ปชน. เสนอรบ.รับมือกำแพงภาษีสหรัฐ หวั่นฉุดจีดีพีไม่ถึง 2% จ่อยื่นญัตติด่วนเข้าสภา 9 เม.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5123726
.
.
ทีมเศรษฐกิจ ปชน. เสนอรัฐบาลเตรียมรับมือกำแพงภาษีสหรัฐฯ ดักคอ อย่ามุบมิบเจรจา แนะ นำไพ่ในมือมาต่อรองทีละใบ อย่าทิ้งครั้งเดียวหมด จ่อ เสนอญัตติด่วนเข้าถกในสภาฯ สู้เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ 9 เม.ย.นี้
.
เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 3 เมษายน ที่รัฐสภา พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค ปชน. แถลงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าในสหรัฐทุกประเภท 10% และจะเก็บภาษีเพิ่มเติมกับหลายประเทศ ซึ่งพบว่าประเทศไทยถูกเก็บภาษีถึง 36%
โดย นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ช็อกโลก เป็นพายุหมุนหรือแผ่นดินไหวทางเศรษฐกิจที่จะกระทบทั่วโลก โดยประเทศไทยที่ถูกจัดเก็บภาษีถึง 36% ถือเป็นอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซียที่ถูกจัดเก็บภาษีถึง 32% มาเลเซียอยู่ที่ 24% เวียดนามอยู่ที่ 46% และจีนอยู่ที่ 34% ซึ่งการเก็บภาษีนำเข้า 36% กระทบกับไทยบ้างนั้น จากเดิมที่บริษัทส่งออกเคยส่งสินค้าออกไปยังสหรัฐอเมริกาต้องเจอราคาที่รวมภาษีแล้วอยู่ที่ 100 บาท ตอนนี้เพิ่มเป็น 136 บาท
.
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ฉะนั้น การจะรับมือกับเรื่องนี้เราต้องเข้าใจถึงเป้าประสงค์ของสหรัฐอเมริกาว่าไม่ใช่การที่แค่จะทำให้การขาดดุลการค้าระหว่างประเทศอื่นๆ ลดลง แต่ทรัมป์ยังต้องการรายได้เข้ารัฐเพิ่มเติมเพื่อไปชดเชยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐอเมริกาที่มีแผนการจะปรับลดลง นอกจากนี้ ยังมีการตั้งเป้าว่าจะให้นักลงทุนของสหรัฐอเมริกาย้ายฐานการผลิตกลับประเทศตัวเอง ดังนั้น หากเราคาดหวังผลว่า จะเป็นเหมือนสงครามการค้ารอบที่แล้ว ที่ทรัมป์เคยทำก่อนหน้านี้ว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตกลับมาที่ประเทศไทย หากประเทศอื่นเก็บภาษีสูงกว่าเรา กรณีนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะภายในวันที่ 5 เมษายนจะถูกเก็บภาษีขั้นต่ำคือ 10% ก่อน จากนั้นประเทศไทยที่ถูกเก็บภาษีมากกว่า 10% จะถูกเก็บทันที่วันที่ 9 เมษายน แต่ก็อาจจะมีสินค้าบางประเภทที่อาจจะไม่ถูกเก็บภาษีตามที่มีประกาศจากทำเนียบขาวมาคือ สินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ข้อมูลต่างๆ เหล็ก อะลูมิเนียม ยานยนต์ต่างๆ ที่เคยถูกเก็บไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีทองแดง ยา เซมิคอนดักเตอร์ ไม้ รวมถึงสินค้าอื่นๆ เช่น ทองคำ พลังงาน แร่ที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้มี ในบรรดาสินค้าที่เราต้องถูกเก็บภาษีจะมีเซมิคอนดักเตอร์ที่จะรอด
.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยคือ การค้าต้องมีการหยุดชะงัก มูลค่าการส่งออกอาจจะหดตัวลงมาประมาณ 1% จีดีพีอาจจะหดตัวลงได้มากกว่า 1% ซึ่งอาจจะทำให้จีดีพีของปี 2568 ลดลงต่ำกว่า 2% หากการเจรจาไม่ได้เกิดขึ้นโดยเร็วหรือการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ ในกรณีที่เราสามารถเจรจาได้เป็นผลสำเร็จมากที่สุดคือกลับไปเก็บได้ประมาณ 10% จะทำให้จีดีพีโตลดลงประมาณ 0.3% ยังอยู่พ้นตัวเลข 2% ขึ้นมา ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือสินค้าส่งออกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สื่อสาร ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ยางล้อ เครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การส่งออกเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่การลงทุนก็จะหยุดชะงักลงด้วย เข้าใจว่าตอนนี้นักลงทุนอาจจะรอให้ฝุ่นหายตลบก่อน โครงการต่างๆ ที่เคยขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอหรือไม่รับบัตรส่งเสริมไปแล้วก็อาจจะชะลอการลงทุนทั้งหมด เพื่อปรับแผนการลงทุนก่อนจะตัดสินใจลงทุนใหม่ ฉะนั้น จึงขอเรียกร้องให้มีการทบทวน โดยนำตัวเลขอื่นๆ ที่สหรัฐอเมริกายังไม่นำมาคำนวณ เช่น ดุลบริการ ที่สหรัฐอเมริกาได้ดุลกับไทยอยู่แล้ว
.
ด้านนายวีระยุทธ กล่าวว่า ตนเสนอให้แยกผลกระทบออกเป็น 2 ส่วน คือ ผลทางตรงได้แก่ กลุ่มสินค้าที่พึ่งตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เช่น คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางรถยนต์ ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับผลรุนแรงรวดเร็ว เพราะเราส่งออกไปสหรัฐอเมริการวมแล้ว 55,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 19% ของการส่งออกทั้งหมด และเกินดุลกับสหรัฐอเมริกาถึง 45,600 ล้านเหรียญ แม้การขยายตัวของการส่งออกช่วงไตรมาสแรกปีนี้ค่อนข้างดี เพราะบริษัทส่วนใหญ่เร่งส่งออกสินค้าไปสต็อกไว้ที่สหรัฐอเมริกาก่อน หนีความไม่แน่นอนของนโยบายกำแพงภาษี ของจริงจะเกิดขึ้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป
นายวีระยุทธ กล่าวต่อว่า ผลกระทบอีกด้านที่ไม่ควรละเลยคือ ผลกระทบทางอ้อม 3 ชั้นที่ไม่ควรมองข้าม โดยชั้นที่ 1 สินค้าที่ส่งไปยังประเทศที่ถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษี เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ไทยส่งออกไปเม็กซิโก เพื่อประกอบส่งเข้าสหรัฐอเมริกาอีกทีก็มีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท ชั้นที่สอง การแข่งขันรุนแรงขึ้นในตลาดประเทศอื่นๆ จากการที่ผู้ส่งออกหนีจากตลาดสหรัฐอเมริกา เช่น ในตลาดประเทศออสเตรเลีย ก็มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน เข้ามาชิงส่วนแบ่งของไทย ชั้นที่สาม คือ สินค้าขั้นกลางเช่น ยางพาราและเม็ดพลาสติกที่ไทยส่งออกไปจีนเพื่อเข้าตลาดสหรัฐอเมริกา เมื่อตลาดตรงนี้ปิด ยอดในส่วนนี้ก็จะตกลงไปด้วย ดังนั้น ผลกระทบต้องมองทั้งทางตรงและทางอ้อม และแยกยุทธศาสตร์ออกจากกัน โดยทางตรงเราต้องมีการเจรจา
ซึ่งหากดูจากรายงานตัวแทนของสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกาเรามีปัญหาอยู่ 4 ข้อที่เราควรนำไปเป็นประโยชน์ในการต่อรอง คือ 1.มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี หรือ Non-Tariff Barriers ที่ไทยมีอยู่ 166 มาตรการ ที่เรากีดกันสินค้าอเมริกา เช่น สารเร่งเนื้อแดง เพราะเรามีข้อจำกัดเรื่องสุขอนามัย 2.เขามองว่าเรามีสินค้าปลอมแปลง มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เยอะ 3.เรามีข้อจำกัดเรื่องการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมที่จำกัดผู้ถือหุ้นต่างชาติเอาไว้ และ 4.เรื่องสิทธิแรงงาน ที่กฎหมายยังไม่รองรับ โดยควรนำทั้ง 4 ข้อนี้มาเป็นไพ่ต่อรองในมือ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องดุลบริการที่ควรนำไปต่อรอง
.
