กระทรวงพานิชย์สั่งตรวจนอมินี ‘ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10’ ลั่นพบผิดดำเนินคดีถึงที่สุด

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.prachachat.net/economy/news-1784493


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบให้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น โดยพบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นคู่สัญญาในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นคนไทย 51% และคนจีน 49% มีข้อสงสัยว่าจะเป็นธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) หรือไม่

เบื้องต้นได้รับรายงานระบุ ในวันนี้ (วันที่ 31 มีนาคม 2568) ได้ลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ณ ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ปรากฏว่า สำนักงานปิดเงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ คณะทำงานจะนัดประชุมหารือทั้งคณะในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 1 เมษายน 2568) เพื่อเร่งขยายผลติดตามเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป

อีกทั้งได้มอบให้คณะทำงานเร่งดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเข้มงวดเคร่งครัดและรัดกุม หากเป็นธุรกิจนอมินีก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษขั้นสูงสุด คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทวัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน คือ ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย และวัตถุประสงค์ที่มาจากงบการเงินปีล่าสุด (2567) คือ เกี่ยวกับการบริการด้านการทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้างอาคาร อาคารพาณิชย์ อาคารที่พักอาศัย สถานที่ทำการ ทางรถไฟ ทางรถสาธารณะ ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน กรรมการมีจำนวน 2 ราย คือ 1.นายชวนหลิง จาง และ 2.นายโสภณ มีชัย ขณะที่มีผู้ถือหุ้น แบ่งเป็น จีน 49% และไทย 51%... อ่านต่อข่าวต้นฉบับเต็มได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-1784493



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่