โตเร็ว ขยายไว มีสินค้าขายเยอะ
ข้าวของเครื่องใช้ของกิน ขนม รองเท้า เสื้อผ้า โซฟา ฯลฯ
‘โมชิ โมชิ’ ปรับตัวแข่งชิงทำเล ชูเด่นราคาถูก เริ่มต้น 5 บาท เตรียมขยายอีก 40 สาขาทั่วประเทศ
ภาพรวมค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในไทย มีผู้ประกอบการ 3- 4 แบรนด์ครองมาร์เก็ตแชร์สูง ส่วนแบรนด์จีน รุกชิงตลาดมากขึ้น ทำให้แบรนด์ผู้นำ “โมชิ โมชิ” ต้องปรับกลยุทธ์รับมือ
สง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรีเทลไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยปี 2568 แข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากแบรนด์ใหม่รุกขยายตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์จีน และปีนี้มีแบรนด์ไลฟ์สไตล์รายใหม่จากยุโรปเตรียมทำตลาดในไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทวิจัย ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) ประเมินตลาดรีเทลไลฟ์สไตล์ในไทยมีมูลค่า 7,000-9,000 ล้านบาท ปีนี้คาดขยายตัว 15-20% จากแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยคาดสูง 39 ล้านคนในปีนี้ ทำให้ค้าปลีกในทำเลท่องเที่ยวขยายตัวดี
"ตลาดแข่งขันมากขึ้น โมชิ โมชิ ได้รับผลกระทบบ้างจากคู่แข่งรายใหม่เข้ามา แต่บริษัทยังครองความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งราว 40% เราอยู่ในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์มา 30-40 ปี มีการปรับตัวให้ทันความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา มีแผนขยายสาขา การนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ดีไซน์เอง แตกต่างจากรีเทลไลฟ์สไตล์อื่นๆ เน้นซื้อมาขายไป พร้อมทำตลาดเข้มข้นทุกปี เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้า โมชิ โมชิ ต่ำกว่าคู่แข่งจากจีน 20-30% ทำให้รักษาการเติบโตได้ดี"
ในปี 2568 เตรียมขยาย “โมชิ โมชิ” 40 สาขาทั่วประเทศ เป็นการเปิดสาขามากสุดตั้งแต่ทำธุรกิจ ทำเลเป้าหมายไม่ได้อยู่ในศูนย์การค้าหรือห้างค้าปลีกเท่านั้น แต่รุกเปิดทำเลมหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งชุมชน และตลาดสด เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ทำให้แบนด์อยู่ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น พร้อมนำเสนอสินค้าสอดรับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ โดยสิ้นปี 2568 คาดมีสาขาให้บริการครบ 200 สาขา
“โมชิ โมชิ ปรับตัวมาตลอด จากยุคแรกๆ มีแบรนด์แข่งขันในตลาด 6-7 ราย บริษัทใช้เวลา 3 ปี สามารถครองผู้นำได้สำเร็จ และเมื่อเกิดโควิดทำให้แบรนด์คู่แข่งหายไปจากตลาด ปัจจุบันมีคู่แข่ง 2 แบรนด์หลัก จะเห็นว่าการปรับตัวคือสิ่งสำคัญ ให้สอดรับกับดีมานด์ของลูกค้า”
ทั้งนี้ ได้จัดสรรงบกว่า 280 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจ โดย 145-150 ล้านบาท ใช้เปิดสาขาใหม่และรีโนเวตสาขาเดิม 50 สาขา พร้อมขยายพื้นที่คลังสินค้าใหม่ 3,000 ตร.ม. เพิ่มขนาดพื้นที่ให้ได้ 2.6 หมื่น ตร.ม. ด้วยงบประมาณ 45 ล้านบาท ส่วนที่เหลือลงทุนระบบไอที ขณะเดียวกัน การขยายร้านเน้นพื้นที่ใหญ่ 300 ตร.ม. จากเดิม 120-180 ตร.ม. และปรับสาขาเก่าให้ใหญ่ขึ้น 5 สาขา
ทางด้าน บุณยวีร์ บุญสงเคราะห์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจและการปฏิบัติการ กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์การแข่งขันด้านสินค้าได้ให้ความสำคัญ “ดีไซน์” และออกสินค้าใหม่ตามเทรนด์ตลาดอย่างรวดเร็ว เฉลี่ย 1,000 รายการต่อเดือน โดยภาพรวมสินค้า 90% มาจากการดีไซน์ของบริษัทเอง
.
