นวนิยาย ชื่อเรื่อง Blood Bride พิษสวาทฆาตกร โดย Rosamund (Romantic,Drama,Suspense,18+)


เจน มิลเลอร์ หญิงสาวในชุดว่ายน้ำสีเหลืองมัสตาร์ดแบบเต็มตัว อวดเรียวขาสวยด้วยชุดว่ายน้ำรูปแบบขาเว้าสูง รูปร่างของเธอผอมและบอบบาง เมื่อปอยผมสีทองที่เปียกชุ่มไหลหล่นออกมาจากหมวกคลุมผม พวกมันเปียกโชกทิ้งตัวสะเปะสะปะอยู่ที่แก้มขาวซีด เธอจึงถอดหมวกคลุมศีรษะเก็บปอยผมสำหรับว่ายน้ำออก แน่นอนว่ามันมีสีเหลืองเฉดเดียวกับชุดว่ายน้ำ
ผมสีทองยาวประบ่าของเธอเปียกน้ำจนชุ่ม พวกมันลู่หล่นไหลลงมาที่เนินไหล่ขาวซีด มีรอยน้ำไหลหยดเป็นทางตามท่อนแขนเล็กเรียว หล่นลงถึงปลายนิ้วและร่วงลงเป็นหยดใหญ่น้อยตามพื้นตามทุกย่างก้าวที่เธอเดิน หญิงสาวกำลังเดินก้าวขึ้นบันไดไปที่แท่นสำหรับกระโดดน้ำอีกครั้งหนึ่ง หลังจากกระโดดน้ำมาแล้วสิบรอบ ตอนนี้เธอยืนนิ่งเพื่อทำสมาธิขณะกำลังสวมหมวกลงไปอีกครั้งเพื่อเก็บปอยผมที่แกะกะระลำคอ เธอเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำแบบกระโดดที่ห่างหายจากสระว่ายน้ำไปเกือบสองปี เพราะชีวิตสมรสที่หดหู่ทำให้เธอหมกมุ่นแต่ความเจ็บปวดและซึมเศร้า จนหลงลืมที่จะรักและดูแลตนเอง แต่หลังจากแยกกันอยู่กับสามีได้สามเดือน สภาพจิตและสภาพใจของเธอก็ดูท่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้เธอผ่อนคลายตัวเองด้วยการกลับมาฝึกสมาธิในวิธีแบบที่เธอถนัด เธอชอบอยู่กับน้ำ ชอบความสดชื่นเย็นฉ่ำ รูปร่างที่เคยผอมซีดเซียว กำลังเริ่มกลับมาเปล่งปลั่งอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าจะหย่าขาดจากเขาเพื่อจบชีวิตสมรสอันทุกข์ระทมสองปีนี้สักที แต่ทว่าอาชีพทนายของเขาทำให้เรื่องหย่าและแบ่งสินสมรสเป็นไปอย่างยากลำบาก เกือบสองปีที่ถูกกระทำ ในชีวิตสมรสเพียงปีแรกที่ทนทุกข์กับคำโกหก ปลิ้นปล้อนของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีที่สองเธอพยายามปรับปรุงตัวเองในทุกด้านเพื่อให้เขาพอใจ เป็นความผิดของเธอเองและเธอจะปรับปรุงแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการ แต่ดูเหมือนทุกการกระทำที่แก้ไขมีแต่ความเลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม ก่อนที่ทุกอย่างจะดำดิ่งสู่หายนะ นีน่า พี่สาวคนเดียวของเธอก็ปรากฏตัวแล้วฉุดรั้งดึงเธอให้ขึ้นมาจากหุบเหวแห่งหายนะของชีวิตสมรส
การฟ้องหย่ากำลังดำเนินการ แต่มันไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายเป็นทนาย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทรัพย์สินของครอบครัวเธอ กว่าจะรู้เช่นเห็นชาติกัน เธอก็เกือบสิ้นเนื้อประดาตัว ธุรกิจครอบครัวอย่างสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเธอคือไร่องุ่น และโรงบ่มไวน์ ที่ประเทศไทย ธุรกิจเล็กๆ แต่ก็ทำกำไรให้พวกเธอพออยู่ได้ไม่ลำบาก นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ และเขาก็ยังต้องการมันเช่นกัน
