แผนปฎิบัติการฟ้าผ่า ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กาซา ไทยแลนด์ บาดเจ็บล้มตาย แสนเศษ แผนของใคร

แต่เดิม เจ้าของเก่า ตัวจริงคือ รัฐบาลไทยร่วมกับสายการบิน sas  บุกเบิกจนสุดท้าย รัฐบาลไทยเป็นเจ้าของ 100% ต่อมายุค พ่อนายก(เขาห้ามใช้คำว่าทักษิณ) มีนโยบายขายหุ้น ipo ราคา 60 บาทต่อหุ้นให้กับ ปชช ทั่วไป แต่คนที่ใช้สิทธิส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ได้ คนละ 100 -200 บ้างก็ 1,000-2.000 หุ้น ส่วนใครอยากได้เพิ่ม สามารถซื้อได้จากตลาด เพราะหลังจากเข้าตลาด ราคา ลดต่ำกว่า 60 บาท แม้มีบางช่วงราคาถูกดันถึง 80 บาทเป็นเวลาสั้นๆในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา บางคนก็กอดใบหุ้นไว้ บางคนยอมขายขาดทุน ส่วนใหญ่มากกว่า 90% ขาดทุน ไม่เหมือน หุ้นเทพ อย่าง ปตท หุ้นที่คนส่วนใหญ่กำไรก็ขนานนามว่า หุ้นเทพ หุ้นนางฟ้า แต่หุ้นการบินไทย คนขาดทุนก็ขนานนามว่า หุ้นนางมาร พอมาถึงยุคโควิด หุ้นนางมารก็น้ำลายฟูมปากเพราะพิษโควิด โชคดีที่โควิดจบเร็ว คนทำแผนก็สามารถพลิกฟิ้นสถานการณ์ จนปี 2566 ทำกำไรได้ 28,000 กว่าล้านบาท และ 2567 กำไรอีก กว่า 22,000 ล้านบาท(หากไม่มีแผนฟ้าผ่า) จากผลดำเนินงานที่ดีเกินคาด ส่วนผู้ถือหุ้นจะเป็นบวกภายในปี 2568  อย่างแน่นอน โดยไม่ต้องแปลงหนี้เป็นทุนหรือเพิ่มทุนแต่อย่างใด เจ้าของเดิมต่างก็ดีใจคิดว่าอาจจะได้ขายเอาทุนคืนที่ราคา 60 บาทได้ แต่พอเจอแผนฟ้าผ่า ซึ่งเกิดจากผู้ทำแผนซึ่งเป็นตัวแทนของ เจ้าหนี้ ดังคำกล่าวของ สส ศิริกัญญา ร่วมมือกับ เจ้าหนี้ และรัฐบาล แผนฟ้าผ่าฆ่าล้างเผ่าพันธ์ จึงเกิดขึ้น ความฝันที่คิดว่าจะได้ทุนคืนดับวูบ ต้องกอดหุ้นต่อไปหรือขายขาดทุนมหาศาล ผู้ถือหุ้นเดิมที่รอด คือ คลังกับรัฐวิสาหกิจ ผู้ถือหุ้นรายย่อย ล้มตายบาดเจ็ยเป็น ต่างสาปแช่งต่างๆนาๆ สุดจะมาบรรยาย ณ ที่นี้ ลองนึกดู คนเป็นแสนก่นด่า นางมาร เขาจะด่า ใครและก่นด่าอะไรกันบ้าง ผลแห่งเสียงก่นด่า จพมีผลอย่างไร ต้องคอยดู อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ภายใต้ระบบ simulation ที่จักรวาลนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว