สวัสดีค่ะ ^^ เพื่อน ๆ สมาชิกพันทิปทุกท่าน
เราชื่อพริกค่ะเป็นสมาชิกใหม่ของ ppantip.com วันนี้มีเรื่องที่จะแชร์ประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาหมาด ๆ กับเพื่อนสมาชิกทุกท่านค่ะ
เรื่องนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนวันที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 01.15 น. ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าทุกวันที่ 15 เดือนเว้นเดือนเราจะต้องขับรถมารับแม่ของเราที่จุดรับ-ส่งหน้าธนาคารสีเขียวติดถนนเส้นหนึ่งใน จ.ชลบุรี
แม่ของเราจะมาถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนบ้างหรือตี 1 บ้างแล้วแต่ว่าวันนั้นรถติดหรือเปล่า *** แม่ของเราเป็นแม่ครัวโรงแรมริมชายหาดจอมเทียนจะเลิกงาน
ประมาณ 1-2 ทุ่มแวะเก็บกระเป๋าสักพักแล้วก็จะนั่งรถปิกอัพรับจ้างมากับเพื่อน ๆ อีก 7-8 คน (จุดรับ-ส่งสุดท้ายที่ส่งคนคือตลาดโต้รุ่งชลบุรี)
แต่แม่เราชอบลงหน้าธนาคารสีเหลืองเพราะแม่ชอบกินข้าวต้มกุ๊ยร้านแถวนั้นหรือไม่แม่ก็จะแวะกดตังค์บ้างในบางครั้ง แต่เมื่อคืนเป็นคืนวัน
ศุกร์และรถก็ค่อนข้างติดแม่โทรบอกให้เราแวะซื้อข้าวต้มให้ทีเพราะแม่น่าจะมาถึงช้าและกลัวว่าเขาจะเก็บร้านไปก่อนแล้ว
ส่วนเรานั้นออกมาจากบ้านที่พานทอง เราแวะไปส่งแฟนเข้ากะดึกที่โรงงานในนิคมฯ (เราพาลูกสาว 1 ขวบ 2 เดือนมาด้วยน้องหลับอยู่ในคาร์ซีทเบาะหลัง)
แฟนบอกให้เราค่อย ๆ ขับไปให้โทรเช็คกับแม่ก่อนด้วยว่าจะมาถึงตอนไหนและก็บอกให้จอดรถที่สว่าง ๆ และให้ล็อครถดี ๆ ด้วย
เราขับมาถึงถนนฝั่งตรงข้ามธนาคารสีเหลืองก็อยู่ติดถนนตรงยูเทิร์นพอดีซึ่งเรามองเห็นแล้วว่าวันนี้ที่จอดรถเต็มเพราะมีรถขนส่งมาจอดริมถนนยาว ๆ กันไปเลย เราตัดสินใจยูเทิร์นรถกะว่าจะมาขอจอดหน้าร้านข้าวต้มแป๊บนึงเพื่อรับอาหาร ตอนที่กดกระจกรถลงบอกชื่อกับพนักงาน (เราโทรสั่งเอาไว้แล้วแต่ทางร้านลืมเพราะคืนนี้ลูกค้าเยอะมาก) เจ๊เจ้าของร้านตะโกนบอกให้เรารอแป๊บนึง เราถามพนักงานว่าจอดรถตรงไหนได้บ้าง น้องพนักงานก็ชี้ไปที่หน้าธนาคารสีเขียวข้างหน้าประมาณ 100 เมตรนิด ๆ พนักงานเอาเงินทอนมาให้เราแล้วบอกว่ารออาหารประมาณ 15-20 นาที ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาที
เราเห็นรถมอเตอร์ไซค์สีดำแดงมาจอดติดประตูหลังรถและเป็นจุดที่ลูกของเรานอนอยู่ เราคิดว่าเขาคงมารับอาหารจึงขยับรถของเราออกไป
จอดที่หน้าธนาคารสีเขียวแต่มันมีรถกระบะจอดอยู่ 3 คันแล้ว (แถว ๆ นั้นมีร้านอาหารเปิดดึกเยอะมาก) เราไม่กล้าขับเข้าไปจอดในซอยมืด ๆ ข้างธนาคาร