ครอบครัวของเธอเหลือกันเพียงสองสาวพี่น้อง นีน่าผู้เป็นพี่สาวคอยให้กำลังใจ และอยู่เคียงข้างเจนทุกครั้งที่ศาลเรียกไต่สวน ช่วงแยกกันอยู่ เจนได้กลับมาซ้อมว่ายน้ำทุกวัน อย่างน้อยวันละสามสิบนาที พี่สาวบังคับแกมห่วงใย ขู่เข็นให้เธอกลับมาดูแลตัวเอง
“เข้มแข็งไว้นะเจน เราจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน ไม่ต้องกังวล พี่อยู่ข้างเธอเสมอ
นีน่ากล่าว สองสาวพี่น้องต่างคนต่างสวมกอด ให้กำลังใจกันและกันในวันที่ไม่มีบิดามารดาคุ้มครอง ทั้งสองท่านด่วนจากไปนานหลายปี โชคดีที่พวกท่านทิ้งมรดกไว้พอสมควรขนาดที่ทั้งคู่จะอยู่ได้สบายไปตลอดชีวิตหากไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่เธอและพี่สาวต้องยอมขายทรัพย์สินบางส่วน เพื่อการฟ้องหย่าตัดขาดความสัมพันธ์นี้ให้ขาดสิ้น
“ตู้มมมมมม!!!!”
เสียงน้ำกระเซ็น ยามเมื่อร่างบอบบางกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ ก่อนจะแหวกว่ายด้วยท่าฟรีสไตล์ไปจนสุดขอบสระว่ายน้ำอีกด้าน เจนหมุนตัวหันกลับมาอีกด้านด้วยความช่ำชอง แล้วว่ายกลับไปกลับมา ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ รอบนี้เธอพยายามดำน้ำ กลั้นหายใจจนปอดเริ่มร้อน รับรู้ความรู้สึกว่าเนื้อเยื่อที่ปอดกำลังกรีดร้องหาออกซิเจน แล้วจึงโผล่หน้าขึ้นจากน้ำ อ้าปากงับอากาศเข้าไปอีก แล้วออกตัวดำผุดดำว่ายไปเรื่อยๆ อีกครั้ง สายน้ำทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวา
 “กลับมาว่ายน้ำอีกหรอ?”
ชายหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนดวงตาสีฟ้าเข้ม ผู้เคยเป็นคนรักเก่านั่นเอง เขายิ้มพรายพราวขณะนั่งยองๆ ริมสระว่ายน้ำ ก้มหน้าทักทายเจน ก้มมองดูเธอด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์เหมือนที่เขาเคยทำและเคยได้ผลกับเธอมาตลอด ดวงตาสีฟ้าเข้มกับผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนของเขาต้องแสงแดดเป็นประกายสว่างไสว ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงใหลในรูปลักษณ์เขาแทบบ้า ครานี้เธอรู้สึกแทบบ้าเช่นกัน .....หากแต่กลายเป็นความรังเกียจสะอิดสะเอียนขยะแขยงแทบบ้าต่างหาก
เจนเกาะขอบสระว่ายน้ำหอบหายใจ ขณะถอดแว่นตาว่ายน้ำคาดไว้ที่หน้าผากเพื่อ มองหน้าคนเคยคุ้นที่อยากจะห่างเหินให้ชัดๆ แล้วเบะปากถาม
“มาทำไม? ต้องการอะไร?”
เจนกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจ เธอเปลี่ยนทั้งกลอนประตูและรหัสประตูชุดใหม่ทั้งบ้านแล้ว ตั้งแต่วันแรกเธอและ กาย ทิมเบอร์ตัน ตัดสินใจที่จะแยกกันอยู่เพื่อจัดการเรื่องหย่าและแบ่งสินสมรส แต่เขาก็ยังสามารถเข้ามาในบ้านเธอได้อีก....ได้อย่างไร เธอก็สุดจะรู้ แม้ว่าจะโกรธแต่ก็พยายามระงับอารมณ์โทสะ วันนี้เธออยู่คนเดียว ไม่ควรจะบุ่มบ่าม นีน่าคนพี่สาวออกไปข้างนอก ช่วงนี้นีน่ากำลังมีความรัก ออกไปกับหนุ่มนาวิกโยธินสุดล่ำบึ้ก เป็นชายหนุ่มที่นีน่าออกปากว่านี่คือรักแท้ของเธอ และคาดว่าจะพามาให้เธอทำความรู้จักในอีกไม่นานนี้แน่นอน
“ขึ้นมาคุยกันก่อนสิ”
เขาเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม
เจนไต่ขึ้นจากสระว่ายน้ำด้วยบันได เธอเดินไปที่เก้าอี้นอนริมสระแล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวขึ้นมาสวมอย่างลวกๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น ถอดแว่นตากันน้ำ และหมวกคลุมศีรษะว่ายน้ำออกอย่างขอไปที เธอหยิบผ้าผืนเล็กมาเช็ดปอยผมสีทองเปียกโชกอย่างลวกๆ ก่อนจะโพกผ้าเช็ดตัวผืนเล็กนั้นไว้บนศีรษะเพื่อรวบเส้นผมไว้และซับพวกมันจากความเปียกชื้น
“ผมต้องการให้คุณถอนการฟ้องหย่า ข้อเสนอคือผมจะเซ็นใบหย่าให้คุณเอง ข้อแลกเปลี่ยนคือคุณได้บ้านหลังนี้ไป แต่ไร่องุ่นที่ประเทศไทย เป็นของผม”
เจนหงุดหงิดในความหน้าหนาของเขา ทรัพย์สมบัติมรดกส่วนตัวที่ได้มาก่อนมงคลสมรส ไม่ใช่สินสมรส เขาจะมายื่นข้อเสนอเพื่ออะไรกัน นี่ช่างเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดูเหมือนคนไอคิวต่ำเท่านั้นเอง ถึงจะยอมรับได้ง่ายๆ บ้านหลังนี้ราคาสี่สิบล้าน ไร่องุ่นและโร่งบ่มไวน์ของพวกเธอมีมูลค่าร่วมสองร้อยห้าสิบล้าน ไร่องุ่นเป็นสมบัติของเธอ ส่วนโรงบ่มไวน์และบ้านกระท่อมที่ไร่ไวน์เป็นชื่อนีน่า พี่สาวของเธอ สองสาวพี่น้องตกลงแบ่งกันชัดเจนตั้งแต่บรรลุนิติภาวะ นีน่ามีความชอบที่เธอค่อนข้างจะเหมือนบิดา คือเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ และกระหายกิจกรรมกลางแจ้ง หล่อยเดินทางบ่อยและไปเที่ยวเมืองไทยสม่ำเสมอ จึงไม่สนใจบ้านหลังนี้ การแบ่งทรัพย์สินของสองพี่น้องจึงตกลงกันได้ด้วยดี
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่มาพูดกับเธอแบบนี้ เจนฉุนเฉียวจนคอแห้งผาก ยกน้ำส้มคั้นในแก้วกระดกดื่มรวดเดียวหมดด้วยความกระหายปนหงุดหงิด ขณะครุ่นคิดถ้อยคำก่อนจะเอ่ยออกไป
“กาย ทิมเบอร์ตัน ปล่อยฉันไปตามทางของฉันเถอะ ไร่องุ่นนั้นเป็นของบรรพบุรุษฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างคุณก็ได้ไปหมดแล้ว รายได้ลิขสิทธิ์รูปถ่ายของบิดาฉัน พวกเราสองคนพี่น้องก็ยอมยกส่วนแบ่งให้คุณครึ่งหนึ่ง ฉันและพี่สาวยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ เราสองคนพี่น้องเหลือกันอยู่แค่นี้ ฉันถึงกับต้องตัดใจขายที่ดินไปส่วนหนึ่งเพื่อจ่ายค่าทนายจัดการเรื่องหย่านี้”
