบริษัทขนาดนั้นเราดีใจซึ้งใจด้วยซ้ำที่เขาให้โอกาสคนล้มละลายอย่างเรา เราถึงได้เลือกที่เขา เพราะเราคิดว่า การเงินน่ะถึงมันจะยากแต่เราเรียนรู้ได้เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกเรื่องแหละ แต่มันต้องใช้เวลาหน่อยค่ะ ไม่ใช่ว่าเดือนเดียว แล้วบอกไม่โอเคบอกให้ออกเลยมาพูดเรื่อง ส่วนตัวแบบนี้ในห้อง เลยไม่โอเคก็เลยทำให้ตัดสินใจง่ายและให้ออกเลยแบบนี้ได้ด้วยหรอคะ ไม่มีความยุติธรรมเลยค่ะ เขาเอาแต่คนเก่า แต่เรามันหัวเดียวกระเทียมรีบอ้าปากใครก็เถียงใครไม่ทันหรอกค่ะ แต่ละคนนะไม่น่าฟังเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่