แต่เลือกที่จะมาจอดหน้าร้านกาแฟสีเขียว (ห่างกันแค่ถนนเล็ก ๆ กั้น) เราตบไฟเลี้ยวและจะเข้ามาหน้าร้านอยู่แล้วแต่ตอนนั้นเองที่มีคนมาเคาะกระจกฝั่งของเรา เขาเป็นชายขับรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง (ตอนนั้นเรายังไม่แน่ใจว่าใช่มอเตอร์ไซค์คันเดิมหรือเปล่า ?) เรากดกระจกลงนิดเดียวพอให้เสียงลอดออกไปได้ ชายผิวคล้ำใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเขาบอกเราว่าเสียงท่อของเราดังแปลก ๆ เราตอบเขาว่าแฟนกำลังมาเดี๋ยวให้แฟนดูให้เอง เราเอากระจกขึ้นเหมือนเดิมและจอดรถติดเครื่องเอาไว้แบบนั้นที่หน้าร้านกาแฟพร้อมกับโทรบอกแม่ให้มาลงตรงนี้แทน เขาอยู่ตรงนั้นอีกสักนึงแล้วก็ขี่รถออกไป
ตอนแรกเราคิดว่าจะย้อนกล้องหน้ารถดูว่าใช่มอเตอร์ไซค์ที่ตามมาจากร้านข้าวต้มหรือเปล่า แต่เราก็คิดว่า...คงไม่เป็นไรเพราะเขาไปแล้วนี่นะ
เราก็เลยรีบส่งข้อความบอกแฟนแล้วก็ปีนข้ามเบาะมาอยู่กับลูกที่เบาะหลังและเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสถานที่ ๆ ห่างกันแค่ซอยเล็ก ๆ ซอยเดียวแต่มันเหมือนอยู่กันคนละเมืองเลย เมืองที่มีแสงไฟและร้านค้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งส่วนที่ ๆ เราจอดอยู่ร้านค้าปิดไปหมดแล้วและก็มืดมากพอสมควร
ตอนที่เรานั่งอยู่เบาะหลังเราเห็นแสงไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์ที่ขับย้อนศรมา (ฟิล์มกรองแสงหน้ารถของเราสีชาพอจะมองเห็นเบาะหน้าได้ชัดอยู่แต่
เบาะหลังจะมืด ๆ หน่อย) ตอนนั้นเรานั่งอยู่ข้าง ๆ คาร์ซีทของลูกและมองออกไปโดยไม่ตั้งใจแต่เราสาบานได้เลยว่ามันเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมและเขาคนนั้นชะลอรถแถมยังมองเข้ามาที่เบาะหน้าอีกด้วย เราเริ่มจะใจคอไม่ดีแล้วยิ่งตอนเห็นเขาขี่รถเข้ามาจอดหน้าธนาคารสีเขียวอยู่สักพักใหญ่ด้วยแล้ว เราแอบมองอยู่ในรถทั้งกระจกมองข้างและกระจกหลังเราเห็นว่าเขามองมาที่รถของเราอยู่ตลอดเวลา เราคิดว่าเดี๋ยวเขากดตังค์เสร็จก็คงจะไปเองแต่เขาไม่ได้ขยับไปไหนจนเกือบจะได้เวลาที่เราต้องกลับไปเอาอาหารที่ร้านข้าวต้มแล้ว (เที่ยงคืนครึ่ง) ตอนนั้นเขาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์และขี่เข้ามาใกล้กับรถของเรามาก เลย...เขามองเข้ามาในรถอีกแล้วและเร่งเครื่องออกไป คราวนี้เรามองตามเขาไปและพยายามสังเกตทะเบียนรถแต่มองไม่เห็น...ตอนนั้นเราคิดว่าต่อให้เขาขี่รถออกไปแล้วเราก็ไม่คิดที่จะเดินไปรับอาหารอยู่ดีเพราะตั้งใจว่าเราจะขับรถวนกลับไปรับแทนและเราจะไม่จอดรถทิ้งเอาไว้หรืออุ้มลูกเดินไปเป็นอันขาด !!
