กฎในการทำงานกะดึกคนเดียว Rules of horror

เรื่อง: คืนแรกของงานกะดึก

ผมเพิ่งเริ่มทำงานที่ออฟฟิศแห่งนี้ และคืนนี้เป็นคืนแรกของผม ได้ยินมาว่ามีพนักงานมาสมัครแค่วันเดียวแล้วก็ลาออก ผมก็คิดว่ามันแปลกๆ แต่ก็รับงานมาอยู่ดี งานของผมคือการทำเอกสารและตรวจสอบข้อมูลให้ทันกำหนดส่งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งผมต้องทำงานตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงตีห้า ดูเหมือนจะเป็นงานธรรมดา ไม่มีอะไรน่ากังวล...

แต่สิ่งที่แปลกคือ... ออฟฟิศนี้เงียบเกินไป

ไม่มีพนักงานคนอื่น ไม่มีรปภ.เฝ้าอาคาร มีแค่ผมคนเดียว ผมพยายามไม่สนใจ รีบเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

พอเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาได้ไม่นาน เสียง ปัง! ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ประตูออฟฟิศปิดเองเสียงดัง ผมหันไปมอง เห็นผู้จัดการยืนอยู่ใกล้ๆ ประตู เขาดูรีบร้อน เดินเข้ามาวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะของผม

"อ่านนี่ด้วย" เขาพูดเสียงสั่นๆ แล้วรีบเดินออกไป ผมมองตามหลังเขาผ่านกระจก เห็นว่าเขารีบขับรถออกไปทันที

ผมหยิบกระดาษขึ้นมาดู มันไม่ใช่คู่มือการทำงานหรือกำหนดงาน แต่มันคือ...

"กฎในการทำงานกะกลางคืน"

ผมขมวดคิ้ว "นี่มันอะไรกัน?" แล้วก็เริ่มอ่าน...


---

กฎในการทำงานกะกลางคืน

1. ห้ามเปิดประตูห้องของคุณหลังจากหนึ่งทุ่มสามสิบ หากคุณทำเช่นนั้น คุณได้เปิดประตูให้บางอย่างเข้ามาในห้องของคุณแล้ว


2. ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือถ้าไม่เกี่ยวข้องกับงาน หากคุณทำเช่นนั้น สัญญาณโทรศัพท์จะหายไป และแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณจะหมดเร็วขึ้น


3. ให้เปิดไฟในห้องทำงานตลอดเวลา เมื่อไฟดับห้ามส่งเสียงและปิดทุกอย่างที่มีแสงไฟ จะมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ในความมืดมองคุณอยู่ ให้รอจนกว่าไฟจะติดอีกครั้งและให้คุณทำงานต่อ


4. ถ้าคุณได้ยินเสียงเพื่อนสนิทหรือผู้จัดการเรียกชื่อของคุณ จงอย่าลืมว่าคุณอยู่ที่ออฟฟิศนี้คนเดียว ไม่มีใครอื่นนอกจากคุณ อย่าขานรับเด็ดขาด ในกรณีที่คุณขานรับให้มัน ให้ทำเป็นว่าคุณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่แต่ไม่ได้ขานรับให้มัน


5. ถ้าคุณต้องการเข้าห้องน้ำ คุณจะเดินผ่านโต๊ะของเพื่อนร่วมงานที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้คุณไหว้เพื่อแสดงความเคารพก่อนเดินผ่านทุกครั้ง หากคุณลืมไหว้ให้นำขนมชั้นและน้ำแดงที่โต๊ะผู้จัดการไปวางที่โต๊ะนั้น และกลับมาทำงาน


6. หากคุณต้องการหาอะไรฟังระหว่างทำงานไปด้วย ให้คุณเปิดจากวิทยุบนโต๊ะของคุณ ห้ามเปิดจากโทรศัพท์ของคุณ หากคุณได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาจากวิทยุให้ปิดมันทันทีและอย่าเปิดมันอีก


7. หากคุณได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอกห้อง ให้คุณรีบปิดคอมพิวเตอร์และซ่อนหลักฐานการมีอยู่ของคุณทั้งหมดและให้คุณรีบไปแอบสักที่ที่คุณคิดว่าจะปลอดภัย หลังจากนั้นคุณจะได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาและพยายามที่จะหาตัวคุณ ห้ามส่งเสียงเด็ดขาด จากนั้นมันจะเดินออกไปเอง สังเกตว่าตอนที่มันออกไปได้ปิดประตูมั้ย หากมันปิดคุณออกมาได้ หากมันไม่ได้ปิดประตู ห้ามคุณออกมาโดยเด็ดขาดจนกว่ามันจะปิดประตู


8. ห้ามคุณเผลอหลับโดยเด็ดขาด ถ้าคุณเผลอหลับคุณอาจจะได้ฝันเห็นถึงมัน และคุณอาจจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกเลย


