
โปรดมาเที่ยวที่เมืองของฉัน !! นี่เป็นคำเปรยที่แฟนเราชวนไปเที่ยว และเราก็ตกหลุมพรางเต็มๆ
สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกท่าน เราชื่อจูนะคะ (ชื่อเรียกจากเพื่อนๆ) วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวอินเดียกัน ฮ่าๆ อย่างที่คำเปรยบอกไว้เรามีแฟนเป็นคนอินเดียและนี่เป็นการเดินทางไปอินเดียครั้งแรกของเราและบ้านเค้าก็ติดกับเมืองดาร์จีลิ่งซะด้วย ทำให้การเริ่มต้นผจญภัยของเราเริ่มขึ้นค่ะ ...ม๊ะ ไปกันเล๊ย
การเตรียมตัว
- ทำวีซ่า (ตอนนี้คนไทยฟรีวีซ่านะคะ ลงสมัครในเว็บไซต์
https://indianvisaonline.gov.in/ ได้เลยค่ะ)
- จองตั๋วเครื่องบิน จากปสก.ไปๆมาๆ เราจะบอกว่าการบินไทยบ้านเราเวิคสุดค่ะ สำหรับไปลงสนามที่กัลกาตา
- เสื้อผ้า เสื้อกันหนาว ยาประจำตัว ,ถุงเท้า ,ถุงมือ ,หมวก หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เราอุ่นเพราะอากาศที่ดาร์จีลิ่งหนาวจริงๆ
การเดินทางนะคะ
ดาร์จีลิ่งอยู่ที่รัฐเบงกอลตะวันตก บนเทือกเขาหิมาลัย ถ้าจะเที่ยวเมืองราชินีแห่งขุนเขาเราต้องไปลงที่สนามบินกัลกาตาก่อนค่ะ แล้วนั่งเครื่องต่อไปลงสนามบินบักโดกรา BKK- CCU-IXB >> Darjeeling แต่ถ้าบินกับสายการบิน Druk air ของภูฏานมีบินตรงไปลงบักโกดราเลยค่ะ
> หากเพื่อนๆอยากเที่ยวเลย สามารถซื้อทัวร์จากไทยไปได้หรือจะซื้อจากสนามบินบักโดกราได้เลยจะมี local guideที่ขับรถได้เลยในตัวพาเราไปเมืองดาร์จีลิ่งได้เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 3-5 ชั่วโมง ระยะทางไม่ได้ไกลแต่เพราะขึ้นเขาค่ะเลยใช้ระยะเวลานานหน่อย ส่วนตัวแนะนำให้นอนพักก่อน 1วันค่ะ ปรับสภาพร่างกายและอุณหภูมิก่อนค่ะ แต่ถ้าไหวก็ไปได้เลย เพราะทางไปเมืองดาจีลิ่งเองสะดวก ถนนไม่แย่ค่ะ วิวสวยอากาศเย็นๆ ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,042 เมตร ไม่สูงมากแต่เนื่องจากเวลารถวิ่งไต่ระดับเรื่อยๆบางทีร่างกายปรับไม่ทันค่ะ จูเองก็มีเวียนหัว หาวทั้งทริป คลื่นไส้ด้วยเลยแนะนำพักผ่อนก่อน1วันนะคะ
Day1

ทางก่อนจะขึ้นเขา วิวสวยประทับจิตจริงๆค่ะ

วิวเมือง Kurseong ก่อนจะขึ้นไปดาร์จีลิ่งค่ะ รับรองได้ผ่านแน่นอน

เห็นยอดขาวๆนั่นมั้ย ไม่ใช่เมฆนะคะแต่มันคือยอดเขาคันเชงจุงกาของหิมาลัยนั่นเอง ...ป๊ะ ไปกันต่อ
> ในระหว่างเดินทางถ้าท้องฟ้าเปิดจะเห็นวิวเขาเขียวๆกับสีฟ้าของท้องฟ้าพร้อมกับลมเย็นที่พัดเข้ามาในรถ สูดอากาศให้เต็มปอดไปเลยค่ะ ในระหว่างทางคนขับรถหรือไกด์จะพาเราจอดแวะจุดชมวิวต่างๆ หรือเราสามารถบอกให้ไกด์จอดแวะตามจุดต่างๆได้ โดยส่วนมากรถที่อินเดียจะเปิดหน้าต่างและปิดแอร์กว่าจะหมดวันขี้มูกดำปี๋
> มาถึงเมืองดาร์จีลิ่งอย่างนึงที่ต้องทำคือการนั่งรถไฟ ทางรถไฟสายดาร์จีลิงหิมาลัย Darjeeling Himalayan Railway หรือ Toy train โดยรถไฟนี้ขึ้นทะเบียนกับUNESCO ว่าเป็นรถไฟภูเขาที่ยังใช้งานได้ อีกทั้งรถไฟเป็นรถจักรไอน้ำที่เราจะเห็นเจ้าหน้าที่เติมถ่านก่อนเดินเครื่องแปลกตาและคลาสสิคมาก โดยเราจะขึ้นรถไฟที่สถานี Ghum ตอนเราไปเราซื้อตั๋วล่วงหน้าและให้ไกด์ไปรอที่สถานีดาร์จีลิ่ง

