จากที่ผ่านมาอย่างที่หลายคนรู้กันว่าคนเกาหลีชอบเหยียด ทั้งเหยียดกันเองและเหยียดชาติอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงก่อนหน้านี้ที่มีประเด็นหนักๆ เรื่องเกาหลีเหยียดคนไทยจนเกิดกระแสแบนเกาหลี ซึ่งคำถามในใจของหลายคนก็คงประมาณว่า เราก็อยู่ดีๆของเรา แถมชอบประเทศเขามาก แล้วมาเหยียดเราเพื่อ??? ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากสิ่งเหล่านี้ 3 อย่างด้วยกัน คือ
1. ความเป็นฮัน
ฮัน ในที่นี้มาจาก ฮัน ในฮันกุกหรือแทฮันมินกุก(สาธารณรัฐเกาหลี) ซึ่งเป็นคำที่คนเกาหลีใช้เรียกประเทศตัวเอง ซึ่งความเป็นฮันนั้นก็คือ ความเคียดแค้น ความเจ็บปวด และความรู้สึกถูดกดขี่ของคนเกาหลี ซึ่งมีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์ที่เกาหลีเคยถูกควบคุมโดยอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการเคยเป็นรัฐบรรณาการของจีนในอดีตหลายครั้ง ถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองในช่วงปี 1910-1945 (อยุธยาโดนพม่ายึดเรายังได้กู้กลับมา แต่เกาหลีไม่เคยมีโอกาสแบบนั้น) แล้วยังถูกแบ่งออกเป็นเหนือใต้ ประเทศเป็นกองเถ้าถ่าน พอสงครามยุติพวกเขาจึงต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ นำไปสู่การถีบตัวเองแบบก้าวกระโดด และทะเยอทะยานสูงมาก เพราะพวกเขารู้สึกว่าต้อง "พิสูจน์ตัวเอง" ให้โลกเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร (ยิ่งความรู้สึกของคนเกาหลีในช่วงหลังสงครามเกาหลีคือไม่ว่ายังไงต้องชนะญี่ปุ่นให้ได้) ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้สังคมเกาหลีมีการแข่งขันสูงมาก แต่ละคนต่างสนใจแค่ตัวเองและทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดีที่สุด โดยไม่สนใจคนรอบข้างและคนที่อ่อนแอกว่า "ซึ่งมันทำให้บางคนมองว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าตัวเองมันไร้ค่า" อีกอย่างหนึ่งที่เป็นผลจากความเป็นฮัน คือ อคติต่อชาวต่างชาติ ความรู้สึกที่ถูกชนชาติปกครองและกดขี่มาหลายต่อหลายครั้งในอดีตทำให้คนเกาหลี (โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เกิดทันยุคสงครามเกาหลี) ทำให้คนเกาหลีมีความเป็นชาตินิยมสูงมากและปิดกั้นชาวต่างชาติ รวมทั้งไม่ได้เปิดกว้างต่อชาวต่างชาติมากนัก แต่ถึงแม้ต้นตอของความเป็นฮันจะจบลงหลายปีแล้ว แต่ความเป็นฮันยังคงอยู่และฝังรากลึกตั้งแต่บ้าน การศึกษา การทำงาน ไปจนถึงระดับสังคม
2.ชนชั้นทางสังคม