9. ถ้าอยู่ดีๆ คุณรู้สึกว่าแอร์ในห้องมันหนาวกว่าปกติ ให้คุณหยุดทำงานทันทีและหลับตา จะมีบางอย่างเดินมาหาคุณ ให้คุณรอจนกว่าคุณจะรู้สึกว่าแอร์กลับมาเป็นอุณหภูมิเดิมจึงลืมตาได้ ถ้าคุณลืมตาตอนที่อุณหภูมิยังคงหนาวอยู่ คุณอาจได้เห็นสิ่งนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่หัวใจของคุณจะวาย


10. ถ้ามีคนโทรหาคุณ ห้ามรับเด็ดขาด แม้จะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท ถ้าคุณรับ คนที่เป็นเจ้าของชื่อที่โทรมาหาคุณอาจได้มีอันเป็นไป


11. ห้ามออกจากออฟฟิศก่อนจะถึงเวลาตีห้า เพราะที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณในคืนนี้


12. หากคุณบังเอิญพบกระดาษในลิ้นชักเขียนด้วยหมึกสีแดงว่า "กฎย้อนกลับ" กฎจะเปลี่ยนไป หากกฎเดิมเขียนว่า "ให้" ให้เปลี่ยนเป็นคำว่า "ห้าม" หากเขียนว่า "ห้าม" ให้เปลี่ยนเป็นคำว่า "ให้" และกฎทั้งหมดจะถูกกลับให้เป็นอีกแบบ เช่น กฎข้อที่ 11 "ห้ามออกจากออฟฟิศก่อนจะถึงเวลาตีห้า เพราะที่นี่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณในคืนนี้" จะถูกเปลี่ยนเป็น "ให้ออกจากออฟฟิจก่อนจะถึงเวลาตีห้า เพราะที่นี่เป็นที่ที่ไม่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณในคืนนี้"




---

ผมอ่านจบแล้วก็ถอนหายใจยาว "ผู้จัดการมาแกล้งหรอวะเนี่ย..."

แน่นอนว่าผมไม่เชื่อเลยสักนิด มันดูเหมือนเรื่องเล่าหลอนๆ ที่คนในออฟฟิศแกล้งกันเพื่อรับน้องใหม่มากกว่า

แต่พอผมมองนาฬิกาข้อมือ... มันคือเวลา 1 ทุ่ม 32 นาที

เสียง แกร๊ก ดังขึ้นจากประตูห้องทำงานของผม ราวกับมีใครบางคนขยับลูกบิดเบาๆ ผมขมวดคิ้ว หันไปมอง แต่ประตูยังคงปิดสนิท

"บังเอิญแหละ" ผมพึมพำกับตัวเอง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอ

ไม่มีสัญญาณ

แบตเตอรี่ที่เคยมี 70% ตอนเดินเข้ามา ตอนนี้เหลือ 15%

หัวใจผมเริ่มเต้นแรงขึ้น "เชี้ย... มันเป็นไปได้ไง"

ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่ากฎนี่มันเริ่มเป็นจริง แต่ผมก็พยายามไม่สนใจและเริ่มทำงานของผม จนถึงเวลาสามทุ่มครึ่ง ผมทำงานเพลินจนไม่ได้เข้าห้องน้ำเลย ผมเลยตัดสินใจลุกและเดินไปเข้าห้องน้ำ...

หลังจากที่ผมทำธุระเสร็จและกำลังเดินไปที่โต๊ะทำงานของผม ผมสังเกตว่าเหมือนมีใครนั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนจะถึงห้องน้ำ ผมเลยหันไปมองอีกรอบและก็เห็นว่า...

มันมีคนนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นจริงๆ เป็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดพนักงานเหมือนผม แต่ที่แปลกคือชุดของเธอนั้นมีรอยขาดเต็มไปหมด และเหมือนว่าเธอจะมีขาเพียงแค่ข้างเดียวและแขนทั้งสองข้างหักผิดรูปจากมนุษย์ ผมจึงนึกถึงกฎข้อ 5 ที่ต้องไหว้ก่อนเดินผ่านทุกครั้ง ในใจผมคิดว่า "ยิ้มแล้ว..." ผมจึงรีบไปหยิบขนมชั้นและน้ำแดงที่โต๊ะผู้จัดการไปวางที่โต๊ะนั้น และผมได้เห็นหน้าของเธอ...

