ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราเป็นพนักงานประจำในสายงานผลิตตำแหน่ง Supervisor ซึ่งเรามาเริ่มงานใหม่ที่นี่ได้ 3 เดือน กำลังอยู่ในขั้นตอนของการประเมินทดลองงาน ขอบอกก่อนว่าตัวเราเอง ได้เข้ามาทำงานที่นี่เพราะเราเคยทำงานกับหัวหน้าเก่าคนนี้มาก่อน แล้ววเหมือนเขาต้องงการคนช่วยด่วน แต่หาคนไม่ได้ เลยอยากได้เรามาช่วย เราจึงตดสินใจมาสัมภาษณ์งานตามปกติ จนได้ทำงานที่นี่ ช่วงแรกเหตุการณ์ปกติเลยที่รู้ๆคือ ทุกคนน่าจะคิดว่าเราเป็นเด็กเส้น แตเรากฌ็คิดว่าไม่เป็นไร เราทำงานได้ เดี๋ยวเขาก็คงยอมรับ ก็พยายามไม่คิดอะไร แล้วมันเริ่มมีเหตุการณ์แปลกๆ เริ่มมาจากคนที่เป็นคู่กะกับเรา เขาเป็นคนสนิท ที่สนิทกับ HR มากๆ แล้วเวลาโดนหัวหน้าเราเรียกคุยทั้ง2 คน(ช่วงแรกยังอยู่กะเดียวกัน) มันก็จะมีคำพูดตามมาเสมอว่า ทำไมเราไม่โดนว่าอะไรบ้าง ซึ่งเวลามีอะไรผิดพลาดแล้วโดนว่า เราเองก็โดนว่าเหมือนกัน ปกติเลย แล้วมันก็จะมีการจับกลุ่นินทาใกันอยู่บ่อยๆ ที่เราได้ยิน คือเป็นเรื่องของหัวหน้าเรา ซึ่งหลังๆมา เราถึงได้รู้ว่าเกือบทุกคนค่อนข้างไม่ชอบหัวหน้าเรา รวมทั้งคนในใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าเราอีกหลายๆคน ซึ่งเราเองก็ไม่ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมันมีเหตุการณอะไรขเกิดขึ้น แต่หลังๆมา เราเริ่มโดน HR ตำหนิ ซึ่ไม่เข้ามใจเหมือนกันว่าทำไม เขาตำหนิว่าเรามุ่งหน้าทำแต่เอกสารอย่างเดียว ไม่ลุยหน้างาน ซึ่งขอบอกก่อนว่าการทำงานในสายงานผลิต โดยเฉพาะผลิตอาหาร เอกสารระบบคุณภาพ สำคัญมาก ต้องคอยอัพเดท อยู่เสมอ เราเลยจำเป็นต้องทำงานควบคู่ไปกับการทำเอกสาร ซึ่งคนที่ตำหนิเราเขามองว่าคู่กะเราอีกคน ทำงานได้ดีมาก แต่คนนั้นคือเขาไม่เอาเลยเรื่องเอกสาร เราเป็นคทำเอกสารมให้ทั้งกะเราและกะเขา ง่ายๆคือเอาข้อมูลทั้งสองกะมารวมที่เราหมด แล้วเราก็สร้างฟอร์มต่างๆขึ้นมาใหม่เพื่อให้มันสอดคล้องกับระบบคุณภาพมากขึ้น แต่เราเองกลับโดนตำหนิอีกว่า ใช้กระดาษเยอะ เอกสารที่ทำได้ใช้จริงไหม ก็เลยบอกไปว่าใช้จริงค่ะ ซึ่งเราก็โดนแบบนี้มาเกือบสามเดือน เราก็โดนคู่กะเราอีกคนว่าใให้เรานินทาเราให้พนักงานฟัง แต่พนักงานกลุ่มนั้นก็มาบอกเราว่าเขาพูดแบบนั้นแบบนี้ ว่าเราเส้นสาย ซึ่งเราก็พยายามไม่สนใจอะไรมาโดยตลอด จนเรื่องมันมาเกิดปะทุ อีกครั้ง เมื่อเราเข้าดึกแล้วตื่นมากำลังจะไปทำงาน แต่หัวหน้าเราแจ้งในไลน์กลุ่มบริษัทว่า ขอลาออก ซึ่งเราตกใจมาก ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมีสี่วี่แววอะไรเลยที่เขาจะออก แต่เราก็มาทำงานปกติ จะบอกต่อว่าคู่กะเราจะโดนหัวหน้าเราบ่นเยอะเป็นพิเศษเพราะเขาทำงานไม่รู้ระบบ อยากทำโอทีกี่ ชม ก็ทำตามใจตัวเอง ทำงานค่อมกะไปอีก จนเรารู้สึกอีดอัด เพราะเขาพูดเสมอว่า ถ้าไม่มีเขา คนอื่นก็ทำงานไม่ได้ จะบอกว่าคู่กะเราเข้างานก่อนเราไม่ถึงเดือน ซึง่พอวันที่หัวหน้าเราลาออก เราเองก็มาทำงานปกติ แต่เรากลับโดนคู่กะเรา มาโวยวาย ใช้อารมณ์ ทุบโต๊ะใส่เรา ซึ่งเรางง มาก และเขาทำเสร็จเขาก็เดินหนี ไม่รู้โมโหอะไร