ชนชั้นทางสังคมในเกาหลี ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเรียกได้ว่าฝังลึกมาก และมีอยู่ในทุกหนแห่งไม่ว่าจะครอบครัว โรงเรียน หรือที่ทำงาน ซึ่งพวกที่มีฐานะสูงกว่าก็จะปฏิบัติกับคนที่ฐานะด้อยกว่าด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ถ้าใครดูซีรีส์เรื่อง ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน จะเห็นเลยว่า ครอบครัวพระเอกนางเอกต่างก็จนทั้งคู่ แต่นางเอกจนกว่า เลยถูกครอบครัวพระเอกเหยียด ก็นั้นแหละขนาดคนจน ก็ยังมีชนชั้นอีกทีเลย ซึ่งสิ่งนี้แหละ เมื่อรวมเข้ากับการแข่งขันที่สูงและรุนแรง คนเกาหลีเลยพยายามที่จะเหนือกว่าคนอื่น คนที่ล้มเหลวบ้างก็โดนมองว่าเป็นขยะ ซึ่งทำให้คนเกาหลีบางคนมีนิสัยที่เหยียดและดูถูกคนที่ด้อยกว่าและทำเหมือนพวกเขาเป็นคนที่ไร้ค่า
3.ภาพจำของคนไทยในเกาหลี
จากข้อที่ 1 ที่บอกว่าคนเกาหลีอคติต่อคนต่างชาติและไม่ได้เปิดกว้างกับคนต่างชาติมากนัก ทำให้จนถึงช่วงยุค 90 เกาหลีมีต่างชาติอยู่น้อยมาก ทำให้บางคนยังส่งต่อทัศนคติที่ว่า ชาตินั้นชาตินี้ด้อยกว่า เราดีกว่า อีกอย่างคือ แรงงานไทยในเกาหลี ซึ่งมีทั้งที่เข้าไปแบบถูกกฎหมายและแบบผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เข้าไปแบบผิดกฎหมายนั้นจะเห็นตามหน้าสื่อเกาหลีบ่อยมาก จนเป็นภาพจำของบางคน ทำให้เกิดทัศนคติที่ว่า คนไทยเป็นพวกยากจนใช้แรงงาน ซึ่งก็ตามข้อ 2 ชนชั้นทางสังคมในเกาหลีมันฝังนิสัยที่เมื่อพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าก็จะมองคนที่ด้อยกว่าอย่างดูถูก (ต่อให้ไทยพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้ว บางคนก็จะยังติดภาพจำเดิมๆอยู่) ซึ่งล่าสุดมีคนไทยที่ไปเรียนที่เกาหลีเล่าว่า มีบางคนที่เป็นแรงงาน เข้าเกาหลีไปโดยใช้วีซ่านักเรียน แต่สุดท้ายไม่ไปเรียน เพราะโดดเรียนไปทำงาน (อันนี้บอกตรงๆว่า แย่มาก เพราะทุนเกาหลี ก็ยากและน้อยอยู่แล้ว)
เพิ่มเติม
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหม แต่อาจจะมีส่วน คือ การรับสารของเกาหลี เขามักจะรับสารจากคนประเทศตัวเอง อย่างสมมติเวลาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ คนไทยจะเลือกอ่านรีวิวทั้งคนไทยที่เคยไป และคนต่างชาติ แต่ถ้าเป็นคนเกาหลีมักจะอ่านแต่ของคนเกาหลีด้วยกัน แล้วไปเที่ยวตามที่คนเกาหลีที่เคยไปรีวิวไว้แบบเป๊ะๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็เลยอาจเป็นไปได้ที่ บางคนพอฟังจากคนเกาหลีบางคนที่ดูถูกไทย ก็จะพลอยดูถูกไทยไปด้วยโดยที่ไม่คิดอะไรมากความ
สรุปก็คือ ที่คนเกาหลีบางคนเหยียดไทย ไม่ใช่เพราะเขาเกลียดเรา แต่พวกเขาเหยียดเพราะผลลัพธ์จากสภาพสังคมของพวกเขาที่หล่อหลอมพวกเขาให้กลายเป็นแบบนั้น ( จึงทำให้บางครั้ง เราจึงเจอคนเกาหลีบางคนที่ไปเรียน หรือใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก มักมีนิสัยหรือทัศนคติที่ต่างจากคนที่เกิดและโตในประเทศ ก็เพราะเขาได้รับอิทธิพลจากทั้ง 3 อย่างนั้นน้อยมาก )
แต่
ก็ไม่ได้มีแต่คนเกาหลีที่เหยียด แต่ก็มีคนเกาหลีจำนวนมากที่ชื่นชอบและชื่นชมไทย ไม่ว่าจะอาหาร วัฒนธรรม และยกไทยเป็นปลายทางในการท่องเที่ยว รู้สึกว่าเคยได้ยินประโยคนี้จากช่องยูทูปของคนเกาหลีที่อยู่ในไทยว่า มีคนเกาหลีที่ไม่เคยมาเที่ยวไทย แต่ไม่มีคนเกาหลีที่มาเที่ยวไทยเพียงครั้งเดียว อีกอย่างคือ คนรุ่นใหม่ในเกาหลีเองก็เปิดกว้างมากขึ้น และยังมีคนเกาหลีอีกเยอะที่ใจดีกับคนไทย
