เคยมีคำถามกันบ้างไหม...ทำไมตัวร้าย ห้ามถือ #iPhone ในโลกฮอลลิวูด ทฤษฎีนี้มีอยู่จริง ?

เคยมีคำถามกันบ้างไหม...ทำไมตัวร้าย ห้ามถือ #iPhone ในโลกฮอลลิวูด ทฤษฎีนี้มีอยู่จริง ?
ในโลกภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยแสงสีและเรื่องราวอันซับซ้อน มีกฎเกณฑ์บางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังฉากเหล่านั้น และหนึ่งในที่น่าสนใจคือ "ตัวร้ายห้ามใช้ iPhone" เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดย ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับชื่อดังจาก Knives Out และ Star Wars: The Last Jedi ซึ่งเคยได้ให้สัมภาษณ์กับ Vanity Fair ว่า Apple อนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของตนในภาพยนตร์ได้ แต่มีข้อแม้ว่า ตัวร้ายจะต้องไม่ปรากฏตัวพร้อม iPhone ในมือ
.
[ เบาะแสที่ซ่อนอยู่ในอุปกรณ์ ? ]
.
ไม่ใช่แค่การวางผลิตภัณฑ์เพื่อการโฆษณา แต่บริษัท #Apple ต้องการรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีอยู่เสมอ ยกตัวอย่างให้เห็น ในภาพยนตร์ Knives Out ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่ การที่ตัวละครใช้โทรศัพท์ Android กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่ผู้ชมใช้ในการวิเคราะห์ตัวละคร หรือในซีรีส์ Succession ของ HBO การเลือกใช้โทรศัพท์ก็ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะและ "ความดี" ของตัวละคร
.
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในอดีต ช่วงเกือบๆ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา , นิตยสาร Wired เคยรายงานว่าในซีรีส์ 24 ตัวร้ายมักใช้คอมพิวเตอร์ระบบ Windows ในขณะที่ตัวเอกใช้ MacBook แสดงให้เห็นว่า Apple ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์มาโดยตลอดอยู่แล้ว
.
นักวิจัยด้านแบรนด์ Concave ระบุว่า Apple เป็นแบรนด์ที่ “ปรากฏในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในหลายๆ รายการทีวีที่เกิดขึ้นในโลกสมัยใหม่”

Concave ยังจับเวลาได้ว่า Apple ปรากฏมากกว่า 13 นาทีในซีซั่นที่ 2 ของ Big Little Lies ดราม่าระดับพรีเมียมจาก #HBO ที่นำแสดงโดย Nicole Kidman, Reese Witherspoon และ Meryl Streep มีทั้ง โทรศัพท์, โน้ตบุ๊ก, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ และสมาร์ตวอช ที่มีแบรนด์ของ Apple ปรากฏในซีรีส์นี้
.
[ กลยุทธ์ Apple ที่แยบยล ]

ไม่ว่า Apple จะมีกฎอย่างเป็นทางการหรือไม่ การที่ผู้กำกับหลายๆคน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็เป็นไปเพื่อไม่ให้ผู้ชมจับทางได้ง่ายเกินไป และสร้างความสนุกสนานให้กับภาพยนตร์หรือซีรีส์

สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple ไม่เคยยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่เลือกที่จะปล่อยให้เป็น "ความลับ" ที่รู้กันในวงการฮอลลีวูด นี่คือกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพราะมันสร้างความสนใจและทำให้คนพูดถึงแบรนด์ Apple โดยที่ Apple ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก

ที่มา : SpringNews

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่