นายวีระยุทธ กล่าวอีกว่า ดังนั้น จึงมีข้อเสนอคือ 1.เอามาตรการที่เรามีอยู่แล้วสหรัฐอเมริกามองว่าเป็นอุปสรรคมาเป็นไพ่ต่อรอง อย่าทิ้งทีเดียวหมด ค่อยๆ ทิ้ง ทิ้งอย่างมียุทธศาสตร์ 2.อย่ามุบมิบเจรจา อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับการเปิดเสรีกับจีนที่ผู้เสียประโยชน์ไม่รู้ตัวและไม่ได้รับความช่วยเหลือให้เตรียมพร้อมรับมือ ควรเปิดเผยข้อมูลผู้ที่จะได้และเสียประโยชน์จากการที่เราจะเอาอะไรไปต่อรองให้สาธารณะได้รับรู้ นอกจากนี้ ควรพร้อมที่จะเยียวยาผู้ที่จะเสียประโยชน์ซึ่งมักเป็นคนตัวเล็กตัวน้อย อย่างไรก็ตาม อยากให้จินตนาการถึงโลกที่ไม่มีอเมริกาและจีนไว้ด้วยว่าไทยจะปรับซัพพลายเชนแต่ละสินค้าอย่างไรเพื่อรับมือภาวะสงครามการค้าที่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ
.
ขณะที่นายสิทธิพล กล่าวว่า ขอแนะนำว่าเราควรมีการเตรียมความพร้อมรับมือการไหลทะลักเข้ามาของสินค้าจีนที่จะรุนแรงขึ้นอีก หลายเรื่องรัฐบาลพูดมานานว่าอยู่ในแผนที่จะทำ แต่ยังไม่มีกำหนดเสร็จชัดเจน เช่น การกำกับแพลตฟอร์ม การกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนนิติบุคคลในไทย เพื่อให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การให้ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มออนไลน์มีส่วนรับผิดชอบหากปล่อยให้มีการขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์ม และการเพิ่มจำนวนมาตรฐานบังคับเพื่อขยายความคุ้มครองประเภทสินค้าให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงและเจ้าหน้าที่สามารถยึดอายัดได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้รัฐบาลพูดมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2567 ที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีการออกมาตรการมาบังคับใช้ เช่น เรื่องการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนนิติบุคคลในไทย เพื่อให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำถามคือเรื่องนี้จะเสร็จเมื่อไหร่ ตราบใดที่ยังไม่เสร็จ รัฐก็ไม่มีประสิทธิภาพในการกำกับควบคุมมาตรฐาน คุณภาพสินค้า การตรวจสอบภาษี ตลอดจนการลงโทษหากผู้ประกอบการต่างชาติกระทำผิด
.
นายสิทธิพล กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้า วันนี้มีเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการจำนวนมากว่าถูกสินค้าจากต่างชาติทุ่มตลาด หลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด กระทั่งได้รับการสนับสนุนอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งภายใต้กระบวนการปัจจุบัน ภาคเอกชน ผู้ประกอบการประสบความยากลำบากในการรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินการเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง รัฐจะสามารถช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกมากกว่านี้ได้อย่างไร เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด การตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ในเรื่องมาตรฐานบังคับ ผ่านมาครึ่งปี ที่อยู่ในลิสต์ว่าจะออกมาตรฐานก็มีจำนวนเท่าเดิม จำนวนที่เพิ่มและมีผลบังคับใช้แล้วมีเพียง 1-2 มาตรฐาน ความเร็วในอัตรานี้ ไม่เพียงพอต่อการกำกับสินค้าต่างชาติ นอกจากนี้ยังควรเร่งรัด คือการตรวจจับที่ด่านศุลกากรให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพราะเป็นด่านแรกของการที่สินค้าเหล่านี้เข้ามาในประเทศ แม้รัฐบาลจะบอกว่าปัจจุบันตรวจสอบหรือสกรีนเพิ่มขึ้นแล้ว บางช่องทางถึงขนาดบอกสกรีน 100% แต่การที่สินค้าเหล่านี้ยังรอด แสดงให้เห็นว่าการตรวจยังมีช่องโหว่
.
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ในส่วนของพรรคปชน.จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ เรื่องนี้เราอยากให้มีการเสนอเป็นญัตติด่วนในสภาฯ ในวันที่ 9 เมษายนนี้ แต่คงต้องสู้รบปรบมือกับฝั่งรัฐบาล เนื่องจากจะมีการพิจารณาเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเราคิดว่าเรื่องนี้เร่งด่วนกว่ามาก เราอยากนำเข้าโดยเร็วที่สุด โดยอาจจะต้องมีการประสานกับทางรัฐบาล แต่หากไม่ได้อย่างไรคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร จะรับเรื่องนี้ไปพัฒนาต่อ แม้ก่อนหน้านี้ มีความพยายามที่จะเข้าไปเจรจากับทางผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังโดนเก็บภาษีอยู่ดี ถ้าร้ฐบาลจะสร้างความมั่นใจจริงๆ ก็คงจะต้องมีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนเชื่อได้จริงๆ ว่า สามารถที่จะรับมือได้และมีไพ่ในมือเพียงพอที่จะไปเจรจาต่อรองกับสหรัฐอเมริกาได้ ย้ำว่า ยังมีประชาชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกมากมาย ที่อาจจะไม่สามารถรับมือกับความโกลาหลปั่นป่วนที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ
.
.
วิกฤตซ้อนวิกฤต‘อสังหาฯไทย’ กำลังซื้อหาย-แผ่นดินไหวถล่มซ้ำ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5123332
.
วิกฤตซ้อนวิกฤต‘อสังหาฯไทย’
กำลังซื้อหาย-แผ่นดินไหวถล่มซ้ำ
.
เป็นวิกฤตครั้งใหญ่มาแบบไม่ทันตั้งตัว เหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทยวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้สะท้านไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม กลายเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต จากกำลังซื้อดิ่ง กู้ไม่ผ่าน ซัพพลายล้น มาเจอแผ่นดินไหว เป็นปัจจัยใหม่เข้ามาเขย่าตลาดให้ซึมหนักมากขึ้น
.
ทำให้มีการคาดการณ์จากวิกฤตแผ่นดินไหว จะเกิดเอฟเฟ็กต์ต่อการระบายสต๊อกคงค้างในปี 2568 ใช้เวลาการขายนานขึ้น ซึ่งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) คาดการณ์ปีนี้มีที่อยู่อาศัยคงค้างที่ 227,304 หน่วย มูลค่า 1,454,101 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 129,394 หน่วย มูลค่า 966,149 ล้านบาท อาคารชุด 97,909 หน่วย มูลค่า 487,952 ล้านบาท
.
JJNY : ปชน.เสนอรบ.รับมือกำแพงภาษี│กำลังซื้อหาย-แผ่นดินไหวถล่มซ้ำ│สภารับหลักการแก้ไขร่าง กม.│แพทย์ก็โดน สตง.ถามสุดอึ้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5123726
.
.
วิกฤตซ้อนวิกฤต‘อสังหาฯไทย’ กำลังซื้อหาย-แผ่นดินไหวถล่มซ้ำ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5123332
.
กำลังซื้อหาย-แผ่นดินไหวถล่มซ้ำ