ความเป็น "ฮัน" และสภาพสังคมของเกาหลี สิ่งที่ทำให้เกาหลีเป็นเกาหลีแบบทุกวันนี้
1. ความเป็นฮัน
ฮัน ในที่นี้มาจาก ฮัน ในฮันกุกหรือแทฮันมินกุก(สาธารณรัฐเกาหลี) ซึ่งเป็นคำที่คนเกาหลีใช้เรียกประเทศตัวเอง ซึ่งความเป็นฮันนั้นก็คือ ความเคียดแค้น ความเจ็บปวด และความรู้สึกถูดกดขี่ของคนเกาหลี ซึ่งมีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์ที่เกาหลีเคยถูกควบคุมโดยอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการเคยเป็นรัฐบรรณาการของจีนในอดีตหลายครั้ง ถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองในช่วงปี 1910-1945 (อยุธยาโดนพม่ายึดเรายังได้กู้กลับมา แต่เกาหลีไม่เคยมีโอกาสแบบนั้น) แล้วยังถูกแบ่งออกเป็นเหนือใต้ ประเทศเป็นกองเถ้าถ่าน พอสงครามยุติพวกเขาจึงต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ นำไปสู่การถีบตัวเองแบบก้าวกระโดด และทะเยอทะยานสูงมาก เพราะพวกเขารู้สึกว่าต้อง "พิสูจน์ตัวเอง" ให้โลกเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร (ยิ่งความรู้สึกของคนเกาหลีในช่วงหลังสงครามเกาหลีคือไม่ว่ายังไงต้องชนะญี่ปุ่นให้ได้) ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้สังคมเกาหลีมีการแข่งขันสูงมาก แต่ละคนต่างสนใจแค่ตัวเองและทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดีที่สุด โดยไม่สนใจคนรอบข้างและคนที่อ่อนแอกว่า "ซึ่งมันทำให้บางคนมองว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าตัวเองมันไร้ค่า" อีกอย่างหนึ่งที่เป็นผลจากความเป็นฮัน คือ อคติต่อชาวต่างชาติ ความรู้สึกที่ถูกชนชาติปกครองและกดขี่มาหลายต่อหลายครั้งในอดีตทำให้คนเกาหลี (โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เกิดทันยุคสงครามเกาหลี) ทำให้คนเกาหลีมีความเป็นชาตินิยมสูงมากและปิดกั้นชาวต่างชาติ รวมทั้งไม่ได้เปิดกว้างต่อชาวต่างชาติมากนัก แต่ถึงแม้ต้นตอของความเป็นฮันจะจบลงหลายปีแล้ว แต่ความเป็นฮันยังคงอยู่และฝังรากลึกตั้งแต่บ้าน การศึกษา การทำงาน ไปจนถึงระดับสังคม
2.ชนชั้นทางสังคม
ชนชั้นทางสังคมในเกาหลี ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเรียกได้ว่าฝังลึกมาก และมีอยู่ในทุกหนแห่งไม่ว่าจะครอบครัว โรงเรียน หรือที่ทำงาน ซึ่งพวกที่มีฐานะสูงกว่าก็จะปฏิบัติกับคนที่ฐานะด้อยกว่าด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ถ้าใครดูซีรีส์เรื่อง ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน จะเห็นเลยว่า ครอบครัวพระเอกนางเอกต่างก็จนทั้งคู่ แต่นางเอกจนกว่า เลยถูกครอบครัวพระเอกเหยียด ก็นั้นแหละขนาดคนจน ก็ยังมีชนชั้นอีกทีเลย ซึ่งสิ่งนี้แหละ เมื่อรวมเข้ากับการแข่งขันที่สูงและรุนแรง คนเกาหลีเลยพยายามที่จะเหนือกว่าคนอื่น คนที่ล้มเหลวบ้างก็โดนมองว่าเป็นขยะ ซึ่งทำให้คนเกาหลีบางคนมีนิสัยที่เหยียดและดูถูกคนที่ด้อยกว่าและทำเหมือนพวกเขาเป็นคนที่ไร้ค่า
