บทความ คุณหมอแนะนำพ่อแม่สอนลูกเกี่ยวกับความรักในวัยรุ่น

เมื่อเร็วๆนี้ หลายคนคงได้พอเห็นข่าวของนักแสดงหญิงชื่อดังของเกาหลี ที่เพิ่งเสียชีวิตไม่นาน คือ คิม แซรน และเรื่องความสัมพันธ์ที่เคยคบหากับนักแสดงชายชื่อดังอีกคน คิม ซูฮยอน
.
เนื้อหาในข่าว มีเรื่องที่หลายๆคนพูดถึงประเด็นน่าสนใจหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการที่คบหากับฝ่ายหญิงตั้งแต่ยังเป็นผู้เยาว์ การที่เธอถูกสังคมและนักข่าวกดดันจนต้องจบชีวิต ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้มีคนแสดงความเห็นมากมายในโลกออนไลน์แล้ว หมอจึงขอไม่แสดงความเห็นตรงนี้เพิ่มเติมนะคะ
.
แต่สิ่งที่หมออยากยกเหตุการณ์นี้มาพูดในบทความนี้ คือเรื่องที่ในข่าวระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเริ่มคบหากันตอนที่ คิม แซรน อายุเพียง15ปี โดยที่ครอบครัวของเธอไม่ทราบเรื่องนี้เลย กว่าจะรู้ก็คือหลังจากเวลาผ่านไป 2ปีแล้ว
ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยและพยายามคัดค้านอย่างหนัก แต่ทั้งคู่ยังยืนยันต้องการคบหากันต่อ
…มีหลายคนที่อ่านข่าวตรงนี้แล้วให้ความเห็นว่า ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้คบฝ่ายชาย หรือตอนนั้นครอบครัวรู้เรื่องเร็วกว่านี้ ชีวิตเธออาจจะไม่เป็นแบบนี้ ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไปกว่าที่จะเข้าใจความรัก
...
วันนี้หมอได้มีโอกาสคุยกับผู้ปกครองคนนึงที่อ่านข่าวนี้เช่นกัน
คุณแม่มีลูกสาวที่ยังไม่เข้าวัยรุ่นเต็มที่บอกกับหมอว่า พอเห็นข่าวนี้แล้วรู้สึกกังวลว่า
ลูกสาวจะแอบมีแฟนโดยไม่บอกแม่มั้ย?
ลูกจะรู้เท่าทันคนที่จะเข้ามาจีบมั้ย?
ลูกจะต้องเสียใจเพราะความรักโดยที่แม่ไม่ทันรู้ตัวหรือช่วยเหลือมั้ย?
.
.
หมอเลยอยากเขียนบทความ แนะนำผู้ปกครอง เรื่องวิธีการพูดคุยกับลูก (ได้ตั้งแต่วัยใกล้เข้าวัยรุ่น) เรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการมีความรักในวัยรุ่นค่ะ😊

