สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราอยากมาแชร์ทฤษฎีที่เราคิดขึ้นมา ซึ่งเป็นทฤษฎีที่เรารู้สึกว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องของ Attack on Titan มากเลย เราได้ไอเดียนี้มาจากการดูอนิเมะ อ่านมังงะ รวมถึงทฤษฎีต่าง ๆ ที่หลายคนพูดถึงกัน แล้วก็เอามาปะติดปะต่อกันจนออกมาเป็นทฤษฎีนี้ค่ะ หวังว่ามันจะช่วยให้ทุกคนรู้สึกดีกับตอนจบมากขึ้นไม่มากก็น้อยนะคะ
ทุกคนเคยได้ยินทฤษฎีที่บอกว่าเอเรนต้องติดลูปไม่รู้จบไหมคะ? ถึงแม้ว่าเขาจะทำสำเร็จแล้วก็ยังต้องติดลูปวนไปเรื่อย ๆ ซึ่งเรารู้สึกว่าทฤษฎีนี้มันค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ แล้วก็ทำให้เราปวดใจมาก ๆ ด้วย TT
ทฤษฎีของเราคือ เราคิดว่าเอเรนได้เป็นอิสระแล้วค่ะและ
การวนลูปครั้งล่าสุดของเขาเป็นการวนลูปครั้งสุดท้ายแล้ว และสิ่งที่วนลูปมาตลอดมันไม่ใช่ตัวเอเรน แต่เป็นพลังไททันต่างหาก เพราะถ้าลองคิดดูดี ๆ พลังไททันมันมีมาตั้งสองพันปีแล้ว แล้วในฉากสุดท้ายที่มีเด็กทหารเดินเข้าไปในโพรงไม้นั่น มันก็ชวนให้นึกถึงตอนที่ยูมีร์ได้พลังไททันเลยใช่ไหมล่ะคะ? มันเหมือนเป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าพลังไททันอาจจะกลับมาอีกครั้งก็ได้
แต่ที่สำคัญคือ เอเรนได้ทำสิ่งที่เขาตั้งใจสำเร็จแล้วนะ! เขาได้ทำพสุธากัมปนาทจนพลังไททันหายไป และเพื่อน ๆ ของเขาก็ได้เป็นอิสระตามที่เขาตั้งใจไว้ แล้วการที่ทฤษฎีบอกว่าเอเรนต้องติดลูปมันก็ดูจะขัดแย้งกับสิ่งที่เขาทำสำเร็จไปแล้ว เพราะถ้าสมมติว่าเอเรนมองเห็นอนาคตและรู้ว่าวิธีนี้มันดีที่สุดแล้ว เขาก็ไม่น่าจะต้องติดลูปแล้วทำแบบเดิมซ้ำๆไปเรื่อยๆใช่ไหมล่ะคะ?
อีกอย่างนึงที่ทำให้เราคิดว่าเอเรนเป็นอิสระแล้วจริง ๆ ก็คือ ฉากที่มีนกสีขาวตัวหนึ่งมาพันผ้าพันคอให้มิคาสะ ตอนนั้นเรารู้สึกว่า นกสีขาวตัวนั้นมันคือตัวแทนของเอเรนค่ะ เพราะนกสีขาวมันสื่อถึงอิสรภาพ และเอเรนก็พูดมาตลอดว่าเขาอยากมีอิสระ เพราะงั้นการที่นกตัวนั้นปรากฏขึ้นแล้วเหมือนจะดูแลมิคาสะอยู่ มันทำให้เรารู้สึกว่าเอเรนได้เป็นอิสระจริง ๆ แล้ว และยังคงอยู่เคียงข้างมิคาสะในแบบที่เขาอยากเป็น
ถึงแม้ว่าเอเรนกับมิคาสะจะไม่ได้จบลงด้วยการอยู่ด้วยกัน แต่เราก็รู้สึกอุ่นใจนะ ที่ได้เห็นว่าความรักของทั้งสองคนมันยังคงอยู่ และมิคาสะก็ยังคงสวมผ้าพันคอที่เอเรนให้ไว้ตลอดมา ไม่เคยลืมตัวตนของเอเรนเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
พอคิดแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่า Attack on Titan มันไม่ได้จบลงแค่ความเจ็บปวดและความสูญเสีย แต่เป็นการปลดปล่อยที่แท้จริงของเอเรนมากกว่า มันทำให้เรารู้สึกว่าการเสียสละของเอเรนมันมีความหมายจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบกันนะคะ ถ้ามีอะไรอยากพูดคุยเพิ่มเติม หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสามารถคอมเม้นต์มาได้เลยน้า
*ปล.นี่เป็นเพียงทฤษฎีที่เราคิดขึ้นมาเองไม่ได้รับประกันว่าถูก100%
Attack on titan เอเรนได้เป็นอิสระแล้ว?
