Beijing Haoyang ลงทุน 2.2 พันล้านดอลลาร์ สร้างศูนย์ข้อมูล 300 เมกะวัตต์ในไทย



ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลในไทย

บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากจีน Beijing Haoyang ได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI) ให้สร้าง ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาด 300 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งถือเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีการประกาศจนถึงปัจจุบัน โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 72.7 พันล้านบาท (2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง ศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค และเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

---

BOI อนุมัติหลายโครงการศูนย์ข้อมูล

นอกจากโครงการของ Beijing Haoyang แล้ว BOI ยังให้การอนุมัติแก่โครงการศูนย์ข้อมูลอีก 2 แห่ง ได้แก่:

Empyrion Digital จากสิงคโปร์ – สร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 12 เมกะวัตต์ มูลค่า 4.7 พันล้านบาท

GSA Data Center (บริษัทร่วมทุนของ Gulf Energy, AIS และ Singtel) – สร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 35 เมกะวัตต์ มูลค่า 13.5 พันล้านบาท

ซึ่งโครงการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการขยายตัวของตลาด Data Center ในไทย ที่กำลังแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์

---

การแข่งขันด้านศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การลงทุนของ Beijing Haoyang เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคนี้ โดยก่อนหน้านี้มีโครงการใหญ่ๆ เช่น:

TikTok – ประกาศลงทุน 126 พันล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลใน 3 จังหวัดของไทย รวมถึงกรุงเทพฯ

Google – วางแผนลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ สร้างศูนย์ข้อมูลในไทย

Microsoft – ลงทุน 1.7 พันล้านดอลลาร์ ในมาเลเซีย และมีแผนลงทุนในไทยเช่นกัน

Oracle – ลงทุน 6.5 พันล้านดอลลาร์ ในโครงสร้างพื้นฐาน Cloud Computing ในมาเลเซีย

มาเลเซียเป็นผู้นำในตลาดศูนย์ข้อมูลของภูมิภาค โดยมีโครงการ NTT Data จากญี่ปุ่น สร้างศูนย์ข้อมูลขนาด 290 เมกะวัตต์ ในรัฐยะโฮร์ ซึ่งก่อนหน้าการลงทุนของ Beijing Haoyang โครงการนี้ถือเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการประกาศออกมา

---

ไทยกับบทบาทศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค

การลงทุนของ Beijing Haoyang ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของไทยในการเป็น ศูนย์กลางดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจ E-commerce, AI และ Cloud Computing กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์จาก Krungthai Compass ระบุว่า:

> "แม้ TikTok จะมีมูลค่าการลงทุนสูงสุด แต่ Beijing Haoyang ถือเป็นการลงทุนในศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของกำลังไฟฟ้า (MW) ที่ประกาศออกมา"

นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติส่วนใหญ่เลือกลงทุนในไทยผ่านสิงคโปร์ ซึ่งได้กลายเป็นแหล่ง Foreign Direct Investment (FDI) ที่สำคัญของไทย โดยนักลงทุนจากจีนและสหรัฐฯ ใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการขยายธุรกิจมายังไทย

นายนฤทธิ์ เตชะธีรสุทธิ์ เลขาธิการ BOI กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลว่า:

> "การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงศูนย์ข้อมูล เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล"

---

สรุป

Beijing Haoyang ลงทุน 72.7 พันล้านบาท สร้าง ศูนย์ข้อมูล 300 เมกะวัตต์ ในไทย ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดที่มีการประกาศในประเทศ

BOI อนุมัติหลายโครงการศูนย์ข้อมูล รวมถึงของ Empyrion Digital (12MW) และ GSA Data Center (35MW)

การแข่งขันในอุตสาหกรรม Data Center สูงขึ้น โดยไทยกำลังพยายามไล่ตามมาเลเซียซึ่งเป็นผู้นำของภูมิภาค

นักลงทุนต่างชาติเข้ามาไทยผ่านสิงคโปร์ ซึ่งกลายเป็นแหล่ง FDI สำคัญของไทย

ไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน ด้วยการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั่วโลก

การลงทุนของ Beijing Haoyang และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ จะช่วยให้ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยแข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

cr ทิวา ชินธาดาพงศ์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่