---------------------

🖍️“ทำให้เรื่องการมีแฟน เป็นเรื่องที่คุยกันได้ปกติในบ้าน”
.
.
พ่อแม่หลายคนกังวลว่า การพูดเรื่องความรักกับลูกก่อนวัยอันควรอาจจะเป็นการชักจูงให้ลูกมีความสนใจหรือหมกมุ่นเรื่องการมีแฟนเร็วเกินวัยอันควร จึงพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องดังกล่าวกับลูก
บางคนเมื่อลูกสนใจ อยากปรึกษาเรื่องดังกล่าว อาจมีการห้ามลูกด้วยประโยคว่า
“คบกันตั้งแต่เด็ก...เดี๋ยวก็ต้องเลิก”
“มีแฟนวัยนี้เป็นเรื่องไร้สาระ”
เพราะเชื่อว่าถ้าขู่แบบนี้ลูกจะกลัวจนไม่กล้ามีแฟนตอนเด็กๆ…
.
แต่ในความจริงแล้ววัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและกระแสสังคมเพื่อนรอบตัวเขาที่ก็สนใจเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
แม้ว่าพ่อแม่จะพยายามห้ามไม่พูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้ลูกวัยรุ่นสนใจเรื่องการคบหา หรือทดลอง "คุย" หรือ "ออกเดท" ได้
.
แต่ในขณะเดียวกันวัยรุ่นก็เป็นวัยที่วุฒิภาวะเรื่องการตัดสินใจ การควบคุมอารมณ์ และประสบการณ์ชีวิตยังไม่มากพอ
จึงเป็นวัยที่เสี่ยงจะตัดสินใจทำเรื่องหลายอย่างผิดพลาด ไม่ทันระมัดระวัง หรือมีความเสียใจผิดหวังจากความสัมพันธ์อย่างรุนแรงได้ง่าย
.
การสอนให้ลูกเข้าใจ เกี่ยวกับ "การออกเดท" หรือ "การคบแฟน" เป็นสิ่งสำคัญมากที่พ่อแม่ควรทำ ก่อนที่ลูกจะเริ่มมีแฟน
.
…และพ่อแม่คือคนที่สำคัญสุดที่จะบอกลูกได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ "ทำได้" และ "ห้ามทำ" ในความการเริ่มคบหา
ดีกว่าปล่อยให้ลูกไปเรียนรู้แบบผิดๆ จากเพื่อน หรือจากสื่อออนไลน์ที่อาจจะชักนำไปในทางที่ผิด
เพราะเด็กวัยรุ่นมักพยายามหาข้อมูลจากแหล่งนี้
แม้จะมีงานวิจัยจะพบว่าเด็กวัยรุ่นผู้หญิงมองว่าข้อมุลจากผู้ใหญ่เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้มากกว่าก็ตาม (แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้คุย ก็ต้องไปคุยกับเพื่อนอยู่ดี)…
.
ที่สำคัญ การศึกษายังพบว่า การที่เด็กวัยรุ่นมีการพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์กับแฟนให้พ่อแม่ฟัง และพ่อแม่ช่วยให้คำแนะนำประคับประคองในความสัมพันธ์ดังกล่าว จะมีผลต่อพัฒนาการทักษะการสร้างความสัมพันธ์ของเด็กเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยค่ะ
-----------------------

🖍️"หนูมีสิทธิ์ปฏิเสธ ในสิ่งที่หนูไม่อยากทำ"
.
.
ไม่ว่าจะเป็นการทดลองคุยกัน คบหา หรือการออกเดท
ถ้าอีกฝ่ายมีการร้องขอ หรือกดดันให้หนูทำในสิ่งที่หนูไม่ต้องการทำ
เช่น ให้หนูไปออกเดทกับเขา   ไปอยู่กับเขาในสถานที่ตามลำพัง   สั่งให้หนูทำอะไรบางอย่างที่หนูรู้สึกอึดอัด   หรือมีการเข้าถึงทางร่างกาย  
หนูมีสิทธิ์ที่จะไม่ทำในสิ่งเหล่านั้น
.
…สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การรักษาสัมพันธภาพระหว่างหนูกับเค้า แต่เป็นความปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจของหนู
———————————

🖍️ “เรื่องที่ห้ามทำเด็ดขาด!“
.
.
ที่สำคัญต้องสอนลูกว่า สิ่งที่ “ห้ามทำ” ในการคบหาหรือออกเดทในช่วงวัยรุ่นเด็ดขาด คือ การใช้ยาเสพติด การใช้ความรุนแรงทุกชนิด การให้บันทึกภาพหรือคลิปวิดีโอส่วนตัว เช่น ภาพเปลือยร่างกาย เพราะทั้งหมดเป็นความเสี่ยงที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ (Dating violence)ได้หมด
.
แต่ถ้าหนูไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่เข้าข่ายกับความรุนแรงหรือไม่ ขอให้รีบมาปรึกษาพ่อแม่ทันที
------------------------------