เจนตัดพ้อ ด้วยหวังว่าเขาจะเห็นใจเธอบ้าง
แม้ว่าชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าจะไม่เคยทุบตีเงื้อง่ามือใส่เธอสักครั้ง แต่ชีวิตสมรสที่บีบบังคับเธอทุกอิริยาบถ นั่นต่างหากที่ทำให้เธออึดอัดแทบบ้า คำพูดจาของเขาเหมือนเข็มแหลมคม เหมือนมีดกรีดคอยทิ่มแทงหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พฤติกรรมของเขาห่างเหินแห้งแล้งเมินเฉยเหมือนคนมีไร้หัวใจ ผิดกันเป็นคนละคนก่อนมงคลสมรส เหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงชายคนเคยรักตลอดเวลา ในเมื่อหาหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนละคน แต่เธอกลับกลายเป็นเหมือนคนที่วิตกจริตผิดปกติเสียเอง ความเจ็บป่วยทางใจ ส่งผลกระทบร่างกาย ให้ผ่ายผอมจนแพทย์สั่งให้เธอต้องกินยาระงับประสาทติดต่อกันเป็นปี เธอต้องกินยา โปรแซค ซึ่งเป็นยาต้านอาการซึมเศร้า กินทุกวันราวกับกินขนมช็อกโกแลตเม็ดเล็กกลมสีสันสดใสสีเขียวแดงเหลือง แสนอร่อยที่เคยกินสมัยเด็ก
ในปีแรกของการมงคลสมรส เธอโอนทรัพย์สินส่วนตัวให้เขาจัดการเพราะความไว้ใจ เขาหว่านล้อมด้วยทักษะนักพูดของทนาย ชักนำให้เธอมั่นใจว่าเขาสามารถดูแลทรัพย์สินให้เธอได้ดีกว่าเธอทำเอง เงินลิขสิทธิ์ค่ารูปถ่ายที่บิดาของเธอทิ้งไว้ให้ มีจำนวนมากพอดู เพียงปีต่อมาที่เธอเริ่มหวาดระแวง เพราะกาย ทิมเบอร์ตันหายออกจากบ้านไปครั้งละนานๆ ช่วงแรกเขาแค่หายไปเป็นสัปดาห์ ต่อมาก็เริ่มเป็นหนึ่งเดือนถึงสองเดือน เมื่อเริ่มมีปากเสียงกัน เขาก่นด่าว่าเธอฟุ้งซ่าน เขาไปทำงานต่างเมือง และเธอก็ช่างจุกจิกไร้สาระน่าเบื่อ ทุ่มเถียงกันวนไปวนมาทุกครั้งที่เจอหน้า แต่สุดท้ายเธอมักจะเป็นฝ่ายแพ้และอับจนคำพูด มีเพียงน้ำตาที่ประจานความอ่อนแอขี้แพ้ แม้ว่าเธอมั่นใจ เขานั่นแหละที่ทำตัวไม่ปกติ แต่เพราะเธอกล่าวหาเขาโดยไม่มีมูลเหตุหลักฐาน นอกจากสัญชาตญาณของหญิงฟุ้งซ่าน การโวยวายของเธอจึงเหมือนคนสภาพจิตไม่ปกติ
เธอนอนหลับไม่เคยสนิท เธอกินอาหารไม่อร่อย เพราะลิ้นไม่รับรสชาติอะไรนอกจาความขมปร่าของน้ำดีที่มักจะเอ่อล้นขึ้นมาถึงลำคอ ทุกค่ำคืนกลืนน้ำตาที่เค็มเคืองทุกครั้งที่นึกถึงบทสนทนากับวาจาอันเผ็ดร้อนจากเขา ร่างกายเธอผ่ายผอม ตาลึกโหล สุดท้ายต้องพึ่งยาจากจิตแพทย์เพื่อให้สามารถนอนหลับและสงบจิตใจ  หลังจากนั้น เธอใช้เวลาหนึ่งวันที่มียี่สิบสี่ชั่วโมง นอนไปมากกว่ายี่สิบชั่วโมง เวลาที่เหลือคือตื่นมา กินยา กินอาหารสำเร็จรูป และขับถ่าย ผ่านไปหลายเดือนโดยไม่รู้ตัวว่า กล้ามเนื้อที่เธอเคยมี บัดนี้มันฝ่อ เล็ก ซีด และเหลว เนื้อใต้ท้องแขนย้อยและย้วยจนเธอแทบจะเหมือนผู้ป่วยติดเตียงเข้าไปทุกที