จังหวะที่เรามองข้ามไป 7-11 ฝั่งตรงข้ามเราเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมและคน ๆ เดิมวนกลับมาอีกแล้วและคราวนี้เขาปีนเกาะกลางข้ามถนนมาจอดอยู่ที่หน้าธนาคารสีเขียวเหมือนเดิม เราคอยมองเขาอยู่ตลอดเวลาและเห็นว่าเขาทำท่าว่าจะเข้าไปกดเงินแต่ก็ไม่เห็นว่าจะกดทั้งยังเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าธนาคารฯ ตอนนั้นมีผู้ชาย 2-3 คนข้ามจากร้านอาหารฝั่งตรงข้ามมาเอารถกระบะที่จอดอยู่หน้าธนาคารแล้วขับออกไป เขาก็ยังมองมาที่รถของเราอยู่ตลอดเวลาเห็นท่าไม่ดีเราจึงปีนกลับมานั่งที่เบาะหน้าหมุนกล้องหน้ารถให้เห็นทุก
อย่างทางฝั่งของเราให้มากที่สุดแล้วก็ใช้มือถืออัดวิดีโอไปด้วย (แต่มือของเราสั่นมากและก็กลัวมากด้วย) เรากดล็อกรถบ่อยมาก ๆๆ เพื่อให้แน่ใจ
หลังจากนั้นตอน 01.15 เขาขี่รถมาจอดข้าง ๆ รถของเราแล้วก็ถามว่า “รถเสียเหรอ ?” (ตามคลิปเลยค่ะ)
ส่วนเราไม่ได้กดกระจกและส่ายหน้าลูกเดียว เพราะว่าเราติดเครื่องรถเอาไว้ตลอดมันจะเสียได้ยังไงล่ะ ? ใจก็คิดว่าเมิงถามแบบนี้กับรถทุกคันที่จอดอยู่ริมถนนหรือเปล่าหรือแค่คิดว่ากรูดูโง่เกินไป ? แต่ที่เห็นว่าในคลิปเขาขี่รถออกไปแล้วแต่อันที่จริงเขาไม่ได้ไปไหนไกลเลยนะแค่ย้ายไปจอดริมเสาไฟข้างหน้าแทน จนกระทั่งรปภ.ของธนาคารสีเขียวเดินออกมาจากซอยเล็ก ๆ เขาแค่เอากระดูกไก่มาให้หมาจรจัดบนฟุตบาทห่างจากรถของเรานิดนึง ตอนนั้นเรารีบกดกระจกและเรียกพี่รปภ.แล้วถามเขาว่า “หนูจอดตรงนี้สักครู่ได้ไหมคะ ?” พี่รปภ.เดินมาบอกว่า “ถอยไปจอดที่หน้าธนาคารดีกว่าตรงนี้มันมืด”
แล้วรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ขับออกไปเลย
พี่รปภ. โบกรถให้เราถอยไปจอดที่หน้าธนาคารเขียว แล้วเราก็เล่าเรื่องแปลก ๆ นี้ให้พี่เขาฟังพี่เขาก็บอกว่าเสียงท่อไม่เห็นจะดังอะไรเลย รถก็ยังใหม่แบบนี้ถ้าเสียก็แปลกแล้ว ๆ พี่เขาบอกว่าไม่รู้ว่ามันขี่ตามเรามานานแล้วหรือเปล่าอาจจะไม่ใช่แค่ที่ร้านข้าวต้มก็ได้ พี่เขาบอกให้เราระวังยิ่งมากับลูกเล็กด้วยถ้าเขาหลอกเราแล้วเราเชื่อจนยอมเดินลงจากรถไปดูนั่นดูนี่ มันอาจจะมีเพื่อนมาด้วยและอาจจะโดนชิงทั้งรถทั้งลูกไปด้วยก็ได้
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงแม่ก็โทรมาบอกว่าถึงอ่างศิลาแล้วเรารีบบอกให้แม่มาลงที่หน้าร้านข้าวต้มแทนนะเดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง
หลังจากนั้นเราก็รีบขับรถไปยูเทิร์นกลับมารับอาหารที่ร้านข้าวต้มแล้วก็จอดรอแม่อยู่ที่หน้าร้านแบบนั้นเลย
พอแม่มาถึงเราก็เล่าให้แม่ฟังเสียงสั่นเลยล่ะเล่าจบแล้วค่อยออกรถ แต่แม่บอกให้แวะธนาคารสีเขียวแล้วแกก็เอาข้าว ปลาผัดพิโรธกับผัดผักบุ้งซึ่งเป็นของโปรดของแม่ให้พี่รปภ.ไปทาน เรากับแม่ขอบคุณพี่เขาอีกครั้งแล้วก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เมื่อเช้าเราขับรถไปรับแฟนฟังและก็อยากจะเอาเรื่องนี้ออกมาแชร์กับทุกคน
