กิจการที่มีรายได้ทั้งจาก พลาสติก เป็นตัวแทนจำหน่าย software และ hardware ของ IBM มีโรงไฟฟ้าที่ประเทศจีน 3 แห่ง เป็นเหุ้นส่วนประมาณ 20 กว่าเปอร์เซนต์ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพ 2 แห่ง มีโรงแรม 5 ดาวที่หัวหิน 1 แห่ง
มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 50% และจากต่างประเทศอีก 50%
ในแง่การกระจายความเสี่ยงของกิจการนี้ น่าจะถือว่าดี
ยังมีเงินปันผลให้อีกในอัตรา 5.57% (ปันผลเฉลี่ย 4% - 5% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีปีไหนที่งดจ่ายเงินปันผลเลย)
ปีนี้กำไรเติบโตจากปีที่แล้ว 30%
แต่ p/e อยู่ที่ 5.5
และ p/bv ยิ่งต่ำ อยู่ที่ 0.37 เอง
ถ้าจะซื้อหุ้นกู้เอาดอก 5% - 6%
ผมว่าซื้อหุ้นตัวนี้ คุ้มกว่าหุ้นกู้ เพราะเงินปันผลโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายแค่ 10% ในขณะที่หุ้นกู้โดนหัก 15%
แล้วหุ้นกู้ ก็ไม่ได้เครดิตภาษีเงินปันผลด้วย
แล้วเงินปันผลก็น่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามกำไรที่เติบโตขึ้น
และเพียง 5.5 ปี ก็คืนทุนแล้ว
ราคาหุ้นไม่ค่อยไปไหน ก็ไม่เป็นไร ถือกินเงินปันผลไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว
ถึงเวลาที่กำไรเติบโตไปเรื่อยๆ ก็จะกด p/e ให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนนักลงทุนเห็นเอง
SUC สหยูเนี่ยน หุ้นของกิจการที่กำไรเติบโต 30% แต่มี p/e แค่ 5.5 เท่า!
มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 50% และจากต่างประเทศอีก 50%
ในแง่การกระจายความเสี่ยงของกิจการนี้ น่าจะถือว่าดี
ยังมีเงินปันผลให้อีกในอัตรา 5.57% (ปันผลเฉลี่ย 4% - 5% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีปีไหนที่งดจ่ายเงินปันผลเลย)
ปีนี้กำไรเติบโตจากปีที่แล้ว 30%
แต่ p/e อยู่ที่ 5.5
และ p/bv ยิ่งต่ำ อยู่ที่ 0.37 เอง
ถ้าจะซื้อหุ้นกู้เอาดอก 5% - 6%
ผมว่าซื้อหุ้นตัวนี้ คุ้มกว่าหุ้นกู้ เพราะเงินปันผลโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายแค่ 10% ในขณะที่หุ้นกู้โดนหัก 15%
แล้วหุ้นกู้ ก็ไม่ได้เครดิตภาษีเงินปันผลด้วย
แล้วเงินปันผลก็น่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามกำไรที่เติบโตขึ้น
และเพียง 5.5 ปี ก็คืนทุนแล้ว
ราคาหุ้นไม่ค่อยไปไหน ก็ไม่เป็นไร ถือกินเงินปันผลไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว
ถึงเวลาที่กำไรเติบโตไปเรื่อยๆ ก็จะกด p/e ให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนนักลงทุนเห็นเอง