เขาเป็นผู้ชายที่แก่มากน่ากลัวมาก แล้วเราเองก็ยังข้องใจอยู่ เลยเดินไปถามที่ออฟฟิศ ว่าพี่เป็นอะไร พี่ต้องการอะไร ซึ่งตอนนั้น hr ที่สนิทกับเขาก็ยังไม่กลับ เราเลยบอกให้เขาฟังด้วย เพราะเราเอง ก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่รู้ว่าเขาโมโหมาจากไหน และเรื่องอะไร แล้วมาแสดงพฤติกรรมใส่เราแบบนี้ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเขากินยาโรคประสาท แล้ว hr ก็เครียร์ให้ แล้วก็สรุปจบกันด้วยดี แต่เรื่องมันก็มาพีคอีก ตรงคนที่เป็นคนเก็บข้อมูลกลางของแผนกลาออก งานเราเลยเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะต้องทำงานแทนคนนี้อีก เราเลยต้องใชเวลสาอยู่หน้าคอมเพิ่มมากขึ้นกว่าอยู่หน้างาน เราจึงถูกกลุ่มเขามองว่าเราไม่ทำงานหน้างาน ทำแต่เอกสาร หน้างานจริงช้ามาก ซึ่งเรามารู้ทีหลัง ว่าพวกเขาคุยกันหลังจากเราเครียร์กันจบวันนั้น ว่าเรากับพี่คู่กะอีกคน จะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ถ้ายังตำแหน่งเท่ากัน และไม่ถึงวัน เราก็โดนเรียกคุยโดย พี่hr เพราะตอนนี้เขาต้องดูงานแทนหัวหน้าเรา ก็คือคุมเรา ซึ่งเขาก็เรียกคุย ว่า เขาจะประเมินพวกหนู2 คน ในระยะเวลา1 เดือน ว่าใครจะมีความสามารถในการจะขึ้นเป็นหัวหน้าระดับอาวุโส ซึ่งเราเองก็ไม่ได้หวัง เพราะเราเองยังไม่ได้เก่งระบบคุณภาพมากนัก เลยไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรเลย และพอคุยเรื่องนี้เสร็จ เขาก็หันมาพูดเชิงตำหนิเรา ประมาณว่า เอาเวลาทำเอกสารไปทำงานหน้างานบ้าง ซึ่งประเด็นนี้ เราแบ่งเวลาชัดเจน ว่าช่วงไหนเราจะเข้าหน้างาน ช่วงงานนิ่งแล้วเราจะออกมาทำเอกสาร เพราะมันต้องทำควบคู่กัน จะบอกว่าที่นี่ยังไม่มีเอกสารอะไรที่เป็นระบบมากพอ เราจึงคิดว่าอันไหนที่สามารถทำได้ เราเลยอยากทำไว้เลย และประเด็นต่อมาที่เขาพูดในเชิงตำหนิเราอีกคือ พูดประมาณว่าเราไม่สามารถจัดการพนักงานในสังกัดของเราได้ ทำไมไม่จัดการ ซึ่งเรา งง มาก ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเราไม่จัดการจนเรามารู้ทีหลังอีกว่า มีคนก็คือคู่กเราเป็นคนไปพูดไปบอกเขา เราก็เลยตอบว่าค่ะ จะปรับตัวค่ะ แล้วประเด็นต่อมาเลย ก็คือ เชิงพูดตำหนิเราว่า ทำไมไม่โชว์ศักยภาพออกมาสักที แล้วก็เปรียเทียบเรากับคู่กะเราว่า คนนั้นไปไกลแล้ว ซึ่งเราเองในใจคิดว่า ตัวเขาแค่เอาตัวเองมาอยู่ในหน้างาน แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเวลาต่อกะ ไม่เคยตอบได้ตรงคำถาม แถไปมั่ว เราเลยไม่อยากมีปัญหา เลยบอกว่าค่ะ แล้วก็มีอีกหลายประเด็นที่เขาพูด แต่เราก็ตอบค่ะ ค่ะ ไปทุกคำถาม ก็บอกว่าจะปรับตัวค่ะ แล้วพอเข้าหน้างาน เราเองก็รู้สึกอึดอัด เพราะพอเขาพูดแบบนั้น เราเองก็กลัวจนไม่กล้าเข้าไปทำข้อมูลอะไรเลย ค้างประมาณ3 วัน เราเลยปล่อยให้ค้างไปเลย และเรายังอึดอัดมาก เลยแชทไปถามเขาว่า ต้องการให้หนูทำงานไปในทิศทางไหน แล้วข้อมูลใครต้องทำถ้าหนูไม่ทำ แล้วจะให้หนูทำเอกสารระบบต่อไหม ประมาณนี้ ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาแบ่งงานให้เท่ากัน