บล. เอเซีย พลัส เปิดโผ 20 หุ้น มีโอกาสประกาศซื้อหุ้นคืน หลังพบมีราคาถูก – เงินสดในมือสูง – สามารถสร้างเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกได้ ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ ตั้งแต่ต้นปี 68 พบบจ.แห่ซื้อหุ้นคืนแล้ว 28 บริษัทมูลค่า 2.93 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานผ่านบทวิเคราะห์ ว่า หุ้นใน SET100 ลงมาเร็วและลงมาลึก จากจุดสูงสุดปีที่แล้วเฉลี่ย -34% จนมีหุ้นใน SET100 ถึง 39 ตัว ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (P/BV < 1) และปัจจุบันเริ่มเห็นการประกาศซื้อหุ้น คือจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT และนับตั้งแต่ต้นปี 2568 มีบริษัทต่างๆ ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว กว่า 4.8 พันล้านบาท
ฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นที่มีโอกาสถูกซื้อหุ้นคืน ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
หุ้นที่ VALUATION ถูก (PBV < 1)
มีเงินสดในมือสูง (CASH ON HAND > 15% ของ MARKET CAP)
พร้อมกับสามารถสร้างเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกได้ (CFO 2567 > 0)
ได้ผลลัพธ์ 20 บริษัท คือ BANPU, EGCO, BGRIM, BCP, RCL, IRPC, TOP, HANA, PTT, CK, CKP, PTTGC, BCPG, GPSC, STGT, SCC, SIRI, SJWD, TU, SCGP เป็นต้น
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน หรือ Treasury Stock ในช่วง 4 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2565-2568) ซึ่งในปี 2568 ข้อมูล ณ วันที่ 20 มี.ค. 2568 พบว่ามีจำนวน บจ.ที่ซื้อหุ้นคืนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET และในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวนรวม 28 บริษัท มีวงเงินซื้อหุ้นคืนรวม 29,345 ล้านบาท โดยมี PTT ที่ประกาศซื้อหุ้นคืน 16,000 ล้านบาท และยังมี TTB อีกจำนวน 7,000 ล้านบาท
พบว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2567 แล้ว ที่มีบจ.ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 39 บริษัท วงเงินรวม 29,223 ล้านบาท ซึ่ง TU มีวงเงินซื้อหุ้นคืนมากสุดที่ 6,600 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ BEM จำนวน 4,000 ล้านบาท
ส่วนในปี 2566 มีจำนวนบจ.ที่ซื้อหุ้นคืน 25 บริษัท วงเงินรวม 11,576 ล้านบาท โดยมี EA ซื้อหุ้นคืนมากสุด 3,000 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ SABUY ซื้อหุ้นคืน 1,708 ล้านบาท
ขณะที่ ในปี 2565 บจ.ซื้อหุ้นคืน 12 บริษัท ในวงเงินรวม 15,015 ล้านบาท โดยมี CPF ซื้อหุ้นคืนมากสุดวงเงิน 5,000 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ STGT วงเงิน 3,600 ล้านบาท...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1778680
PTT เริ่มซื้อหุ้นคืนวันแรก 18.30 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 585.05 ล้านบาท ซื้อราคาสูงสุดที่ 32.25 บาท/หุ้น ราคาต่ำสุด 31.50 บาท/หุ้น
ตามที่นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 16,000 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 470 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.65% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Automatic Order Matching : AOM) และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2568
ทั้งนี้ราคาที่ซื้อคืนจะไม่เกินกว่าราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่ทำการซื้อขายแต่ละครั้ง บวกด้วยจำนวนร้อยละ 15 ของราคาปิดเฉลี่ยดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อประกอบการพิจารณาราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2568 ถึงวันที่ 19 มี.ค. 2568 เท่ากับ 30.33 บาท/หุ้น
ล่าสุด นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT รายงานว่า วันนี้ (24 มี.ค.) ได้มีการซื้อหุ้นคืนรวมจำนวน 18.30 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.06%% ของจำนวนหุ้นซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยซื้อที่ราคาสูงสุด 32.25 บาท/หุ้น และราคาต่ำสุดที่ 31.50 บาท/หุ้น โดยใช้เงินลงทุนซื้อหุ้นคืนไปทั้งหมด 585.05 ล้านบาท...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1779328