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เราได้พบเจอมาเมื่อคืนค่ะ หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่เข้ามาอ่านได้บ้างนะคะ
ขอบคุณค่ะ
พริก
เหตุวิตกจริตตอนตี 1
เราชื่อพริกค่ะเป็นสมาชิกใหม่ของ ppantip.com วันนี้มีเรื่องที่จะแชร์ประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาหมาด ๆ กับเพื่อนสมาชิกทุกท่านค่ะ
เรื่องนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนวันที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 01.15 น. ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าทุกวันที่ 15 เดือนเว้นเดือนเราจะต้องขับรถมารับแม่ของเราที่จุดรับ-ส่งหน้าธนาคารสีเขียวติดถนนเส้นหนึ่งใน จ.ชลบุรี
แม่ของเราจะมาถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนบ้างหรือตี 1 บ้างแล้วแต่ว่าวันนั้นรถติดหรือเปล่า *** แม่ของเราเป็นแม่ครัวโรงแรมริมชายหาดจอมเทียนจะเลิกงาน
ประมาณ 1-2 ทุ่มแวะเก็บกระเป๋าสักพักแล้วก็จะนั่งรถปิกอัพรับจ้างมากับเพื่อน ๆ อีก 7-8 คน (จุดรับ-ส่งสุดท้ายที่ส่งคนคือตลาดโต้รุ่งชลบุรี)
แต่แม่เราชอบลงหน้าธนาคารสีเหลืองเพราะแม่ชอบกินข้าวต้มกุ๊ยร้านแถวนั้นหรือไม่แม่ก็จะแวะกดตังค์บ้างในบางครั้ง แต่เมื่อคืนเป็นคืนวัน
ศุกร์และรถก็ค่อนข้างติดแม่โทรบอกให้เราแวะซื้อข้าวต้มให้ทีเพราะแม่น่าจะมาถึงช้าและกลัวว่าเขาจะเก็บร้านไปก่อนแล้ว
ส่วนเรานั้นออกมาจากบ้านที่พานทอง เราแวะไปส่งแฟนเข้ากะดึกที่โรงงานในนิคมฯ (เราพาลูกสาว 1 ขวบ 2 เดือนมาด้วยน้องหลับอยู่ในคาร์ซีทเบาะหลัง)
แฟนบอกให้เราค่อย ๆ ขับไปให้โทรเช็คกับแม่ก่อนด้วยว่าจะมาถึงตอนไหนและก็บอกให้จอดรถที่สว่าง ๆ และให้ล็อครถดี ๆ ด้วย
เราขับมาถึงถนนฝั่งตรงข้ามธนาคารสีเหลืองก็อยู่ติดถนนตรงยูเทิร์นพอดีซึ่งเรามองเห็นแล้วว่าวันนี้ที่จอดรถเต็มเพราะมีรถขนส่งมาจอดริมถนนยาว ๆ กันไปเลย เราตัดสินใจยูเทิร์นรถกะว่าจะมาขอจอดหน้าร้านข้าวต้มแป๊บนึงเพื่อรับอาหาร ตอนที่กดกระจกรถลงบอกชื่อกับพนักงาน (เราโทรสั่งเอาไว้แล้วแต่ทางร้านลืมเพราะคืนนี้ลูกค้าเยอะมาก) เจ๊เจ้าของร้านตะโกนบอกให้เรารอแป๊บนึง เราถามพนักงานว่าจอดรถตรงไหนได้บ้าง น้องพนักงานก็ชี้ไปที่หน้าธนาคารสีเขียวข้างหน้าประมาณ 100 เมตรนิด ๆ พนักงานเอาเงินทอนมาให้เราแล้วบอกว่ารออาหารประมาณ 15-20 นาที ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาที
เราเห็นรถมอเตอร์ไซค์สีดำแดงมาจอดติดประตูหลังรถและเป็นจุดที่ลูกของเรานอนอยู่ เราคิดว่าเขาคงมารับอาหารจึงขยับรถของเราออกไป
