“รมว.สุดาวรรณ” ปักหมุดยกระดับ 3 เทศกาลประเพณีไทยดังไกลทั่วโลก
เทศกาลเมืองครามสกลนคร “Kram & Craft โลก”
เทศกาลหนังใหญ่วัดขนอนและมหกรรมหนังเงานานาชาติ ราชบุรี
และเทศกาลภูเก็ตเมืองสร้างสรรค์ “Kebaya Festival”
ดันเป็น Soft Power นำทุนทางวัฒนธรรม พัฒนาสู่ทุนทางเศรษฐกิจ
ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดึงดูดนักท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์เทศกาลประเพณีไทย
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้พิจารณาคัดเลือกเทศกาลประเพณีในจังหวัดต่างๆ 3 เทศกาลประเพณี ได้แก่ 1.เทศกาลเมืองครามสกลนคร “Kram & Craft โลก” จ.สกลนคร 2.เทศกาลหนังใหญ่วัดขนอนและมหกรรมหนังเงานานาชาติ จ.ราชบุรี และ 3.เทศกาลภูเก็ตเมืองสร้างสรรค์ “Kebaya Festival” จ.ภูเก็ต เพื่อยกระดับให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยคัดเลือกเทศกาลประเพณีที่มีความโดดเด่นมีศักยภาพมีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์โดดเด่นในมิติต่างๆ และเล็งเห็นว่าสามารถส่งเสริมและยกระดับให้เป็น Soft Power โดยเฉพาะด้านเฟสติวัล เทศกาลประเพณีและด้านท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลและส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก
“วธ.มีเป้าหมายส่งเสริมคุณค่าและมูลค่าเทศกาลประเพณีไทยให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญเป็นการสร้างงานสร้างรายได้สู่ชุมชน นำทุนทางวัฒนธรรม พัฒนาสู่ทุนทางเศรษฐกิจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยในเวทีนานาชาติ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ทั้งนี้ เทศกาลเมืองครามสกลนคร “Kram & Craft โลก” เป็นการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้านแฟชั่นและสินค้าวัฒนธรรม ยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สากลโดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผ้าย้อมครามเป็นสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สำคัญมีการรับรองให้จังหวัดสกลนครเป็น "นครหัตถศิลป์โลกเจ้าแห่งครามธรรมชาติ" (World Craft City for Natural Indigo) เมื่อปี 2561 ถือเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทยและเป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอนและมหกรรมหนังเงานานาชาติ จ.ราชบุรี ถือเป็นการยกระดับและส่งเสริมตามที่ วธ.ประกาศขึ้นบัญชีหนังใหญ่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติเมื่อปี 2552 ซึ่งผลักดันหนังใหญ่ให้เป็น Soft Power ให้คนทั่วโลกรู้จัก และสนใจในวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ประกอบกับปี 2550 ยูเนสโกประกาศให้การ สืบทอดและฟื้นฟูหนังใหญ่วัดขนอนได้รับรางวัลจากยูเนสโกและยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรมของยูเนสโกอีกด้วย
ขณะที่ เทศกาลภูเก็ตเมืองสร้างสรรค์ “Kebaya Festival” ต้องการยกระดับและส่งเสริมสืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ยูเนสโกประกาศรับรองเคบายา (Kebaya) เป็นมรดกวัฒนธรรมร่วมกับประเทศบรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์และไทย โดยขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 2567 ซึ่งเคบายาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านการแต่งกายของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านคาบสมุทรมลายูมากว่า 300 ปีและได้ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี 2555 เคบายาจึงสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และประเพณีที่มีร่วมกันของภูมิภาคตลอดจนความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ปักหมุดยกระดับ 3 เทศกาลประเพณีไทยดังไกลทั่วโลก ดันเป็น Soft Power นำทุนทางวัฒนธรรม พัฒนาสู่ทุนทางเศรษฐกิจ
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้พิจารณาคัดเลือกเทศกาลประเพณีในจังหวัดต่างๆ 3 เทศกาลประเพณี ได้แก่ 1.เทศกาลเมืองครามสกลนคร “Kram & Craft โลก” จ.สกลนคร 2.เทศกาลหนังใหญ่วัดขนอนและมหกรรมหนังเงานานาชาติ จ.ราชบุรี และ 3.เทศกาลภูเก็ตเมืองสร้างสรรค์ “Kebaya Festival” จ.ภูเก็ต เพื่อยกระดับให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยคัดเลือกเทศกาลประเพณีที่มีความโดดเด่นมีศักยภาพมีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์โดดเด่นในมิติต่างๆ และเล็งเห็นว่าสามารถส่งเสริมและยกระดับให้เป็น Soft Power โดยเฉพาะด้านเฟสติวัล เทศกาลประเพณีและด้านท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลและส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก
“วธ.มีเป้าหมายส่งเสริมคุณค่าและมูลค่าเทศกาลประเพณีไทยให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญเป็นการสร้างงานสร้างรายได้สู่ชุมชน นำทุนทางวัฒนธรรม พัฒนาสู่ทุนทางเศรษฐกิจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยในเวทีนานาชาติ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ เทศกาลเมืองครามสกลนคร “Kram & Craft โลก” เป็นการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้านแฟชั่นและสินค้าวัฒนธรรม ยกระดับผลิตภัณฑ์สู่สากลโดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผ้าย้อมครามเป็นสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สำคัญมีการรับรองให้จังหวัดสกลนครเป็น "นครหัตถศิลป์โลกเจ้าแห่งครามธรรมชาติ" (World Craft City for Natural Indigo) เมื่อปี 2561 ถือเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทยและเป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอนและมหกรรมหนังเงานานาชาติ จ.ราชบุรี ถือเป็นการยกระดับและส่งเสริมตามที่ วธ.ประกาศขึ้นบัญชีหนังใหญ่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติเมื่อปี 2552 ซึ่งผลักดันหนังใหญ่ให้เป็น Soft Power ให้คนทั่วโลกรู้จัก และสนใจในวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ประกอบกับปี 2550 ยูเนสโกประกาศให้การ สืบทอดและฟื้นฟูหนังใหญ่วัดขนอนได้รับรางวัลจากยูเนสโกและยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรมของยูเนสโกอีกด้วย
ขณะที่ เทศกาลภูเก็ตเมืองสร้างสรรค์ “Kebaya Festival” ต้องการยกระดับและส่งเสริมสืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ยูเนสโกประกาศรับรองเคบายา (Kebaya) เป็นมรดกวัฒนธรรมร่วมกับประเทศบรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์และไทย โดยขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 2567 ซึ่งเคบายาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านการแต่งกายของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านคาบสมุทรมลายูมากว่า 300 ปีและได้ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี 2555 เคบายาจึงสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และประเพณีที่มีร่วมกันของภูมิภาคตลอดจนความหลากหลายทางวัฒนธรรม