มันเป็นหน้าที่เหี่ยวย่นเหมือนกับศพที่เน่าเปื่อย ผมเกือบจะสติแตกแต่ก็ดึงสติกลับมาได้อยู่ ผมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และผมก็พยายามทำงานต่อไปไม่รู้ว่าตอนไหน แต่ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจและกลัวไปพร้อมๆ กัน

ตอนนี้เวลา 5 ทุ่มครึ่ง ผมว่าจะไปชงกาแฟกินแก้ง่วงสักหน่อย ในระหว่างที่ผมกำลังชงกาแฟ ผมก็ได้ยินเสียง... "กรอยู่ในห้องมั้ยครับ เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อย นี่ผู้จัดการเองครับ" ผมก็เลยตอบกลับไปว่า "ครับ อยู่ครับ รอแปปนะครับ"

ผมชงกาแฟเสร็จ ผมก็เดินไปเปิดประตูให้ผู้จัดการ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ...

ความว่างเปล่าข้างนอก ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืด ผมเลยปิดประตูและบ่นพึมพำว่า "อะไรวะ" และผมก็จำได้ว่ากฎข้อ 4 ห้ามขานตอบคนที่เรียกและกฎข้อที่ 1 ห้ามเปิดประตูหลังหนึ่งทุ่มสามสิบนาที ผมคิดในใจ "ยิ้มเอ้ย... พลาดอีกแล้วกู"

ผมพยายามลืมสิ่งที่เกิดขึ้นและทำงานต่อไป ตอนนี้เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ผมไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ แต่รอบนี้ผมไม่ลืมที่จะไหว้ก่อนเดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอ ขณะที่กำลังเดินไปที่โต๊ะทำงานของผม ผมรู้สึกว่าอากาศมันหนาวกว่าตอนก่อนจะเข้าห้องน้ำ เลยนึกถึงกฎข้อ 9: "ถ้าอากาศหนาวให้หยุดทำงานและหลับตา" ผมหยุดเดินและหลับตาลง

ขณะที่หลับตา ผมได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนมันหยุดอยู่ข้างหลังผม แล้วได้ยินเสียงกระซิบแหลม ๆ ที่ข้างหูว่า... "เป็นอะไรไป... ไม่กลับไปทำงานหรอ?" ผมพยายามหลับตาต่อไปและไม่พูดตอบ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่แขนมากจนอยากกรีดร้อง แต่ผมพยายามเงียบและหลับตาต่อไปจนอุณหภูมิกลับเป็นปกติ เมื่อรู้สึกอากาศกลับมาปกติ ผมจึงลืมตาขึ้นและพบว่าไม่มีแผลอะไรที่แขนเลย

ผมพยายามทำใจไม่ให้คิดมากและเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ตี 1 แล้ว ผมทำงานต่อจนถึงตี 2 ครึ่ง ขณะที่กำลังหาหมายเลขแฟ้มอยู่ ผมไปเปิดลิ้นชักหนึ่ง ซึ่งมีกระดาษเขียนด้วยหมึกสีแดงว่า "กฎย้อนกลับ" ผมรีบหยิบกระดาษกฎขึ้นมาอ่านใหม่ทันที

ระหว่างที่กำลังพยายามทำความเข้าใจกับกฎนั้น มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านนอก ผมรู้ว่าต้องปิดคอมพิวเตอร์และแอบ แต่ตอนนี้เป็นกฎย้อนกลับ ดังนั้นผมต้องไม่ปิดคอมพิวเตอร์และไม่ไปแอบ ผมจึงนั่งอยู่ที่เก้าอี้เฉย ๆ ประตูที่คิดว่าล็อกดีแล้ว ก็ถูกเปิดออก

ผมมองผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ผมมองเห็นมันไม่ใช่มนุษย์แน่ ๆ มันมี 4 ขา ไม่มีแขน ตัวเรียวยาว และหัวกับปากที่ใหญ่ มันยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง แล้วก็ปิดประตูไป หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไร นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นถี่และเร็วมาก ผมจึงทำงานต่อไป

เวลาตี 4 ผมอ่านกฎอีกรอบและคิดได้ว่ากฎข้อ 11: "ห้ามออกจากออฟฟิศก่อนจะถึงเวลาตี 5 เพราะที่นี่จะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณในคืนนี้" ดังนั้นกฎย้อนกลับคือ "ให้คุณออกจากออฟฟิศก่อนจะถึงเวลาตี 5 เพราะที่นี่ไม่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณในคืนนี้" ผมจะรออะไรล่ะ ผมจึงรีบหยิบกุญแจรถและวิ่งไปที่รถ ขณะที่วิ่งผมรู้สึกเหมือนมีคนวิ่งตามหลังอยู่

ขับรถกลับบ้านและเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ตามทางเรื่อย ๆ จนผมถึงบ้าน รีบล็อคประตูและเข้าไปในห้องนอน ล็อคประตูห้อง ผมรู้สึกเหนื่อยและกลัว แต่ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงและหลับไปจนไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงนาฬิกาปลุกตอน 6 โมงเช้า ผมลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกและทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น

สุดท้ายผมตัดสินใจโทรหาผู้จัดการและพูดว่า "ผมขอลาออกครับ"


---

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ😅ถ้าเรื่องสั้นไปขอโทษด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่