บรูนินโญ่มั่นใจว่าเขาจะไม่เดินตามรอยเท้าของพ่อของเขาซึ่งเป็นผู้มีเหรียญโอลิมปิก 7 สมัยอย่างเบอร์นาดินโญ่ ระหว่างการเยือน CBC & Clubes Expo  มือเซตวัย 38 ปี ซึ่งเป็นแชมป์กับทีมชาติบราซิลในโอลิมปิกที่ริโอ 2016 และผู้ได้รับเหรียญเงินในปักกิ่ง 2008 และลอนดอน 2012 ได้ย้ำถึงจุดสิ้นสุดของเขากับทีมชาติ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความจำเป็นในการดูแลตัวเองเพื่อเล่นให้กับ Vôlei Renata ต่อไปในวัย 38 ปี และปฏิเสธแผนการหลังจากเลิกเล่นอาชีพที่จะเป็นโค้ช

บรูนินโญ่ กล่าวไว้ว่า การที่จะเป็นโค้ชนั้น สิ่งที่ยากที่สุดคือการที่ต้องเลิกเล่น  “ผมอยากที่เล่นกีฬาต่อไปอย่างแน่นอน มันเป็นความฝันของผม เป็นสิ่งที่ผมชอบทำมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่วอลเลย์บอลเท่านั้น แต่รวมถึงกีฬาอื่นๆ ที่ผมติดตามด้วย การเป็นโค้ชเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คิดถึงในปัจจุบัน สิ่งต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ทุกวันนี้ผมไม่ได้คิดถึงมัน มันเป็นชีวิตที่เข้มข้นมาก เหมือนกับชีวิตนักกีฬาของเรา คุณต้องเล่นเป็นเวลา 20 ปี และฝึกสอนอีก 20 ปี มันต้องอาศัยความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และความรักอย่างมากในสิ่งที่ทำ” เขาอธิบาย

 

 

 บรูนินโญ่ยังย้ำด้วยว่าเวลาของเขากับทีมชาติบราซิลสิ้นสุดลงหลังจบการแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีส 2024 อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าการตัดสินใจนี้อาจไม่สามารถย้อนกลับได้ “ฉันได้เรียนรู้ในชีวิตว่าการพูดว่า ‘ไม่’ ‘จะไม่ทำอีก’ หรือ ‘ใช่’ มันเป็นเรื่องถาวร มันเป็นเรื่องยากที่จะทำสิ่งพวกนั้นให้สำเร็จ เพราะเราไม่เคยรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดวันนี้ ว่าวงจรของฉันสิ้นสุดลงแล้ว ใช่” เขากล่าวแสดงความเห็น

 

 

แม้ว่าเขาจะตัดความเป็นไปได้ในการเดินตามเส้นทางของพ่อของเขาในฐานะโค้ช แต่บรูนินโญ่ก็เสนอให้คำปรึกษาแบร์นาดินโญ่ฟรีๆ เมื่อถูกถามว่าใครจะเป็นทายาทเซ็ตเตอร์ตัวหลัก เขาไม่ได้นิ่งเฉย “เรามี Cachopa มาตั้งแต่ปี 2019 การที่เขาไปอิตาลีถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตของตัวเขา โดยเฉพาะในส่วนของแท็คติกที่ต้องเล่นกับผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดเวลา Cachopa พร้อมที่จะรับบทบาทที่เขาเคยเป็นในอดีตโดยการลงเล่นในฐานะตัวจริง" เขากล่าว

 

 

และแคนดิเดตหลักที่จะขึ้นเป็นกัปตันคือใคร? สำหรับบรูนินโญ่ ผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อไปคือหัวเสาอย่าง Lucarelli  “มันเป็นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ละคนมีสไตล์และบุคลิกภาพเป็นของตัวเอง แต่เขาเป็นคนที่เติบโตและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากในกลุ่มนี้ ทั้งในการเข้าใจเพื่อนร่วมทีมและสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา ฉันเชื่อว่าเขามีทุกสิ่งที่จะเป็นกัปตันทีมคนสำคัญของเราได้”

 

 

7 เดือนหลังจากที่ตกรอบก่อนรองชนะเลิศโอลิมปิกให้กับสหรัฐที่ปารีส 2024 บรูนินโญ่ได้วิเคราะห์ออกมาว่า การปรับโครงสร้างทีมถูกทำอย่างเร่งรัด และการขาดความอดทนก็สะท้อนออกมาในสนาม “ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอาจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างราบรื่นตามที่ควรจะเป็น ความกดดันเรื่องผลงานในบราซิลถือเป็นเรื่องปกติและทำให้ทุกอย่างต้องเร่งรีบและขาดความอดทน ดังนั้นการเริ่มใหม่และช่วงเวลาใหม่ของทีมชาติจึงควรได้รับการเคารพ แม้แต่จากพวกเราเองด้วย” เขาประเมิน

 
การได้รับชัยชนะเป็นกิจวัตรและการขึ้นโพเดียมและตำแหน่งต่างๆ ในช่วงอดีตที่ไม่ไกลนักทำให้เกิดความผิดหวังในทีม “เราคุ้นเคยกับการเข้ารอบชิงชนะเลิศและต่อสู้เพื่อแชมป์มาตลอด เราพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป สิ่งนี้ทำให้รู้สึกหงุดหงิด และบางทีเราอาจจะไม่ตระหนักถึงมันเท่าที่ควร"

 

 
ใน Cycle นี้มีการเปลี่ยนแปลงในด้าน leadership เช่น การอำลาของ Renan Dal Zotto กับการกลับมาของ Bernardinho การขาดเคมีระหว่างผู้เล่นบางคนและการสูญเสียนักกีฬาเนื่องจากการบาดเจ็บก็ส่งผลกระทบเช่นกัน “ทุกสิ่งทำให้เส้นทางของเรายากขึ้นนิดหน่อย มันน่าหงุดหงิด ฉันได้เข้าร่วมทีมชาติในปี 2549 และหลังจากได้รับชัยชนะมากมายและผลงานดีๆ มากมาย การจบลงในตำแหน่งที่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ ถือเป็นเรื่องที่หงุดหงิด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ “เราต้องตระหนักว่าเป็นเรื่องยากที่จะรักษาตำแหน่งอันดับสองหรือสามที่ดีที่สุดในทุกรายการได้นานกว่า 20 ปี อย่าง บราซิล” เขากล่าวเน้น
 

  

เพื่อให้ Cycle ก่อนการแข่งขันที่ลอสแองเจลิสในปี 2028 แตกต่างออกไป และเพื่อให้ฤดูกาล 2025 ยุติการจบโดยที่ไม่มีแชมป์ในรายการเนชั่นส์ลีก (4 ปี) และชิงแชมป์โลก (15 ปี) ตามลำดับ บรูนินโญ่ขอให้แฟนๆ เข้าใจและใจเย็นมากขึ้น “เราต้องอดทนไว้ นี่คือวัฏจักรใหม่ มีผู้เล่นใหม่ และเราต้องอดทนก่อนที่จะเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ นี่เป็นสิ่งสำคัญ” เขาโต้แย้ง

 

  

ref : https://www.correiobraziliense.com.br/esportes/2025/03/7083251-bruninho-reforca-fim-de-ciclo-na-selecao-e-rechaca-virar-treinador.html