เปรียบเทียบสองเคสนี้ครับ
เคสแรกคือเคสน้องเต้าหู้เมื่อช่วงต้นปี (
https://www.youtube.com/watch?v=wAME3KoD4DU)
สรุปสั้น ๆ คือ น้องเต้าหู้ทำรถคนขับ Bolt เป็นรอย (ยกกระเป๋าแล้วไปขูดกับรถ) แล้วโดนเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท
เคสที่สองคือเคสผู้โดยสารหญิงโดนไรเดอร์หนุ่มลวนลามที่เพิ่งเกิดขึ้น (
https://www.youtube.com/watch?v=gp_Kwv7xDJE)
สรุปสั้น ๆ คือ ผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลมขึ้นรถแล้วโดนไรเดอร์หนุ่มพูดจาแทะโลม เอามือมาลวนลามถึงเนื้อถึงตัว
ถ้าทุกคนจำกันได้ เคสน้องเต้าหู้โซเชียลแทบจะไม่มีใครด่าน้องเต้าหู้เลย เอาแต่รุมประณามคนขับ Bolt มีการแชร์ภาพทะเบียนรถเขาด้วย คือกะเอาให้จมดินไม่มีที่ยืนในสังคมกันเลย (ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้เสียหาย) ด้วยเหตุผลตามนี้:
1. เอารถมารับงานบริการก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันมีความเสี่ยงที่รถจะเป็นรอย แล้วทำไมไม่ป้องกันความเสี่ยง ติดฟิล์มกันรอยหรืออะไรก็ได้
2. ถ้ากลัวรถเป็นรอย ทำไมไม่ยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารล่ะ
3. แค่เป็นรอยนิด ๆ หน่อย ๆ เอง จะอ่อนไหวอะไรหนักหนา ไม่ได้พังทั้งคัน ไม่ได้ทำให้รถใช้งานไม่ได้สักหน่อย
4. ถ้ารักรถมากนักก็ไม่ต้องเอารถมารับงานบริการ เก็บไว้ขับเองที่บ้าน ไปทำมาหากินช่องทางอื่น จบ
5. เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า วางแผนเนียนหลอกเงินผู้โดยสารหรือเปล่า
อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? สังเกตไหมครับว่าความเห็นโซเชียลมันออกไปทาง
"โทษผู้เสียหาย" ความเห็นด้านบนพวกนี้มีคน Like เยอะ ถูกใจเยอะมาก
ทีนี้... ถ้าวิธีคิดด้านบนมันถูกต้อง ผมลองเอาวิธีคิดแบบเดียวกันมาใช้กับเคสผู้หญิงโดนลวนลามดูนะครับ มันจะออกมาแบบนี้ครับ (ลองไล่อ่านเทียบกับเคสด้านบนไปทีละข้อดูครับ ใช้วิธีคิดแบบเดียวกันเลย):
1. เป็นผู้หญิงเรียกใช้บริการไรเดอร์ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันมีความเสี่ยงที่จะเจอคนขับชาย อยู่ในรถกันสองต่อสอง แล้วทำไมไม่ป้องกันความเสี่ยง ใส่ชุดให้มิดชิดหน่อยหรือหาเพื่อนนั่งด้วยหรืออะไรก็ได้
2. ถ้ากลัวโดนลวนลาม ทำไมไม่เรียกไรเดอร์ที่เป็นผู้หญิงล่ะ
3. แค่โดนตัวนิด ๆ หน่อย ๆ เอง จะอ่อนไหวอะไรหนักหนา ไม่ได้ข่มขืน ไม่ได้ทำให้ท้องสักหน่อย
4. ถ้ากลัวโดนลวนลามมากนักก็ไม่ต้องขึ้นรถคนแปลกหน้า ให้คนรู้จักไปส่ง ซื้อรถขับเอง จบ
5. เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า วางแผนแต่งตัวล่อแหลม โป๊ ๆ หลอกเหยื่อผู้ชายเพื่อเรียกเงินหรือเปล่า
อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? ถ้ามีใครก็ตามที่แสดงความเห็นแบบนี้ ผมบอกได้เลย คนคนนั้นจะโดนรุมด่ารุมประณามอย่างแรง โคตรชายแท้ โคตรปิตาธิปไตย ให้แม่หรือน้องสาวโดนจะพูดแบบนี้ไหม เลิกนิสัยเบลมเหยื่อซะ ต่าง ๆ นานา แต่อย่าลืมครับว่ามันก็คือหลักการวิธีคิดแบบเดียวกับเคสน้องเต้าหู้ที่ได้รับการกด Like กดถูกใจจากโซเชียลอ่ะครับ ซึ่งคือหลักการ "เบลมผู้เสียหาย"