พร้อมชูจุดเด่นด้านราคา กำหนดราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5 บาทจนไปถึงระดับราคา 1,190 บาท ถือว่ามีความคุ้มค่าคุ้มราคา ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้! รับยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าเป็นลำดับต้นๆ โดยลูกค้ามียอดซื้อสินค้าเฉลี่ย 173 บาทต่อบิล ผันแปรไปตามภาวะเศรษฐกิจ
อ่านต่อ:
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1172569?anm=
"โมชิ โมชิ’ ปรับตัวแข่งชิงทำเล ชูเด่นราคาถูก เริ่มต้น 5 บาท เตรียมขยายอีก 40 สาขาทั่วประเทศ
ข้าวของเครื่องใช้ของกิน ขนม รองเท้า เสื้อผ้า โซฟา ฯลฯ
‘โมชิ โมชิ’ ปรับตัวแข่งชิงทำเล ชูเด่นราคาถูก เริ่มต้น 5 บาท เตรียมขยายอีก 40 สาขาทั่วประเทศ
ภาพรวมค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในไทย มีผู้ประกอบการ 3- 4 แบรนด์ครองมาร์เก็ตแชร์สูง ส่วนแบรนด์จีน รุกชิงตลาดมากขึ้น ทำให้แบรนด์ผู้นำ “โมชิ โมชิ” ต้องปรับกลยุทธ์รับมือ
สง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรีเทลไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยปี 2568 แข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากแบรนด์ใหม่รุกขยายตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์จีน และปีนี้มีแบรนด์ไลฟ์สไตล์รายใหม่จากยุโรปเตรียมทำตลาดในไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทวิจัย ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) ประเมินตลาดรีเทลไลฟ์สไตล์ในไทยมีมูลค่า 7,000-9,000 ล้านบาท ปีนี้คาดขยายตัว 15-20% จากแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยคาดสูง 39 ล้านคนในปีนี้ ทำให้ค้าปลีกในทำเลท่องเที่ยวขยายตัวดี
"ตลาดแข่งขันมากขึ้น โมชิ โมชิ ได้รับผลกระทบบ้างจากคู่แข่งรายใหม่เข้ามา แต่บริษัทยังครองความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งราว 40% เราอยู่ในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์มา 30-40 ปี มีการปรับตัวให้ทันความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา มีแผนขยายสาขา การนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ดีไซน์เอง แตกต่างจากรีเทลไลฟ์สไตล์อื่นๆ เน้นซื้อมาขายไป พร้อมทำตลาดเข้มข้นทุกปี เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้า โมชิ โมชิ ต่ำกว่าคู่แข่งจากจีน 20-30% ทำให้รักษาการเติบโตได้ดี"
ในปี 2568 เตรียมขยาย “โมชิ โมชิ” 40 สาขาทั่วประเทศ เป็นการเปิดสาขามากสุดตั้งแต่ทำธุรกิจ ทำเลเป้าหมายไม่ได้อยู่ในศูนย์การค้าหรือห้างค้าปลีกเท่านั้น แต่รุกเปิดทำเลมหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งชุมชน และตลาดสด เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ทำให้แบนด์อยู่ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น พร้อมนำเสนอสินค้าสอดรับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ โดยสิ้นปี 2568 คาดมีสาขาให้บริการครบ 200 สาขา
“โมชิ โมชิ ปรับตัวมาตลอด จากยุคแรกๆ มีแบรนด์แข่งขันในตลาด 6-7 ราย บริษัทใช้เวลา 3 ปี สามารถครองผู้นำได้สำเร็จ และเมื่อเกิดโควิดทำให้แบรนด์คู่แข่งหายไปจากตลาด ปัจจุบันมีคู่แข่ง 2 แบรนด์หลัก จะเห็นว่าการปรับตัวคือสิ่งสำคัญ ให้สอดรับกับดีมานด์ของลูกค้า”
ทั้งนี้ ได้จัดสรรงบกว่า 280 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจ โดย 145-150 ล้านบาท ใช้เปิดสาขาใหม่และรีโนเวตสาขาเดิม 50 สาขา พร้อมขยายพื้นที่คลังสินค้าใหม่ 3,000 ตร.ม. เพิ่มขนาดพื้นที่ให้ได้ 2.6 หมื่น ตร.ม. ด้วยงบประมาณ 45 ล้านบาท ส่วนที่เหลือลงทุนระบบไอที ขณะเดียวกัน การขยายร้านเน้นพื้นที่ใหญ่ 300 ตร.ม. จากเดิม 120-180 ตร.ม. และปรับสาขาเก่าให้ใหญ่ขึ้น 5 สาขา
ทางด้าน บุณยวีร์ บุญสงเคราะห์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจและการปฏิบัติการ กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์การแข่งขันด้านสินค้าได้ให้ความสำคัญ “ดีไซน์” และออกสินค้าใหม่ตามเทรนด์ตลาดอย่างรวดเร็ว เฉลี่ย 1,000 รายการต่อเดือน โดยภาพรวมสินค้า 90% มาจากการดีไซน์ของบริษัทเอง
.
พร้อมชูจุดเด่นด้านราคา กำหนดราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5 บาทจนไปถึงระดับราคา 1,190 บาท ถือว่ามีความคุ้มค่าคุ้มราคา ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้! รับยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าเป็นลำดับต้นๆ โดยลูกค้ามียอดซื้อสินค้าเฉลี่ย 173 บาทต่อบิล ผันแปรไปตามภาวะเศรษฐกิจ
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1172569?anm=