(กระทู้นี้แปลจาก บทความของ Greg อ่านต้นฉบับได้ที่ https://www.onepiecepodcast.com/theendofonepiece )
จุดจบของ ONE PIECE

---

ตอนที่ 5: เรื่องราวที่ไม่มีวันจบสิ้น

---

"มันจะจบเมื่อไหร่?"
คำถามที่เราตามหามาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของซีรีส์นี้ อย่างที่ฉันเขียนไว้ในตอนที่ 1 เราไม่มีทางรู้คำตอบที่แน่ชัดของคำถามนี้ได้เลยหากไม่มีโชคช่วย แต่เราสามารถพยายามคาดการณ์อย่างมีข้อมูลได้โดยอิงจากแหล่งข้อมูลสาธารณะที่มีอยู่ และที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้เกี่ยวกับตัวผู้สร้างของมันเอง เออิจิโร โอดะ
จากการเดินทางของเราผ่านวัฒนธรรม ภาษา และกาลเวลา สอนอะไรเราบ้างเกี่ยวกับโอดะ?
ว่าต่อให้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่า ONE PIECE จะจบลงเมื่อไหร่
แต่เรื่องนั้นจะไม่หยุดฉันจากการรวบรวมทุกอย่างที่เราเรียนรู้มาเพื่อพยายามระบุช่วงเวลาที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับบทสรุปของ ONE PIECE
ตั้งแต่ที่เราค้นคว้าคำพูดทุกประโยคและวิเคราะห์ทุกแง่มุมทางเทคนิคจนหมดสิ้น เหลือเพียงสิ่งสุดท้ายที่ต้องสำรวจ:
การตั้งทฤษฎี โว้ย!
ถึงเหล่าผู้หลงใหลในทฤษฎีทั้งหลาย ขอโทษที่ให้รอนาน
ปริศนาชิ้นสุดท้ายก่อนที่เราจะเปิดประตูไปสู่คำตอบของเราคือ การพยายามประเมินว่าซีรีส์กำลังจะมุ่งหน้าไปทางไหนต่อจากนี้ และยังมีจุดสำคัญอะไรที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่เราจะไปถึงบทสุดท้ายที่รอคอย
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการมองภาพรวมของสิ่งที่ยังเหลืออยู่ คือการทำสิ่งเดียวกับที่โอดะทำ นั่นก็คือ เริ่มต้นจากตอนจบ แล้วค่อยย้อนกลับมาข้างหน้า
เนื่องจากเป้าหมายของเราคือการประมาณการช่วงเวลาที่ ONE PIECE จะจบลงให้แม่นยำที่สุด วิธีที่ดีที่สุดในการกรองทฤษฎีมากมายนับไม่ถ้วนที่มีอยู่ ก็คือการระบุว่า มีปัจจัยใดบ้างที่ "จำเป็นต้องมี" สำหรับตอนจบของเรื่อง