สถานีของ Ghum ในระหว่างรอขึ้นรถไฟก็สามารถแวะชมพิพิธภัณฑ์และถ่ายรูปกับหัวรถไฟ ได้ฟีลลิ่งรถไฟอังกฤษคลาสสิคๆ ให้ดู

ในตัวรถไฟจะเห็นวิวเขาจากด้านนอก เมืองที่เรียงรายไล่ระดับชั้นตามเขาและสีสันที่สวยงาม คุณจะผ่านทั้งวัด โรงเรียนและวิวเขา ถ้าโชคดีหิมาลัยก็จะโผล่มาให้เราเห็นด้วยเลย
>เดินทางมาลงสถานีดาร์จีลิ่ง รถก็มารับและพาเราไปที่โรงแรม Villa Everest est.1904 โรงแรมนี้สวยและคลาสสิคตามสไตล์อังกฤษห้องพักแบบcozy ทำจากไม้และเห็นวิวหิมาลัยในยามเช้าแบบที่คุ้มสายตาสุดๆ เมืองดาร์จีลิ่งถือเป็นเมืองตากอากาศสำหรับชาวอังกฤษในช่วงที่โกลกัลตายังเป็นเมืองหลวง ดังนั้นเพื่อนๆจะได้เห็นกับตึกสวยๆ โรงแรมสวยๆที่มีกลิ่นไอและสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษอยู่ด้วย

ที่พักของเราในทริปนี้ Hotel Villa Everest สุดจะคลาสสิคและทำเลดีสุดๆ
> ไหนๆ ก็มาถึงดาร์จีลิ่งแล้วด้วยความที่เวลาเหลือเราก็แวะสวนสัตว์ Padmaja Naidu Himalayan Zoological Park สถานที่ที่มีทั้งเสือ ,หมี ,นก งู สัตว์ที่นี้ทำให้เราอิจฉามาก กับอากาศดีๆเย็นๆตลอดทั้งปี
> ตกเย็นก็ต้องแวะตลาดกลางคืน Darjeeling mall's road ของกินอร่อยๆ ขนมและเค้กจากร้านชื่อดังอย่าง Glenary's จิบชาอุ่นๆ ยามกลางคืนให้หายหนาวแค่นี้ก็ฟินและลดความเมื่อยล้าทั้งวัน

บรรยากาศยามค่ำคืนของ Mall's road เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมทั้งเสื้อผ้าสวยๆหลากสี
และความเหนื่อยล้าก็พาเรานอนหลับปุ๋ยในดงราชินีแห่งขุนเขา....ฝันดีค่ะทุกคน
Good morning ค่ะทุกคน มาค่ะวันนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากวิวสวยๆ จากเทือกเขาหิมาลัยและไร่ชาดาร์จีลิ่งอันโด่งดัง ไปกันต่อ.....
Day2

หิมาลัยยาม 8 โมงเช้า วิวหน้าโรงแรมแบบสวยตระการตาไปเลยค่ะ

สวยแบบลอยมาเป็นแบบนี้สินะ เสียดายกล้องโทรศัพท์จับความสวยมาไม่หมด มันดีจริงๆนะทุกคน
> แน่นอนว่าถ้าอยากดูหิมาลัยต้องไปดูที่จุดชมวิว Tiger Hill ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปตั้งแต่ตี4-5 เพื่อไปรอดูตอนพระอาทิตย์ขึ้นแต่ทางเราตื่นไม่ไหวบวกกับรถนักท่องเที่ยวไปเยอะมากช่วงนั้น รถติดมากๆ เลยได้ไปช่วง8-9โมงเช้าค่ะ

