ปิดการขายแล้วจ้า!“สาธร ยูนีค” 4 พันล้านขายได้แล้ว เผยคนไทยซื้อเปิดตัวทุกคนรู้จักหมด

ชาวเน็ตแห่ยินดี “สาธร ยูนีค”4พันล้าน Sold out ได้แล้ว ปิดการขาย นายหน้าเผยคนไทยซื้อหากเปิดตัวทุกคนรู้จักหมด

จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตได้นำตึกของ สตง.ไปเปรียบเทียบกับตึกใบหยก, ตึกช้าง และตึกสาธร ยูนีค

อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ชาวเน็ตแห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้าประกาศขายตึกสาธร ยูนีค ในราคา 4 พันล้าน โดยได้ระบุข้อความว่า

“#ขายตึกสูง 49 ชั้น #ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา #ตึกสาธร ยูนีค ที่ดิน 3.19 ไร่ ตึกยังสร้างไม่เสร็จ เจอ IMF เสียก่อน ‼️อยู่ถนนเจริญกรุง ไม่โดนมรดกโลกปิดบังทัศนียภาพ ผู้ออกแบบสถาปนิก อ.รังสรร ถ้าสร้างเสร็จจะสวยดั่งรูปภาพแบบคอนโดฯ ที่หรูที่สุดในใจกลางเมือง มีสระว่ายน้ำรวมอยู่ด้วย ใกล้สถานี BTS ใกล้ห้างโรบินสัน รร.แชงกรี-ลา หรือโอเรียนเต็ลริมแม่น้ำ สวยสุดแปลงที่เหลือ ขาย 4,000 ล้านบาท สี่พันล้านบาท) ราคามาคุยกันได้ครับ

ออกแบบรองรับแผ่นดินไหว โดยผู้เชี่ยวชาญ สถาปนิกมือหนึ่งของไทยและจากต่างประเทศ ขาย 4 พันล้านถ้วน”

ล่าสุดในวันนี้เพจเฟซบุ๊กสุภาพ มิ่งศิริ นายหน้าได้ออกมาโพสต์ข้อความอีกครั้งระบุว่า มาขายตึก คับ  ขายได้แล้ว นะคับ  ตึกสาธร  4 พันล้านบาท ป้ามาพรีเซ้นแบบก่อสร้าง  EIA เดิม มาเหมือน นักเลงเลย ลูกค้า เจอป้า ตื่น เต้น กว่าเจอโฉนดที่ดินอีก  ขอบพระคุณ ลูกค้า ที่สนใจ  3 หมื่น แปดพัน หกแสนคน

แต่คนซื้อ ได้แค่คนเดียวนะคับ ป้ายังมีที่ดินที่กรุงเทพ อีก 200 กว่าแปลง ตึกอีก 80 กว่าตึก  ให้ขายนะคับ โปรดอุดหนุนป้าด้วย นะคับ บ้านนอกเข้ากรุง  ของแทร่

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีชาวโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

-ยินดีด้วยนะคะ พอเห็นตัวเลข 4,000 ล้านแล้วไม่อยากเอาไปคูณ%ค่านายหน้าเลย สวยและรวยมาก ปังสุดๆ อยากเห็นหน้านายทุนและตึกที่สร้างสมบูรณ์พร้อมใช้งานเร็วๆ จังเลยค่ะ

ซึ่งมีคนเข้าไปถามว่า คนซื้อเป็นคนไทยหรือต่างชาติ โดยนายหน้าบอกว่าเป็นคนไทยค่ะ ถ้าเปิดตัวไปทุกคนรู้จักหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดทางเจ้าของเพจได้มีการลบเพจดังกล่าวออกไป ขณะที่หลายคนระบุว่าเรื่องนี้เรื่องจริงหรือแค่ปั่น

ที่มา : dailynews

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่