เปิดโผ 20 หุ้น ลุ้นประกาศ “ซื้อหุ้นคืน” หลังราคาถูก-มีเงินสดในมือสูง และ PTT ซื้อหุ้นคืนวันแรก
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานผ่านบทวิเคราะห์ ว่า หุ้นใน SET100 ลงมาเร็วและลงมาลึก จากจุดสูงสุดปีที่แล้วเฉลี่ย -34% จนมีหุ้นใน SET100 ถึง 39 ตัว ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (P/BV < 1) และปัจจุบันเริ่มเห็นการประกาศซื้อหุ้น คือจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT และนับตั้งแต่ต้นปี 2568 มีบริษัทต่างๆ ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว กว่า 4.8 พันล้านบาท
ฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นที่มีโอกาสถูกซื้อหุ้นคืน ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
หุ้นที่ VALUATION ถูก (PBV < 1)
มีเงินสดในมือสูง (CASH ON HAND > 15% ของ MARKET CAP)
พร้อมกับสามารถสร้างเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกได้ (CFO 2567 > 0)
ได้ผลลัพธ์ 20 บริษัท คือ BANPU, EGCO, BGRIM, BCP, RCL, IRPC, TOP, HANA, PTT, CK, CKP, PTTGC, BCPG, GPSC, STGT, SCC, SIRI, SJWD, TU, SCGP เป็นต้น
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน หรือ Treasury Stock ในช่วง 4 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2565-2568) ซึ่งในปี 2568 ข้อมูล ณ วันที่ 20 มี.ค. 2568 พบว่ามีจำนวน บจ.ที่ซื้อหุ้นคืนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET และในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวนรวม 28 บริษัท มีวงเงินซื้อหุ้นคืนรวม 29,345 ล้านบาท โดยมี PTT ที่ประกาศซื้อหุ้นคืน 16,000 ล้านบาท และยังมี TTB อีกจำนวน 7,000 ล้านบาท
พบว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2567 แล้ว ที่มีบจ.ซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 39 บริษัท วงเงินรวม 29,223 ล้านบาท ซึ่ง TU มีวงเงินซื้อหุ้นคืนมากสุดที่ 6,600 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ BEM จำนวน 4,000 ล้านบาท
ส่วนในปี 2566 มีจำนวนบจ.ที่ซื้อหุ้นคืน 25 บริษัท วงเงินรวม 11,576 ล้านบาท โดยมี EA ซื้อหุ้นคืนมากสุด 3,000 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ SABUY ซื้อหุ้นคืน 1,708 ล้านบาท
ขณะที่ ในปี 2565 บจ.ซื้อหุ้นคืน 12 บริษัท ในวงเงินรวม 15,015 ล้านบาท โดยมี CPF ซื้อหุ้นคืนมากสุดวงเงิน 5,000 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ STGT วงเงิน 3,600 ล้านบาท...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1778680
PTT เริ่มซื้อหุ้นคืนวันแรก 18.30 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 585.05 ล้านบาท ซื้อราคาสูงสุดที่ 32.25 บาท/หุ้น ราคาต่ำสุด 31.50 บาท/หุ้น
ตามที่นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2568 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 16,000 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 470 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.65% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Automatic Order Matching : AOM) และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2568
ทั้งนี้ราคาที่ซื้อคืนจะไม่เกินกว่าราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่ทำการซื้อขายแต่ละครั้ง บวกด้วยจำนวนร้อยละ 15 ของราคาปิดเฉลี่ยดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อประกอบการพิจารณาราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2568 ถึงวันที่ 19 มี.ค. 2568 เท่ากับ 30.33 บาท/หุ้น
ล่าสุด นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT รายงานว่า วันนี้ (24 มี.ค.) ได้มีการซื้อหุ้นคืนรวมจำนวน 18.30 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.06%% ของจำนวนหุ้นซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยซื้อที่ราคาสูงสุด 32.25 บาท/หุ้น และราคาต่ำสุดที่ 31.50 บาท/หุ้น โดยใช้เงินลงทุนซื้อหุ้นคืนไปทั้งหมด 585.05 ล้านบาท...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1779328