ก่อนถึงTiger hill จะได้ภาพมุมกว้างแบบนี้เลยเพื่อนๆ จับจิตจริงๆเลยหิมาลัย ภาพที่เห็ฯตามโปสเตอร์บ่อยๆ พอมาเจอจริงๆมันสวยแบบบรรยายไม่ถูกเลยแหละค่ะ
> เนื่องจากรอบนี้เรามีเวลาเที่ยวแค่2 วันก็เลยต้องเดินทางกลับวันนี้ระหว่างทางเรากลับทาง Mirik ซึ่งเป็นเมืองอีกฟากนึงหรือเราจะกลับทางเมืองเคอซองตามขามาก็ได้ค่ะ เมืองมิริกจะเต็มไปด้วยป่าสนสูงๆ และไร่ชาสวยๆไล่กับแสงแดดจนทำให้เรารู้เลยว่าทำไมชาดาจีลิ่งถึงหอมและอร่อยแถมดังระดับโลกเพราะด้วยระดับความสูงจากน้ำทะเลกว่า2กิโล + ไอเย็นจากหิมาลัยและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้ชารสชาติกลมกล่อมและหอมมากๆค่ะ

ก่อนลงไปยังเมือง Silliguri ก็แวะป่าสนขนาดใหญ่ก่อนค่ะ สูงจนเก็บภาพไม่ไหวเลย

จุดชมวิวระหว่างทาง ....อยากจะมีบ้านอยู่ที่นี้พร้อมออฟฟิศใกล้บ้าน รับเงินเดือนสักแสนรูปีน่าจะพออยู่ได้แหละ 55555

ไต่ระดับลงมาเรื่อยๆก็เริ่มเห็นไร่ชาแล้วค่ะ เปิดกระจกได้กลิ่นดินและกลิ่นหอมๆของใบชา ที่นี้จะปลูกชาดำส่วนใหญ่ค่ะได้ดื่มแล้วจะสดชื่นมากเลยอากาศเย็นๆกับชาอุ่นๆ