(แฟนของหญิงที่โดนลวนลามออกมาให้สัมภาษณ์ประมาณว่า "ต่อให้แฟนผมแก้ผ้า คุณก็ไม่มีสิทธิมาลวนลามเขา" แล้วโซเชียลก็ถูกใจกันเต็ม แล้วถ้าเป็นเคสน้องเต้าหู้ เราพูดได้ไหมครับว่า "ต่อให้คนขับ Bolt ไม่ได้ป้องกันรถตัวเอง ไม่ได้ติดฟิล์ม คุณก็ไม่มีสิทธิทำรถเขาเป็นรอย")
ผมอยากตั้งคำถามอยากให้ทุกคนช่วยแสดงความคิดเห็นครับ
1. เพราะอะไร ทำไมเคสน้องเต้าหู้ โซเชียลถึงพร้อมใจกันเบลมผู้เสียหาย
2. เพราะอะไร ทำไมเคสหญิงโดนลวนลาม โซเชียลถึงพร้อมใจกัน
ไม่เบลมผู้เสียหาย
3. ทุกคนคิดว่าคนเรามีหลักการยังไงในการเลือกว่าจะเบลมหรือไม่เบลมผู้เสียหายครับ
ขอบคุณครับ
เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ ใครที่ตอนนี้คิดว่าสองเคสนี้เอามาเทียบกันไม่ได้เพราะ "การทำรถเป็นรอย" กับ "การลวนลาม" มันเทียบกันไม่ได้ ผมอยากแสดงความเห็นแบบนี้ครับ คือคนเรามีความอ่อนไหวในเรื่องต่าง ๆ ไม่เท่ากัน แต่เราไม่ควรด้อยค่าความอ่อนไหวของคนอื่น เช่น:
- สมมติผมชอบหมา เพื่อนผมชอบแมว ผมก็ไม่ควรไปพูดว่าการรักหมามันมีคุณค่ามากกว่าการรักแมว ถูกไหมครับ
- ผมชอบอยู่บ้าน เพื่อนผมชอบไปเที่ยว ผมก็ไม่ควรไปพูดด้อยค่าการชอบเที่ยวของเขา ถูกไหมครับ
- ก็เหมือนกัน คนที่อ่อนไหวเรื่องการถูกลวนลาม ก็ไม่ควรมาดูถูกคนที่อ่อนไหวเรื่องรถเป็นรอย เขาก็รักของเขา ทำไมความอ่อนไหวเรื่องรถถึงมีคุณค่าและควรได้รับการใส่ใจน้อยกว่าความอ่อนไหวเรื่องการถูกลวนลาม จริงไหมครับ ?
ทำไมโซเชียลเข้าข้างผู้เสียหายที่โดนคนขับลวนลาม แต่ประณามผู้เสียหายที่โดนทำรถเป็นรอย เพราะอะไร ?
เคสแรกคือเคสน้องเต้าหู้เมื่อช่วงต้นปี (https://www.youtube.com/watch?v=wAME3KoD4DU)
สรุปสั้น ๆ คือ น้องเต้าหู้ทำรถคนขับ Bolt เป็นรอย (ยกกระเป๋าแล้วไปขูดกับรถ) แล้วโดนเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท
เคสที่สองคือเคสผู้โดยสารหญิงโดนไรเดอร์หนุ่มลวนลามที่เพิ่งเกิดขึ้น (https://www.youtube.com/watch?v=gp_Kwv7xDJE)
สรุปสั้น ๆ คือ ผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลมขึ้นรถแล้วโดนไรเดอร์หนุ่มพูดจาแทะโลม เอามือมาลวนลามถึงเนื้อถึงตัว
ถ้าทุกคนจำกันได้ เคสน้องเต้าหู้โซเชียลแทบจะไม่มีใครด่าน้องเต้าหู้เลย เอาแต่รุมประณามคนขับ Bolt มีการแชร์ภาพทะเบียนรถเขาด้วย คือกะเอาให้จมดินไม่มีที่ยืนในสังคมกันเลย (ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้เสียหาย) ด้วยเหตุผลตามนี้:
1. เอารถมารับงานบริการก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันมีความเสี่ยงที่รถจะเป็นรอย แล้วทำไมไม่ป้องกันความเสี่ยง ติดฟิล์มกันรอยหรืออะไรก็ได้
2. ถ้ากลัวรถเป็นรอย ทำไมไม่ยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารล่ะ
3. แค่เป็นรอยนิด ๆ หน่อย ๆ เอง จะอ่อนไหวอะไรหนักหนา ไม่ได้พังทั้งคัน ไม่ได้ทำให้รถใช้งานไม่ได้สักหน่อย
4. ถ้ารักรถมากนักก็ไม่ต้องเอารถมารับงานบริการ เก็บไว้ขับเองที่บ้าน ไปทำมาหากินช่องทางอื่น จบ
5. เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า วางแผนเนียนหลอกเงินผู้โดยสารหรือเปล่า
อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? สังเกตไหมครับว่าความเห็นโซเชียลมันออกไปทาง "โทษผู้เสียหาย" ความเห็นด้านบนพวกนี้มีคน Like เยอะ ถูกใจเยอะมาก
ทีนี้... ถ้าวิธีคิดด้านบนมันถูกต้อง ผมลองเอาวิธีคิดแบบเดียวกันมาใช้กับเคสผู้หญิงโดนลวนลามดูนะครับ มันจะออกมาแบบนี้ครับ (ลองไล่อ่านเทียบกับเคสด้านบนไปทีละข้อดูครับ ใช้วิธีคิดแบบเดียวกันเลย):
1. เป็นผู้หญิงเรียกใช้บริการไรเดอร์ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันมีความเสี่ยงที่จะเจอคนขับชาย อยู่ในรถกันสองต่อสอง แล้วทำไมไม่ป้องกันความเสี่ยง ใส่ชุดให้มิดชิดหน่อยหรือหาเพื่อนนั่งด้วยหรืออะไรก็ได้
2. ถ้ากลัวโดนลวนลาม ทำไมไม่เรียกไรเดอร์ที่เป็นผู้หญิงล่ะ
3. แค่โดนตัวนิด ๆ หน่อย ๆ เอง จะอ่อนไหวอะไรหนักหนา ไม่ได้ข่มขืน ไม่ได้ทำให้ท้องสักหน่อย
4. ถ้ากลัวโดนลวนลามมากนักก็ไม่ต้องขึ้นรถคนแปลกหน้า ให้คนรู้จักไปส่ง ซื้อรถขับเอง จบ
5. เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า วางแผนแต่งตัวล่อแหลม โป๊ ๆ หลอกเหยื่อผู้ชายเพื่อเรียกเงินหรือเปล่า
อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? ถ้ามีใครก็ตามที่แสดงความเห็นแบบนี้ ผมบอกได้เลย คนคนนั้นจะโดนรุมด่ารุมประณามอย่างแรง โคตรชายแท้ โคตรปิตาธิปไตย ให้แม่หรือน้องสาวโดนจะพูดแบบนี้ไหม เลิกนิสัยเบลมเหยื่อซะ ต่าง ๆ นานา แต่อย่าลืมครับว่ามันก็คือหลักการวิธีคิดแบบเดียวกับเคสน้องเต้าหู้ที่ได้รับการกด Like กดถูกใจจากโซเชียลอ่ะครับ ซึ่งคือหลักการ "เบลมผู้เสียหาย"
(แฟนของหญิงที่โดนลวนลามออกมาให้สัมภาษณ์ประมาณว่า "ต่อให้แฟนผมแก้ผ้า คุณก็ไม่มีสิทธิมาลวนลามเขา" แล้วโซเชียลก็ถูกใจกันเต็ม แล้วถ้าเป็นเคสน้องเต้าหู้ เราพูดได้ไหมครับว่า "ต่อให้คนขับ Bolt ไม่ได้ป้องกันรถตัวเอง ไม่ได้ติดฟิล์ม คุณก็ไม่มีสิทธิทำรถเขาเป็นรอย")
ผมอยากตั้งคำถามอยากให้ทุกคนช่วยแสดงความคิดเห็นครับ
1. เพราะอะไร ทำไมเคสน้องเต้าหู้ โซเชียลถึงพร้อมใจกันเบลมผู้เสียหาย
2. เพราะอะไร ทำไมเคสหญิงโดนลวนลาม โซเชียลถึงพร้อมใจกันไม่เบลมผู้เสียหาย
3. ทุกคนคิดว่าคนเรามีหลักการยังไงในการเลือกว่าจะเบลมหรือไม่เบลมผู้เสียหายครับ
ขอบคุณครับ
เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ ใครที่ตอนนี้คิดว่าสองเคสนี้เอามาเทียบกันไม่ได้เพราะ "การทำรถเป็นรอย" กับ "การลวนลาม" มันเทียบกันไม่ได้ ผมอยากแสดงความเห็นแบบนี้ครับ คือคนเรามีความอ่อนไหวในเรื่องต่าง ๆ ไม่เท่ากัน แต่เราไม่ควรด้อยค่าความอ่อนไหวของคนอื่น เช่น:
- สมมติผมชอบหมา เพื่อนผมชอบแมว ผมก็ไม่ควรไปพูดว่าการรักหมามันมีคุณค่ามากกว่าการรักแมว ถูกไหมครับ
- ผมชอบอยู่บ้าน เพื่อนผมชอบไปเที่ยว ผมก็ไม่ควรไปพูดด้อยค่าการชอบเที่ยวของเขา ถูกไหมครับ
- ก็เหมือนกัน คนที่อ่อนไหวเรื่องการถูกลวนลาม ก็ไม่ควรมาดูถูกคนที่อ่อนไหวเรื่องรถเป็นรอย เขาก็รักของเขา ทำไมความอ่อนไหวเรื่องรถถึงมีคุณค่าและควรได้รับการใส่ใจน้อยกว่าความอ่อนไหวเรื่องการถูกลวนลาม จริงไหมครับ ?