---

ภารกิจที่ 1 กำหนดองค์ประกอบหลักที่เป็นจุดยึดสำหรับตอนจบของเรื่อง

---

ปลายทางมาก่อนการเดินทาง
คำถามที่ 1
มีองค์ประกอบใดบ้างที่ต้องรวมอยู่ในตอนจบของ ONE PIECE อย่างแน่นอน?
การระบุปัจจัยที่แน่นอนใด ๆ สำหรับตอนจบของเรื่องจะช่วยให้เรามีจุดเริ่มต้นในการวิเคราะห์
เช่นเดียวกับ DRAGONBALL, SLAM DUNK, Bleach และ Naruto ก่อนหน้านี้ ONE PIECE เป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้มันจบลงโดยสมบูรณ์หลังจากที่ซีรีส์รายสัปดาห์สิ้นสุดลง
เกือบสามทศวรรษหลังจากตอนจบของ DRAGONBALL เราก็ยังคงเห็นซีรีส์ดำเนินต่อไปในรูปแบบต่าง ๆ แม้จะมีช่วงหยุดพักที่ถูกคำนวณมาแล้วก็ตาม Bleach ก็มักจะมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ Naruto ก็แทบจะไม่เคยจบจริง ๆ และแม้แต่ SLAM DUNK ก็ยังมีการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ประสบความสำเร็จ และอาจจะ (หรือมีแนวโน้มสูงว่าจะ) มีภาคต่อออกมาอีก
อนาคตของ ONE PIECE ขึ้นอยู่กับความต้องการของโอดะเกือบทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าโลกของเขาจะไม่แล่นจากไปสู่พระอาทิตย์ตกหลังจากบทสุดท้ายของซีรีส์ แม้ว่าตัวละครหลักอาจจะทำเช่นนั้นก็ตาม
โลกของ ONE PIECE ในจักรวาลหลักน่าจะดำเนินต่อไปในบางรูปแบบหลังจากที่ซีรีส์หลักจบลง แต่จะเกิดขึ้นหลังจากช่วงหยุดพักที่สำคัญ
โอดะเองก็มีความกังวลเกี่ยวกับการมอบอำนาจการควบคุมงานของเขาให้กับคนอื่น ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะละทิ้งทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่ ONE PIECE จะกลายเป็นในอนาคต
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะกระโดดเข้ามาควบคุมโครงการใหม่ทันที
หลังจากทำงานกับซีรีส์มานานกว่าสองทศวรรษครึ่ง ฉันไม่คิดว่าเขาจะเข้ามามีบทบาทกำกับดูแลอย่างสม่ำเสมอในทันที อย่างน้อยก็คงต้องรอให้อนิเมะรายสัปดาห์ของ Toei จบลงก่อน
ส่วน ONE PIECE ฉบับใหม่ที่จะตามมาจะยังคงมีพวกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางหรือไม่? ฉันไม่คิดว่าเป็นไปได้
แค่ให้โอดะปล่อยมือจากการควบคุมโครงเรื่องโดยสมบูรณ์ก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว นับประสาอะไรกับการปล่อยมือจากตัวละครที่อยู่ในหัวใจและจิตใจของเขามาโดยตลอด
ฉันคาดว่ากลุ่มหมวกฟางจะกลายเป็น "ตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่" ในโลกของ ONE PIECE ไม่ต่างจาก ไวท์เบียร์ด, เรย์ลีย์, กัปตันการ์ป ฯลฯ ที่ปรากฏในเรื่องปัจจุบัน
ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะมีบทบาทสำคัญในซีรีส์ภาคต่ออย่างน้อยในช่วง 5-10 ปีแรกหลังจากที่ ONE PIECE จบลง หรืออาจจะเป็นเพียงภาคเสริมในอนิเมะของ Toei หรือแม้แต่การรีเมค (หากไปถึงจุดนั้น)
ฉันไม่รู้ว่าโอดะจะสามารถตัดขาดจากโลกที่เขาสร้างขึ้นได้ตลอดไปหรือไม่ แต่ฉันคิดว่าเขาจะให้กลุ่มหมวกฟางได้พักผ่อนอย่างยาวนาน
เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าฉันคิดถูกหรือผิด และด้วยเหตุผลของตัวเอง โอดะอาจกลายเป็นนักเขียนมังงะระดับโลกคนแรกที่ปล่อยให้โลกของเขาจบลงพร้อมกับซีรีส์หลักและเดินจากไปโดยสมบูรณ์