หลังจากดื่มชาอุ่นๆก็ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ ......เห้อ ไม่อยากกลับไทยเลย
> อินเดียครั้งแรกของเราถือว่าประท๊าบบบใจมากๆ ทุกวันนี้ใครถามเราว่าไปเที่ยวอินเดียให้เริ่มจากไปที่ไหนก่อนเราจะตอบเสมอว่า ไปดูหิมาลัยที่ดาร์จีลิ่งนะ ไปง่าย สะดวกในเมืองมีที่ให้เที่ยวเยอะมากๆ และผู้คนที่นั่นก็น่ารักและเป็นมิตรมากๆ ไปนู้นไม่ต้องห่วงเรื่องภาษาเลยค่ะ 80%สปีคอิงลิชได้หมดค่ะ และคนไทยอย่างเราเองจะขึ้นชื่อว่ากลมกลืนไปกับคนท้องถิ่นที่นั่นเลย เพราะแถบนั่นติดกับเนปาลและจีนผสมกัน หน้าตาจะเหมือนคนจีนผสมอินเดียซึ่งเราจะถูกทักบ่อยๆว่าเหมือนชาวเนปาล เวลาคนอินเดียทักให้ถ่ายรูปก็จะเรียกเป็นภาษาอินเดียมาเลยย ดี่ดี๋...
> อินเดียไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ที่เราพูดแบบนี้อาจจะเพราะรัฐที่เราไปคือเวสเบงกอลฝั่งตะวันออกที่ไม่สุดโต่งเรื่องศาสนา อาหารมีทั้งวีแกน เนื้อสัตว์ ผลไม้หลากหลาย อีกทั้งมีชายแดนติดกับเนปาล จีน ใกล้ภูฏาน ผู้คนจึงหลากหลายด้วยหน้าตาและเชื้อชาติ และคนใจดีและเป็นมิตรสุดๆ แต่เราก็โชคดีด้วยแหละที่มีแฟนเป็นคนที่นี้
> นี่เป็นกระทู้แรกและครั้งแรกที่เรามาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งจริงๆมีครั้งที่ 2-3และหลายที่มากๆที่อยากจะมาเล่า เดี๋ยวจะกลับมาเล่าใหม่นะคะ อยากจะเม้าทั้งเรื่อง อาหาร คัลเจอร์ช็อค ต่างๆ ....ครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวไหนที่อินเดีย รอติดตามนะคะ
ขอบคุณค่ะ
Juniverse
[SR] เที่ยว Darjeeling ดาร์จีลิ่งเมืองแห่งราชินีขุนเขาที่จะทำให้เรา รักอินเดีย
โปรดมาเที่ยวที่เมืองของฉัน !! นี่เป็นคำเปรยที่แฟนเราชวนไปเที่ยว และเราก็ตกหลุมพรางเต็มๆ
สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกท่าน เราชื่อจูนะคะ (ชื่อเรียกจากเพื่อนๆ) วันนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวอินเดียกัน ฮ่าๆ อย่างที่คำเปรยบอกไว้เรามีแฟนเป็นคนอินเดียและนี่เป็นการเดินทางไปอินเดียครั้งแรกของเราและบ้านเค้าก็ติดกับเมืองดาร์จีลิ่งซะด้วย ทำให้การเริ่มต้นผจญภัยของเราเริ่มขึ้นค่ะ ...ม๊ะ ไปกันเล๊ย
การเตรียมตัว
- ทำวีซ่า (ตอนนี้คนไทยฟรีวีซ่านะคะ ลงสมัครในเว็บไซต์ https://indianvisaonline.gov.in/ ได้เลยค่ะ)
- จองตั๋วเครื่องบิน จากปสก.ไปๆมาๆ เราจะบอกว่าการบินไทยบ้านเราเวิคสุดค่ะ สำหรับไปลงสนามที่กัลกาตา
- เสื้อผ้า เสื้อกันหนาว ยาประจำตัว ,ถุงเท้า ,ถุงมือ ,หมวก หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เราอุ่นเพราะอากาศที่ดาร์จีลิ่งหนาวจริงๆ
การเดินทางนะคะ
ดาร์จีลิ่งอยู่ที่รัฐเบงกอลตะวันตก บนเทือกเขาหิมาลัย ถ้าจะเที่ยวเมืองราชินีแห่งขุนเขาเราต้องไปลงที่สนามบินกัลกาตาก่อนค่ะ แล้วนั่งเครื่องต่อไปลงสนามบินบักโดกรา BKK- CCU-IXB >> Darjeeling แต่ถ้าบินกับสายการบิน Druk air ของภูฏานมีบินตรงไปลงบักโกดราเลยค่ะ