ทุกคนเคยได้ยินทฤษฎีที่บอกว่าเอเรนต้องติดลูปไม่รู้จบไหมคะ? ถึงแม้ว่าเขาจะทำสำเร็จแล้วก็ยังต้องติดลูปวนไปเรื่อย ๆ ซึ่งเรารู้สึกว่าทฤษฎีนี้มันค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ แล้วก็ทำให้เราปวดใจมาก ๆ ด้วย TT
ทฤษฎีของเราคือ เราคิดว่าเอเรนได้เป็นอิสระแล้วค่ะและ
การวนลูปครั้งล่าสุดของเขาเป็นการวนลูปครั้งสุดท้ายแล้ว และสิ่งที่วนลูปมาตลอดมันไม่ใช่ตัวเอเรน แต่เป็นพลังไททันต่างหาก เพราะถ้าลองคิดดูดี ๆ พลังไททันมันมีมาตั้งสองพันปีแล้ว แล้วในฉากสุดท้ายที่มีเด็กทหารเดินเข้าไปในโพรงไม้นั่น มันก็ชวนให้นึกถึงตอนที่ยูมีร์ได้พลังไททันเลยใช่ไหมล่ะคะ? มันเหมือนเป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าพลังไททันอาจจะกลับมาอีกครั้งก็ได้
แต่ที่สำคัญคือ เอเรนได้ทำสิ่งที่เขาตั้งใจสำเร็จแล้วนะ! เขาได้ทำพสุธากัมปนาทจนพลังไททันหายไป และเพื่อน ๆ ของเขาก็ได้เป็นอิสระตามที่เขาตั้งใจไว้ แล้วการที่ทฤษฎีบอกว่าเอเรนต้องติดลูปมันก็ดูจะขัดแย้งกับสิ่งที่เขาทำสำเร็จไปแล้ว เพราะถ้าสมมติว่าเอเรนมองเห็นอนาคตและรู้ว่าวิธีนี้มันดีที่สุดแล้ว เขาก็ไม่น่าจะต้องติดลูปแล้วทำแบบเดิมซ้ำๆไปเรื่อยๆใช่ไหมล่ะคะ?
อีกอย่างนึงที่ทำให้เราคิดว่าเอเรนเป็นอิสระแล้วจริง ๆ ก็คือ ฉากที่มีนกสีขาวตัวหนึ่งมาพันผ้าพันคอให้มิคาสะ ตอนนั้นเรารู้สึกว่า นกสีขาวตัวนั้นมันคือตัวแทนของเอเรนค่ะ เพราะนกสีขาวมันสื่อถึงอิสรภาพ และเอเรนก็พูดมาตลอดว่าเขาอยากมีอิสระ เพราะงั้นการที่นกตัวนั้นปรากฏขึ้นแล้วเหมือนจะดูแลมิคาสะอยู่ มันทำให้เรารู้สึกว่าเอเรนได้เป็นอิสระจริง ๆ แล้ว และยังคงอยู่เคียงข้างมิคาสะในแบบที่เขาอยากเป็น
ถึงแม้ว่าเอเรนกับมิคาสะจะไม่ได้จบลงด้วยการอยู่ด้วยกัน แต่เราก็รู้สึกอุ่นใจนะ ที่ได้เห็นว่าความรักของทั้งสองคนมันยังคงอยู่ และมิคาสะก็ยังคงสวมผ้าพันคอที่เอเรนให้ไว้ตลอดมา ไม่เคยลืมตัวตนของเอเรนเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
พอคิดแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่า Attack on Titan มันไม่ได้จบลงแค่ความเจ็บปวดและความสูญเสีย แต่เป็นการปลดปล่อยที่แท้จริงของเอเรนมากกว่า มันทำให้เรารู้สึกว่าการเสียสละของเอเรนมันมีความหมายจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบกันนะคะ ถ้ามีอะไรอยากพูดคุยเพิ่มเติม หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสามารถคอมเม้นต์มาได้เลยน้า
*ปล.นี่เป็นเพียงทฤษฎีที่เราคิดขึ้นมาเองไม่ได้รับประกันว่าถูก100%