เขาชอบเป็นผู้บุกเบิก และการทำแบบนั้นก็ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ "เท่" ในแบบของเขา
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของ ONE PIECE นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะปล่อยให้หายไปโดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบในระดับมนุษย์
หากปิดตำนานนี้ลงไปโดยสิ้นเชิง จะเท่ากับเป็นการทำลายแหล่งรายได้ของสื่อและธุรกิจนับสิบ นับร้อยแห่งที่พึ่งพา ONE PIECE
โอดะจะต้องผลักไสคนหลายพันคนให้ตกอยู่ในภาวะลำบาก ซึ่งฉันไม่เชื่อว่าเขาจะรู้สึกสบายใจกับการตัดสินใจแบบนั้น ไม่ว่าจะในแง่ส่วนตัวหรือแม้แต่ในแง่วัฒนธรรมก็ตาม
สรุป
ฉันจะยึดสมมติฐานว่า ONE PIECE จะดำเนินต่อไปในบางรูปแบบของการเผยแพร่ต่อเนื่องหลังจากที่ซีรีส์หลักจบลง
ดังนั้น ตอนจบของเรื่องจะต้องมีองค์ประกอบที่น่าพึงพอใจและเป็นธรรมชาติ ซึ่งเปิดโอกาสให้โลกของ ONE PIECE สามารถถูกสำรวจต่อไปได้ ไม่ว่าจะมีกลุ่มหมวกฟางหรือไม่ก็ตาม
แม้ว่าการเผยแพร่นี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่ฉันไม่เชื่อว่ามันจะติดตามกลุ่มหมวกฟางโดยตรงในช่วงแรก (ยกเว้นในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชันหรือเนื้อหาเสริมในอนิเมะ)
คำถามที่ 2
เพื่อให้เป็นไปตามสมมติฐานที่ว่าโลกของ ONE PIECE ต้องดำเนินต่อไปในบางรูปแบบ เมื่อตอนจบมาถึง เรื่องราวจำเป็นต้องถูกวางตำแหน่งอย่างไร?
โชคดีที่โอดะได้วางรากฐานสำหรับช่วงเวลานี้ผ่านจังหวะการเล่าเรื่องภายในโลกของ ONE PIECE มาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการตีพิมพ์
ตอนจบของ ONE PIECE จะต้องทำให้กลุ่มหมวกฟางได้ปิดฉาก 'ช่วงเวลาที่น่าสนใจที่สุดของการผจญภัย' ตามที่โอดะกล่าวไว้เอง พร้อมกับเปิดโอกาสให้โลกนี้สามารถเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ของการค้นพบ
แม้ว่าปัจจัยอื่น ๆ ทั้งหมดอาจยังไม่แน่นอน แต่ตัวละครวัยเยาว์ที่ลูฟี่และกลุ่มหมวกฟางมีอิทธิพลโดยตรงต่อพวกเขาตลอดทั้งเรื่อง ต้องมี 'สนามเด็กเล่น' ทางทฤษฎีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ออกเดินทางสำรวจในฐานะนักผจญภัยรุ่นต่อไป
คำตอบ:
ตัวละครวัยเยาว์ในโลกนี้ (และอีกมากมาย) ต้องถูกทิ้งไว้พร้อมกับ 'สนามเด็กเล่น' ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาสำรวจโลกในวิธีที่ก่อนหน้านี้เป็นไปไม่ได้เลยทั้งในทางความคิดและทางกายภาพ
สิ่งนี้จำเป็นต้องมีการลบหรือเปลี่ยนแปลงอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งในทางการเมือง (รัฐบาลโลก) และทางกายภาพ (Red Line/Grand Line)
หากเรานำความชอบของโอดะที่มีต่อการสร้างฉากดราม่าเข้ามาประกอบกับตรรกะนี้ และเพิ่มสีสันของลักษณะการเล่าเรื่องในมังงะเข้าไปอีก อุปสรรคทั้งสองนี้มีแนวโน้มที่จะถูกจัดการพร้อมกัน
และเหตุการณ์นี้จะนำพาให้ ลูฟี่ต้องเผชิญหน้ากับอิมูในจุดตัดของ Red Line และ Grand Line
มุมมองแย้ง!