> หากเพื่อนๆอยากเที่ยวเลย สามารถซื้อทัวร์จากไทยไปได้หรือจะซื้อจากสนามบินบักโดกราได้เลยจะมี local guideที่ขับรถได้เลยในตัวพาเราไปเมืองดาร์จีลิ่งได้เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 3-5 ชั่วโมง ระยะทางไม่ได้ไกลแต่เพราะขึ้นเขาค่ะเลยใช้ระยะเวลานานหน่อย ส่วนตัวแนะนำให้นอนพักก่อน 1วันค่ะ ปรับสภาพร่างกายและอุณหภูมิก่อนค่ะ แต่ถ้าไหวก็ไปได้เลย เพราะทางไปเมืองดาจีลิ่งเองสะดวก ถนนไม่แย่ค่ะ วิวสวยอากาศเย็นๆ ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,042 เมตร ไม่สูงมากแต่เนื่องจากเวลารถวิ่งไต่ระดับเรื่อยๆบางทีร่างกายปรับไม่ทันค่ะ จูเองก็มีเวียนหัว หาวทั้งทริป คลื่นไส้ด้วยเลยแนะนำพักผ่อนก่อน1วันนะคะ
Day1
ทางก่อนจะขึ้นเขา วิวสวยประทับจิตจริงๆค่ะ
วิวเมือง Kurseong ก่อนจะขึ้นไปดาร์จีลิ่งค่ะ รับรองได้ผ่านแน่นอน
เห็นยอดขาวๆนั่นมั้ย ไม่ใช่เมฆนะคะแต่มันคือยอดเขาคันเชงจุงกาของหิมาลัยนั่นเอง ...ป๊ะ ไปกันต่อ
> ในระหว่างเดินทางถ้าท้องฟ้าเปิดจะเห็นวิวเขาเขียวๆกับสีฟ้าของท้องฟ้าพร้อมกับลมเย็นที่พัดเข้ามาในรถ สูดอากาศให้เต็มปอดไปเลยค่ะ ในระหว่างทางคนขับรถหรือไกด์จะพาเราจอดแวะจุดชมวิวต่างๆ หรือเราสามารถบอกให้ไกด์จอดแวะตามจุดต่างๆได้ โดยส่วนมากรถที่อินเดียจะเปิดหน้าต่างและปิดแอร์กว่าจะหมดวันขี้มูกดำปี๋
> มาถึงเมืองดาร์จีลิ่งอย่างนึงที่ต้องทำคือการนั่งรถไฟ ทางรถไฟสายดาร์จีลิงหิมาลัย Darjeeling Himalayan Railway หรือ Toy train โดยรถไฟนี้ขึ้นทะเบียนกับUNESCO ว่าเป็นรถไฟภูเขาที่ยังใช้งานได้ อีกทั้งรถไฟเป็นรถจักรไอน้ำที่เราจะเห็นเจ้าหน้าที่เติมถ่านก่อนเดินเครื่องแปลกตาและคลาสสิคมาก โดยเราจะขึ้นรถไฟที่สถานี Ghum ตอนเราไปเราซื้อตั๋วล่วงหน้าและให้ไกด์ไปรอที่สถานีดาร์จีลิ่ง
สถานีของ Ghum ในระหว่างรอขึ้นรถไฟก็สามารถแวะชมพิพิธภัณฑ์และถ่ายรูปกับหัวรถไฟ ได้ฟีลลิ่งรถไฟอังกฤษคลาสสิคๆ ให้ดู
ในตัวรถไฟจะเห็นวิวเขาจากด้านนอก เมืองที่เรียงรายไล่ระดับชั้นตามเขาและสีสันที่สวยงาม คุณจะผ่านทั้งวัด โรงเรียนและวิวเขา ถ้าโชคดีหิมาลัยก็จะโผล่มาให้เราเห็นด้วยเลย
>เดินทางมาลงสถานีดาร์จีลิ่ง รถก็มารับและพาเราไปที่โรงแรม Villa Everest est.1904 โรงแรมนี้สวยและคลาสสิคตามสไตล์อังกฤษห้องพักแบบcozy ทำจากไม้และเห็นวิวหิมาลัยในยามเช้าแบบที่คุ้มสายตาสุดๆ เมืองดาร์จีลิ่งถือเป็นเมืองตากอากาศสำหรับชาวอังกฤษในช่วงที่โกลกัลตายังเป็นเมืองหลวง ดังนั้นเพื่อนๆจะได้เห็นกับตึกสวยๆ โรงแรมสวยๆที่มีกลิ่นไอและสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษอยู่ด้วย
ที่พักของเราในทริปนี้ Hotel Villa Everest สุดจะคลาสสิคและทำเลดีสุดๆ
> ไหนๆ ก็มาถึงดาร์จีลิ่งแล้วด้วยความที่เวลาเหลือเราก็แวะสวนสัตว์ Padmaja Naidu Himalayan Zoological Park สถานที่ที่มีทั้งเสือ ,หมี ,นก งู สัตว์ที่นี้ทำให้เราอิจฉามาก กับอากาศดีๆเย็นๆตลอดทั้งปี
> ตกเย็นก็ต้องแวะตลาดกลางคืน Darjeeling mall's road ของกินอร่อยๆ ขนมและเค้กจากร้านชื่อดังอย่าง Glenary's จิบชาอุ่นๆ ยามกลางคืนให้หายหนาวแค่นี้ก็ฟินและลดความเมื่อยล้าทั้งวัน
บรรยากาศยามค่ำคืนของ Mall's road เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมทั้งเสื้อผ้าสวยๆหลากสี
และความเหนื่อยล้าก็พาเรานอนหลับปุ๋ยในดงราชินีแห่งขุนเขา....ฝันดีค่ะทุกคน