จอดที่หน้าธนาคารสีเขียวแต่มันมีรถกระบะจอดอยู่ 3 คันแล้ว (แถว ๆ นั้นมีร้านอาหารเปิดดึกเยอะมาก) เราไม่กล้าขับเข้าไปจอดในซอยมืด ๆ ข้างธนาคาร
แต่เลือกที่จะมาจอดหน้าร้านกาแฟสีเขียว (ห่างกันแค่ถนนเล็ก ๆ กั้น) เราตบไฟเลี้ยวและจะเข้ามาหน้าร้านอยู่แล้วแต่ตอนนั้นเองที่มีคนมาเคาะกระจกฝั่งของเรา เขาเป็นชายขับรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง (ตอนนั้นเรายังไม่แน่ใจว่าใช่มอเตอร์ไซค์คันเดิมหรือเปล่า ?) เรากดกระจกลงนิดเดียวพอให้เสียงลอดออกไปได้ ชายผิวคล้ำใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเขาบอกเราว่าเสียงท่อของเราดังแปลก ๆ เราตอบเขาว่าแฟนกำลังมาเดี๋ยวให้แฟนดูให้เอง เราเอากระจกขึ้นเหมือนเดิมและจอดรถติดเครื่องเอาไว้แบบนั้นที่หน้าร้านกาแฟพร้อมกับโทรบอกแม่ให้มาลงตรงนี้แทน เขาอยู่ตรงนั้นอีกสักนึงแล้วก็ขี่รถออกไป
ตอนแรกเราคิดว่าจะย้อนกล้องหน้ารถดูว่าใช่มอเตอร์ไซค์ที่ตามมาจากร้านข้าวต้มหรือเปล่า แต่เราก็คิดว่า...คงไม่เป็นไรเพราะเขาไปแล้วนี่นะ
เราก็เลยรีบส่งข้อความบอกแฟนแล้วก็ปีนข้ามเบาะมาอยู่กับลูกที่เบาะหลังและเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสถานที่ ๆ ห่างกันแค่ซอยเล็ก ๆ ซอยเดียวแต่มันเหมือนอยู่กันคนละเมืองเลย เมืองที่มีแสงไฟและร้านค้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งส่วนที่ ๆ เราจอดอยู่ร้านค้าปิดไปหมดแล้วและก็มืดมากพอสมควร
ตอนที่เรานั่งอยู่เบาะหลังเราเห็นแสงไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์ที่ขับย้อนศรมา (ฟิล์มกรองแสงหน้ารถของเราสีชาพอจะมองเห็นเบาะหน้าได้ชัดอยู่แต่
เบาะหลังจะมืด ๆ หน่อย) ตอนนั้นเรานั่งอยู่ข้าง ๆ คาร์ซีทของลูกและมองออกไปโดยไม่ตั้งใจแต่เราสาบานได้เลยว่ามันเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมและเขาคนนั้นชะลอรถแถมยังมองเข้ามาที่เบาะหน้าอีกด้วย เราเริ่มจะใจคอไม่ดีแล้วยิ่งตอนเห็นเขาขี่รถเข้ามาจอดหน้าธนาคารสีเขียวอยู่สักพักใหญ่ด้วยแล้ว เราแอบมองอยู่ในรถทั้งกระจกมองข้างและกระจกหลังเราเห็นว่าเขามองมาที่รถของเราอยู่ตลอดเวลา เราคิดว่าเดี๋ยวเขากดตังค์เสร็จก็คงจะไปเองแต่เขาไม่ได้ขยับไปไหนจนเกือบจะได้เวลาที่เราต้องกลับไปเอาอาหารที่ร้านข้าวต้มแล้ว (เที่ยงคืนครึ่ง) ตอนนั้นเขาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์และขี่เข้ามาใกล้กับรถของเรามาก เลย...เขามองเข้ามาในรถอีกแล้วและเร่งเครื่องออกไป คราวนี้เรามองตามเขาไปและพยายามสังเกตทะเบียนรถแต่มองไม่เห็น...ตอนนั้นเราคิดว่าต่อให้เขาขี่รถออกไปแล้วเราก็ไม่คิดที่จะเดินไปรับอาหารอยู่ดีเพราะตั้งใจว่าเราจะขับรถวนกลับไปรับแทนและเราจะไม่จอดรถทิ้งเอาไว้หรืออุ้มลูกเดินไปเป็นอันขาด !!