วันหนึ่งเมื่อน้องสาวขาดการติดต่อไปนาน นีน่าแอบแวะมาหาเธอโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เมื่อเห็นสภาพน้องสาวเหมือนซากศพมัมมี่ นีน่าเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของน้องเขย พี่สาวพยายามทำให้เธอกลับมานอนหลับได้โดยไม่ต้องใช้ยา นอกจากการพูดจาให้พลัง อีกอย่างคือเพียงแค่กันน้องเขย กาย ทิมเบอร์ตันออกจากชีวิตน้องสาว ด้วยการขู่ว่าจะฟ้องร้องที่เขาฉ้อโกงทรัพย์สินของเจนและทอดทิ้งภรรยาที่ป่วยให้นอนรอความตายอย่างโดดเดี่ยว อีกฝ่ายก็ยอมล่าถอยออกไปจากบ้าน
สามเดือนแล้วที่เขาไม่กลับมานอนที่บ้านหลักจากเอกสารฟ้องหย่าถูกส่งไป ทำให้เจนเหมือนหลุดจากกรงเล็บซาตาน ตาสว่าง และไม่ต้องการกลับไปเป็นหญิงอ่อนแอขี้แพ้แบบเดิมอีก กระบวนการฟ้องหย่ากำลังเริ่มต้นขึ้น เธอรู้ว่าเขาไม่ขัดข้องที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แต่ทรัพย์สินของเธอต่างหากที่รั้งให้เขายืดเยื้อกับเธอจนเกินกว่าเหตุ
เจนรู้สึกอ่อนเพลียทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน แค่เขาอยู่ใกล้และสนทนากันไม่กี่ประโยค เธอก็เหมือนคนเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กาย ทิมเบอร์ตันมักจะสบตาเธอด้วยแววตาเยือกเย็นแสนประหลาด น้ำเสียงของเขาเนิบช้า แฝงไปด้วยความเย็นชา วันนี้เขาเหมือนจ้องเธอมาจากที่ไกลแสนไกล จู่ๆ เจนก็รู้สึกมึนงง เธอหรี่ตามองไปที่แก้วน้ำส้มที่เธอเพิ่งดื่มหมด แล้วหันกลับไปมองตาสีฟ้าเข้มคู่นั้น เขายิ้มเย็นให้เธอแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแต่เชือดเฉือนเหมือนเดิม
“หึ! คุณคิดจริงหรือ ว่าผมถ่อมาถึงนี่เพียงเพื่อเจรจากับคุณ มารดาทูนหัว คุณช่างโง่เขลาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด”
เจนรู้สึกปวกเปียกเหมือนตุ๊กตาผ้าเก่าๆ เมื่อเขาพยายามจับศีรษะเธอให้นิ่งเพื่อสวมแว่นตากันน้ำให้ตรงตำแหน่งดวงตาของเธอ เขาทำสำเร็จแม้จะมีแรงขัดขืนเบาๆ จากเธอ ซึ่งก็เหมือนอาการกระตุกเปลือกตาเพียงเล็กน้อยด้วยความรำคาญยามเมื่อมีแมลงวันบินผ่านใบหน้า จากนั้นเขาก็เริ่มถอดเสื้อคลุมสีขาวของเธอด้วยการคลายปมที่เอวและดึงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่คลุมรอบศีรษะของเธอโยนทิ้งออกไปอย่างไม่ไยดี
“เราสองคนจะเจรจากันไปทำไมให้เสียเวลานะ ในเมื่อเราคนใดคนหนึ่ง ก็สามารถได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปทั้งหมดคนเดียว ถูกไหมครับคนดีของผม”
กาย ทิมเบอร์ตันกล่าวเนิบนาบพร้อมรอยยิ้มเย็น “ทำไมคุณไม่นอนแห้งจมกองอึกองฉี่ตายไปเสียแต่แรกเลยนะ จะลุกขึ้นมาทำไมกันให้ลำบาก กลับมาสู้ผมทำไมกัน เพราะผลสุดท้าย คุณก็ต้องตายไปอยู่ดี”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่