ซึ่งเราก็ไม่พูดอะไรหรอก ก็เงียบๆไป ได้แต่คิดในใจ ว่าเท่ากันกี่โมง อีกคนแค่อยู่หน้างานเดินลอยไปลอยมา ทำโอทีวันละเป็น10 ชม แต่อีกคนทั้งทำหน้างาน ทั้งทำเอกสาร ทั้งทำเอกสารระบบอีก เราก็ได้แค่คิด จนมาพักหลังๆอีก เราก็รู้สึกเหมือนคนกลุ่มแผนกอื่นเริ่มไม่ค่อยคุยกับเรา เลยรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติ เราจะสนิทกับแผนกอื่นในออฟฟิศเกือบทุกคนเลย จนมีพี่คนนึงลาออก เลยมีโอกาสถาม ว่าทำไมไม่คุยกับหนู จึงรู้คำตอบว่ามีคนไปปล่อยข่าวว่าหัวหน้าเราที่ออกไปแล้ว บอกเราว่าห้ามไปยุ่งกับแผนกอื่น ซึ่งเรา งง มาก ว่าตอนไหน เราก็เลยไม่อยากคิดมาก ก็เลยไม่พูดอะไร จนเรื่องมันก็เลยเถิดมาเรื่อยๆตรงที่ไม่มีใครคุยกับเราเลย ตึงใส่เราทั้งหมด มีแค่บอสใหญ่ ที่ส่งแชทส่วนตัวขอข้อมูลต่างๆที่เขาอยากได้ ส่วนคนอื่นตึงมาก มากที่สุด และก็มีหนึคนไีที่ได้ขึ้นรักษาการณ์แทนหัวหน้าเรา แล้วเขาก็เริ่มกดดันเราในส่วนผลิต เช่นเวลางานหน้ากะเรามีปัญหา พอเราแจ้งไป จะมีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมอีกกะทำได้ ทุกครั้ง ซึ่งส่วนตัวเราเองก็พยายามทำเต็มที่แล้ว และเราก็โดนตำหนิมาเรื่อยๆจนเรารู้สึกอึดอัดไม่อยากมาทำงาน เหมือนไม่กล้าทำงานอะไรแล้ว และจนล่าสุด มีปัญหาต้องปิดไลน์เพราะทำอะไรไม่ได้แล้วแก้ไขไม่ได้ เราก็ตัดสินใจกำหนดเวลาเลิกงานชัดเจน และแจ้งไปตั้งแต่ช่วงเริ่มงาน แลเขาก็มาโวยเราช่วงจะถึงเวลาเลิกงาน ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ คือง่ายๆไม่เห็นด้วย ถึงแม้เราจะให้เหตุผลอะไรไป เขาก็ไม่ฟัง จนเขาก็ลงมาสั่งการเอง ให้ทำแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งเราก็โอเค ทำตามเขา ซึ่งตัวละคร 3 ตัวที่เราพูดถึง เขาคือคนกลุ่มเดียวกัน สนิทกันมาก และเป็นกบุ่มที่ต่อต้านหัวหน้าเรามาก ซึ่งเราเองก็คิดแค่ว่า หรือเขาต้องการบีบให้เราออก กดดันให้เราออกงานตามหัวหน้าเรา ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆเราจะเสียใจมาก เพราะงานที่เราทำจับต้องได้ทุกอย่าง ใครถามหาอะไรเรามีให้หมด หน้างานเองเราก็สามารถบริหารจัดการได้ แต่เขากลับมองว่าเราไม่แสดงศักยภาพออกมาสักที ซึ่งเราคิดว่าคู่กะเรา คงไปพูดอะไรแน่ๆ และคงมีเรื่องไปพูดให้เราเสียหายอีกมากแน่ๆเลย เราเองควรจัดการปัญหานี้ยังไงคะ เพราะถ้าไปคุยกับhr ก็คงรู้คำตอบอยู่แล้วว่าจะเป็นยังไง เราเลยเลือกที่จะเงียบตอนนี้ และทำได้แค่เก็บแชทไว้เรื่อยๆ ว่าคู่กะเรา ของานอะไรเราบ้าง ตัวเองทำไม่เป็นมาขอ หนูคิดว่ากล้าขอก็กล้าให้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เราควรทำยังไงต่อดีคะ เปลี่ยนงานตอนนี้คิดว่าเปลี่ยนได้ แต่เราไม่มีทุนจะย้ายหออีกแล้ว เพราะเพิ่งย้ายมาหมาดๆเลย55555 หรือว่าเราเองคิดมากเกินไป ส่วนเรื่องที่หัวหน้าเราลาออก เราก็พอจะรู้จากเขามาบ้าง ว่าเขาโดนกดดันเรื่องอะไร เขาถึงยอมลาออกเร็วขนาดนั้น คล้ายๆกับที่เราโดนอยู่ตอนนี้ เราควรทำยังไงต่อดีคะ ตอนนี้เครียดมาก ไม่มีความสุขกับการทำงานเลย เฮ้อ
โดนกระทำแบบนี้เหมือนเป็นการโดนบีบออกจากงานไหม