หากโอดะตัดสินใจว่าเรื่องราวของโรเจอร์ หรือแม้แต่จอยบอย ควรค่าแก่การสำรวจในฐานะซีรีส์ภาคต้นระยะยาว การให้เหตุผลของฉันในที่นี้อาจมีน้ำหนักเพียงบางส่วน และอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่รับประกันว่าจะเกิดขึ้น
เนื่องจากโอกาสสำหรับการสำรวจสิ่งใหม่ ๆ และสิ่งที่คาดไม่ถึงในยุคปัจจุบันอาจไม่จำเป็นหรือไม่มีความสำคัญมากนักหลังจากที่ซีรีส์หลักจบลง
คำถามที่ 3
จุดใดบนเส้น Grand Line/Red Line ที่สถานการณ์ข้างต้นควรเกิดขึ้นอย่างแม่นยำ?
เริ่มต้นด้วยการละเว้นอารมณ์ร่วมที่เกี่ยวกับลาบูนที่รอบรู๊คอยู่ที่ Twin Capes ไปก่อน แล้วลองพิจารณาว่าสิ่งใดจะสมเหตุสมผลที่สุดตามโครงสร้างของมังงะแนวแอ็กชัน/ผจญภัยแบบโชเน็นโดยทั่วไป
หากตัวละครหลักไม่ได้อยู่ในช่วงพัฒนาตัวเอง พวกเขาควรจะต้องเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ ทั้งในแง่ภูมิศาสตร์และการเติบโตทางเนื้อเรื่อง และถ้าไม่ใช่ไปข้างหน้า ก็ควรเป็นไปด้านข้างแทน
ในกรณีของ ONE PIECE เส้นทางค่อนข้างตรงไปตรงมา เพราะมันถูกออกแบบให้เป็นเหมือน "ทางเดิน" ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและเหตุการณ์สนุก ๆ ตามที่โอดะสร้างขึ้นมา
ดังนั้น ฉันไม่คิดว่าการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายจำเป็นต้องเกิดขึ้นที่แมรี่จัวร์ (MG) แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่ดูเหมาะสมสำหรับให้ลูฟี่ใช้หมัดเทพของเขากระแทกลงไปเพื่อทวงคืนความยุติธรรมก็ตาม
MG อาจถูกทำลายจากการกระทำของลูฟี่ แต่ฉันยังไม่ปักใจเชื่อว่ากลุ่มหมวกฟางต้องใช้ MG เป็นจุดศูนย์กลางของการต่อสู้สุดท้าย เพราะการย้อนกลับไปยังสถานที่เดิม อาจทำให้เส้นทางที่พวกเขาผ่านมาต้องถูกลดทอนความสำคัญลง (แม้ว่าจะมีวิธีทำให้มันสมเหตุสมผลก็ตาม)
คำตอบ:
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ข้อสรุปที่แน่นอน แต่ฉันเสนอว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของกลุ่มหมวกฟางจะดีที่สุดหากเกิดขึ้นที่บริเวณที่พวกเขาพยายามดิ้นรนเพื่อไปให้ถึงมาโดยตลอด นั่นคือ บริเวณฝั่งนิวเวิลด์ของภูเขารีเวิร์ส (Reverse Mountain) และหากไม่ใช่ที่นั่น ก็ต้องเป็นที่ MG
หากนี่เป็นเส้นทางหลักของตรรกะเชิงดราม่า เราก็สามารถเริ่มพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำให้สถานที่นี้เหมาะสม เช่น บทบาทของลาบูน ที่จะเป็นการปิดฉากเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ หรือแนวคิดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปิดวงจรของเรื่องราว เช่น จุดที่ถูกทำเครื่องหมาย X 


สรุปภารกิจที่ 1
เพื่อรักษามรดกของ ONE PIECE ในโลกแห่งความเป็นจริง ฉันเสนอว่า ลูฟี่ต้องเผชิญหน้ากับอิมูที่จุดที่ Red Line ตัดกับ Grand Line โดยเฉพาะบริเวณฝั่งนิวเวิลด์ของภูเขารีเวิร์ส และหากไม่ใช่ที่นั่น ก็ต้องเป็นที่ MG
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นนอกเหนือไปจากสมมติฐานที่ฉันเสนอ แต่ฉันเชื่อว่าสิ่งนี้มีโอกาสเกิดขึ้นสูง และด้วยสมมติฐานนี้เป็นจุดยึดแรกของการวิเคราะห์ เราสามารถลดตัวเลือกความเป็นไปได้อันนับไม่ถ้วนลงมาเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น