จังหวะที่เรามองข้ามไป 7-11 ฝั่งตรงข้ามเราเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมและคน ๆ เดิมวนกลับมาอีกแล้วและคราวนี้เขาปีนเกาะกลางข้ามถนนมาจอดอยู่ที่หน้าธนาคารสีเขียวเหมือนเดิม เราคอยมองเขาอยู่ตลอดเวลาและเห็นว่าเขาทำท่าว่าจะเข้าไปกดเงินแต่ก็ไม่เห็นว่าจะกดทั้งยังเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าธนาคารฯ ตอนนั้นมีผู้ชาย 2-3 คนข้ามจากร้านอาหารฝั่งตรงข้ามมาเอารถกระบะที่จอดอยู่หน้าธนาคารแล้วขับออกไป เขาก็ยังมองมาที่รถของเราอยู่ตลอดเวลาเห็นท่าไม่ดีเราจึงปีนกลับมานั่งที่เบาะหน้าหมุนกล้องหน้ารถให้เห็นทุก
อย่างทางฝั่งของเราให้มากที่สุดแล้วก็ใช้มือถืออัดวิดีโอไปด้วย (แต่มือของเราสั่นมากและก็กลัวมากด้วย) เรากดล็อกรถบ่อยมาก ๆๆ เพื่อให้แน่ใจ
หลังจากนั้นตอน 01.15 เขาขี่รถมาจอดข้าง ๆ รถของเราแล้วก็ถามว่า “รถเสียเหรอ ?” (ตามคลิปเลยค่ะ)
ส่วนเราไม่ได้กดกระจกและส่ายหน้าลูกเดียว เพราะว่าเราติดเครื่องรถเอาไว้ตลอดมันจะเสียได้ยังไงล่ะ ? ใจก็คิดว่าเมิงถามแบบนี้กับรถทุกคันที่จอดอยู่ริมถนนหรือเปล่าหรือแค่คิดว่ากรูดูโง่เกินไป ? แต่ที่เห็นว่าในคลิปเขาขี่รถออกไปแล้วแต่อันที่จริงเขาไม่ได้ไปไหนไกลเลยนะแค่ย้ายไปจอดริมเสาไฟข้างหน้าแทน จนกระทั่งรปภ.ของธนาคารสีเขียวเดินออกมาจากซอยเล็ก ๆ เขาแค่เอากระดูกไก่มาให้หมาจรจัดบนฟุตบาทห่างจากรถของเรานิดนึง ตอนนั้นเรารีบกดกระจกและเรียกพี่รปภ.แล้วถามเขาว่า “หนูจอดตรงนี้สักครู่ได้ไหมคะ ?” พี่รปภ.เดินมาบอกว่า “ถอยไปจอดที่หน้าธนาคารดีกว่าตรงนี้มันมืด”
แล้วรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ขับออกไปเลย
พี่รปภ. โบกรถให้เราถอยไปจอดที่หน้าธนาคารเขียว แล้วเราก็เล่าเรื่องแปลก ๆ นี้ให้พี่เขาฟังพี่เขาก็บอกว่าเสียงท่อไม่เห็นจะดังอะไรเลย รถก็ยังใหม่แบบนี้ถ้าเสียก็แปลกแล้ว ๆ พี่เขาบอกว่าไม่รู้ว่ามันขี่ตามเรามานานแล้วหรือเปล่าอาจจะไม่ใช่แค่ที่ร้านข้าวต้มก็ได้ พี่เขาบอกให้เราระวังยิ่งมากับลูกเล็กด้วยถ้าเขาหลอกเราแล้วเราเชื่อจนยอมเดินลงจากรถไปดูนั่นดูนี่ มันอาจจะมีเพื่อนมาด้วยและอาจจะโดนชิงทั้งรถทั้งลูกไปด้วยก็ได้
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงแม่ก็โทรมาบอกว่าถึงอ่างศิลาแล้วเรารีบบอกให้แม่มาลงที่หน้าร้านข้าวต้มแทนนะเดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง
หลังจากนั้นเราก็รีบขับรถไปยูเทิร์นกลับมารับอาหารที่ร้านข้าวต้มแล้วก็จอดรอแม่อยู่ที่หน้าร้านแบบนั้นเลย
พอแม่มาถึงเราก็เล่าให้แม่ฟังเสียงสั่นเลยล่ะเล่าจบแล้วค่อยออกรถ แต่แม่บอกให้แวะธนาคารสีเขียวแล้วแกก็เอาข้าว ปลาผัดพิโรธกับผัดผักบุ้งซึ่งเป็นของโปรดของแม่ให้พี่รปภ.ไปทาน เรากับแม่ขอบคุณพี่เขาอีกครั้งแล้วก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เมื่อเช้าเราขับรถไปรับแฟนฟังและก็อยากจะเอาเรื่องนี้ออกมาแชร์กับทุกคน
และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เราได้พบเจอมาเมื่อคืนค่ะ หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่เข้ามาอ่านได้บ้างนะคะ
ขอบคุณค่ะ
พริก