Good morning ค่ะทุกคน มาค่ะวันนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากวิวสวยๆ จากเทือกเขาหิมาลัยและไร่ชาดาร์จีลิ่งอันโด่งดัง ไปกันต่อ.....
Day2
สวยแบบลอยมาเป็นแบบนี้สินะ เสียดายกล้องโทรศัพท์จับความสวยมาไม่หมด มันดีจริงๆนะทุกคน
> แน่นอนว่าถ้าอยากดูหิมาลัยต้องไปดูที่จุดชมวิว Tiger Hill ซึ่งส่วนใหญ่คนจะไปตั้งแต่ตี4-5 เพื่อไปรอดูตอนพระอาทิตย์ขึ้นแต่ทางเราตื่นไม่ไหวบวกกับรถนักท่องเที่ยวไปเยอะมากช่วงนั้น รถติดมากๆ เลยได้ไปช่วง8-9โมงเช้าค่ะ
ก่อนถึงTiger hill จะได้ภาพมุมกว้างแบบนี้เลยเพื่อนๆ จับจิตจริงๆเลยหิมาลัย ภาพที่เห็ฯตามโปสเตอร์บ่อยๆ พอมาเจอจริงๆมันสวยแบบบรรยายไม่ถูกเลยแหละค่ะ
> เนื่องจากรอบนี้เรามีเวลาเที่ยวแค่2 วันก็เลยต้องเดินทางกลับวันนี้ระหว่างทางเรากลับทาง Mirik ซึ่งเป็นเมืองอีกฟากนึงหรือเราจะกลับทางเมืองเคอซองตามขามาก็ได้ค่ะ เมืองมิริกจะเต็มไปด้วยป่าสนสูงๆ และไร่ชาสวยๆไล่กับแสงแดดจนทำให้เรารู้เลยว่าทำไมชาดาจีลิ่งถึงหอมและอร่อยแถมดังระดับโลกเพราะด้วยระดับความสูงจากน้ำทะเลกว่า2กิโล + ไอเย็นจากหิมาลัยและแสงแดดอุ่นๆ ทำให้ชารสชาติกลมกล่อมและหอมมากๆค่ะ
ก่อนลงไปยังเมือง Silliguri ก็แวะป่าสนขนาดใหญ่ก่อนค่ะ สูงจนเก็บภาพไม่ไหวเลย
จุดชมวิวระหว่างทาง ....อยากจะมีบ้านอยู่ที่นี้พร้อมออฟฟิศใกล้บ้าน รับเงินเดือนสักแสนรูปีน่าจะพออยู่ได้แหละ 55555
ไต่ระดับลงมาเรื่อยๆก็เริ่มเห็นไร่ชาแล้วค่ะ เปิดกระจกได้กลิ่นดินและกลิ่นหอมๆของใบชา ที่นี้จะปลูกชาดำส่วนใหญ่ค่ะได้ดื่มแล้วจะสดชื่นมากเลยอากาศเย็นๆกับชาอุ่นๆ
หลังจากดื่มชาอุ่นๆก็ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ ......เห้อ ไม่อยากกลับไทยเลย
> อินเดียครั้งแรกของเราถือว่าประท๊าบบบใจมากๆ ทุกวันนี้ใครถามเราว่าไปเที่ยวอินเดียให้เริ่มจากไปที่ไหนก่อนเราจะตอบเสมอว่า ไปดูหิมาลัยที่ดาร์จีลิ่งนะ ไปง่าย สะดวกในเมืองมีที่ให้เที่ยวเยอะมากๆ และผู้คนที่นั่นก็น่ารักและเป็นมิตรมากๆ ไปนู้นไม่ต้องห่วงเรื่องภาษาเลยค่ะ 80%สปีคอิงลิชได้หมดค่ะ และคนไทยอย่างเราเองจะขึ้นชื่อว่ากลมกลืนไปกับคนท้องถิ่นที่นั่นเลย เพราะแถบนั่นติดกับเนปาลและจีนผสมกัน หน้าตาจะเหมือนคนจีนผสมอินเดียซึ่งเราจะถูกทักบ่อยๆว่าเหมือนชาวเนปาล เวลาคนอินเดียทักให้ถ่ายรูปก็จะเรียกเป็นภาษาอินเดียมาเลยย ดี่ดี๋...
> อินเดียไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ที่เราพูดแบบนี้อาจจะเพราะรัฐที่เราไปคือเวสเบงกอลฝั่งตะวันออกที่ไม่สุดโต่งเรื่องศาสนา อาหารมีทั้งวีแกน เนื้อสัตว์ ผลไม้หลากหลาย อีกทั้งมีชายแดนติดกับเนปาล จีน ใกล้ภูฏาน ผู้คนจึงหลากหลายด้วยหน้าตาและเชื้อชาติ และคนใจดีและเป็นมิตรสุดๆ แต่เราก็โชคดีด้วยแหละที่มีแฟนเป็นคนที่นี้
> นี่เป็นกระทู้แรกและครั้งแรกที่เรามาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งจริงๆมีครั้งที่ 2-3และหลายที่มากๆที่อยากจะมาเล่า เดี๋ยวจะกลับมาเล่าใหม่นะคะ อยากจะเม้าทั้งเรื่อง อาหาร คัลเจอร์ช็อค ต่างๆ ....ครั้งหน้าจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวไหนที่อินเดีย รอติดตามนะคะ
ขอบคุณค่ะ
Juniverse
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้