3.ภาพจำของคนไทยในเกาหลี
จากข้อที่ 1 ที่บอกว่าคนเกาหลีอคติต่อคนต่างชาติและไม่ได้เปิดกว้างกับคนต่างชาติมากนัก ทำให้จนถึงช่วงยุค 90 เกาหลีมีต่างชาติอยู่น้อยมาก ทำให้บางคนยังส่งต่อทัศนคติที่ว่า ชาตินั้นชาตินี้ด้อยกว่า เราดีกว่า อีกอย่างคือ แรงงานไทยในเกาหลี ซึ่งมีทั้งที่เข้าไปแบบถูกกฎหมายและแบบผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เข้าไปแบบผิดกฎหมายนั้นจะเห็นตามหน้าสื่อเกาหลีบ่อยมาก จนเป็นภาพจำของบางคน ทำให้เกิดทัศนคติที่ว่า คนไทยเป็นพวกยากจนใช้แรงงาน ซึ่งก็ตามข้อ 2 ชนชั้นทางสังคมในเกาหลีมันฝังนิสัยที่เมื่อพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าก็จะมองคนที่ด้อยกว่าอย่างดูถูก (ต่อให้ไทยพัฒนาไปไหนต่อไหนแล้ว บางคนก็จะยังติดภาพจำเดิมๆอยู่) ซึ่งล่าสุดมีคนไทยที่ไปเรียนที่เกาหลีเล่าว่า มีบางคนที่เป็นแรงงาน เข้าเกาหลีไปโดยใช้วีซ่านักเรียน แต่สุดท้ายไม่ไปเรียน เพราะโดดเรียนไปทำงาน (อันนี้บอกตรงๆว่า แย่มาก เพราะทุนเกาหลี ก็ยากและน้อยอยู่แล้ว)
เพิ่มเติม
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหม แต่อาจจะมีส่วน คือ การรับสารของเกาหลี เขามักจะรับสารจากคนประเทศตัวเอง อย่างสมมติเวลาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ คนไทยจะเลือกอ่านรีวิวทั้งคนไทยที่เคยไป และคนต่างชาติ แต่ถ้าเป็นคนเกาหลีมักจะอ่านแต่ของคนเกาหลีด้วยกัน แล้วไปเที่ยวตามที่คนเกาหลีที่เคยไปรีวิวไว้แบบเป๊ะๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็เลยอาจเป็นไปได้ที่ บางคนพอฟังจากคนเกาหลีบางคนที่ดูถูกไทย ก็จะพลอยดูถูกไทยไปด้วยโดยที่ไม่คิดอะไรมากความ
สรุปก็คือ ที่คนเกาหลีบางคนเหยียดไทย ไม่ใช่เพราะเขาเกลียดเรา แต่พวกเขาเหยียดเพราะผลลัพธ์จากสภาพสังคมของพวกเขาที่หล่อหลอมพวกเขาให้กลายเป็นแบบนั้น ( จึงทำให้บางครั้ง เราจึงเจอคนเกาหลีบางคนที่ไปเรียน หรือใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก มักมีนิสัยหรือทัศนคติที่ต่างจากคนที่เกิดและโตในประเทศ ก็เพราะเขาได้รับอิทธิพลจากทั้ง 3 อย่างนั้นน้อยมาก )
แต่
ก็ไม่ได้มีแต่คนเกาหลีที่เหยียด แต่ก็มีคนเกาหลีจำนวนมากที่ชื่นชอบและชื่นชมไทย ไม่ว่าจะอาหาร วัฒนธรรม และยกไทยเป็นปลายทางในการท่องเที่ยว รู้สึกว่าเคยได้ยินประโยคนี้จากช่องยูทูปของคนเกาหลีที่อยู่ในไทยว่า มีคนเกาหลีที่ไม่เคยมาเที่ยวไทย แต่ไม่มีคนเกาหลีที่มาเที่ยวไทยเพียงครั้งเดียว อีกอย่างคือ คนรุ่นใหม่ในเกาหลีเองก็เปิดกว้างมากขึ้น และยังมีคนเกาหลีอีกเยอะที่ใจดีกับคนไทย