🖍️"การดูแลความรู้สึกอีกฝ่าย ไม่ใช่ความรับผิดชอบของหนู"
.
.
หลายๆครั้งเด็กวัยรุ่นที่กำลังคบหากับแฟน รู้สึกอึดอัดในความสัมพันธ์ อยากเลิก หรือปฏิเสธบางอย่าง
แต่ก็รู้สึกผิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกไม่ดี  
มีหลายกรณีที่เด็กวัยรุ่นมาเล่าให้หมอฟัง ว่าคนที่คบด้วยขู่ว่าจะทำร้ายตนเอง หรือฆ่าตัวตาย ถ้าคิดจะเลิกกับตน
หรือถ้าไม่ทำบางอย่างตามที่อีกฝ่ายต้องการ จะรู้สึกน้อยใจ เสียใจ ถูกประชดประชันว่าไม่รัก
.
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัวกับการปฏิเสธ เลือกที่จะอดทนคบต่อแม้ว่าเป็นเป็นความสัมพันธ์ที่ทุกข์ใจก็ตาม
.
พ่อแม่ควรสอนให้ลูกเข้าใจว่า ในการคบแฟนเราควรปฏิบัติกับอีกฝ่ายอย่างมอบความรู้สึกดีๆและจริงใจให้
แต่ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า ลูกจะต้องเป็นคนเดียวในโลกที่ช่วยประคับประคองความรู้สึกของเขาได้
.
นอกจากนี้ยังต้องอธิบายให้ลูกรู้ว่า ในโลกนี้มีคนบางคนที่เวลารู้สึกหวาดกลัวกับการสูญเสียความสัมพันธ์
เขาสามารถที่จะสร้าง"กับดักความรู้สึกผิด" (หรือที่คนมักเรียกว่า Gaslight) เพื่อบีบให้อีกฝ่ายยอมทำตามสิ่งที่ตนต้องการได้
---------------------------

🖍️ "ความสนใจใคร่รู้ทางเพศ เป็นเรื่องธรรมชาติของวัยรุ่น"
.
.
แม้ว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่จะมองว่าลูกของตนยังเป็นเด็ก ไม่อยากให้สนใจหรือรับรู้เรื่องเพศสัมพันธ์เพราะกังวลเรื่องความเสี่ยง จึงพยายามเลี่ยงไม่ให้ลูกรับรู้เรื่องเหล่านี้
.
แต่ตามธรรมชาติวัยรุ่นเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพัฒนาการทางเพศ
นอกจากอวัยวะเพศต่างๆจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ฮอร์โมนทางเพศจะหลั่งออกมา
กระตุ้นให้สมองเกิดการรับรู้ความสนใจทางเพศตรงข้าม รวมไปถึงเรื่องเพศสัมพันธ์
หากเด็กไปเรียนรู้ศึกษาเองจากแหล่งข้อมูลที่ไม่ควบคุม อาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้มากกว่า
.
พ่อแม่จึงควรเข้าใจธรรมชาติตรงนี้ของเด็กวัยรุ่น และสอนเพศศึกษาที่ถูกต้องให้กับลูก ก่อนที่ลูกจะไปเรียนรู้มาอย่างผิดๆ
โดยสามารถนำเรื่องเพศสัมพันธ์มาพูดเป็นเรื่องปกติ แต่สอนถึงความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น โอกาสตั้งครรภ์ การติดเชื้อเพศสัมพันธ์
และพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใดก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้น จะทำให้เกิดอารมณ์ในความสัมพันธ์นั้นท่วมท้นมากขึ้นความการคบหาปกติ
…………….

📝 “พื้นฐานความรักครอบครัว เป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญ”
.
.
หมอเชื่อว่าสิ่งสำคัญก่อนที่จะพูดคุยเรื่องเหล่านี้ คือสัมพันธภาพพื้นฐานของครอบครัวที่ดี
การที่พ่อแม่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก ทำให้ลูกรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยได้ทุกเรื่อง จะเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญไม่ให้คนนอกเข้ามาเป็นโลกทั้งใบของลูก และทำร้ายลูกโดยไม่ทันเฝ้าระวังค่ะ
.
.
สุดท้ายนี้ หมอขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ คิม แซรน
และขอให้เธอได้พักผ่อนอย่างสงบในภพภูมิที่ดีด้วยค่ะ
.
.
บทความโดย

พญ.อรรัตน์ เชาว์กุลจรัสศิริ

จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
บ้านสาทรคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมจิตเวช
………………

อ้างอิงเนื้อหา:
https://link.springer.com/article/10.1023/A:1022852102847
https://journals.sagepub.com/doi/abs/10.1177/07458402017004005
https://totstoteens.co.nz/child/teens/right-age-start-dating/
https://www.allprodad.com/talking-children-dating-relationships/
https://womenshealth.gov/relationships-and-safety/other-types/dating-violence-and-abuse

#จิตวิทยาการเลี้ยงลูก #วัยรุ่น #ปัญหาวัยรุ่น #ปัญหาการเลี้ยงดู #รักในวัยเรียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่