น้ำตาแด่คนขี้อาย By thairath

https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/2846683
ตั้งแต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ย้ายจากใต้ถุนสนามศุภฯ มาสร้างที่ทำการใหม่ ใหญ่โต หรูหรา อลังการ
เหลือเชื่อนะครับว่าผมไม่เคยย่างกรายมาสถานที่แห่งนี้เลย รวมๆแล้ว 8 ปีเห็นจะได้

จนกระทั่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกลูกหนัง ส่งรถมารับผมถึงบ้าน เพื่อให้ไปนั่งฟังการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี
พร้อมประเด็นสำคัญเรื่องที่สมาคมฯ (ชุดก่อน) แพ้คดีมหากาพย์ต่อ “สยามสปอร์ต” ต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีกบานตะเกียง

เรื่องผลงานระดับ A+ กลายเป็นประเด็นรองไปเลยครับ
เพราะผู้สื่อข่าวทุกสำนักต่างทราบดีอยู่แล้วว่า“นายกแป้ง”ตั้งอก ตั้งใจ ทำงานในหน้าที่ประมุขฟุตบอลไทยมากเพียงไหน?

ซึ่งผลสำรวจจากแฟนกีฬาผ่าน KBU Sport Poll มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต สะท้อนความพึงพอใจที่ออกมาได้อย่างดีเยี่ยมที่สุดแล้ว
และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการได้รับรางวัลสมาคมฟุตบอลยอดเยี่ยมของ AFC ระดับ Diamond

ที่ถือเป็นผลงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯชุดปัจจุบัน แบบเต็มๆ

ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้เครดิตใคร หรือให้เครดิตผู้บริหารชุดก่อนใดๆทั้งสิ้น

ก่อนจะร่ายยาวด้วยความอัดอั้นตันใจถึงสิ่งที่ตัวเธอเองได้รับตกทอดมา จากสมาคมลูกหนังชุดที่แล้วแบบเต็มๆ

โดยหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ มีการเปิดทรัพย์สินของสมาคมฯ ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงแค่ 27 ล้านบาท
แต่มรดกหนี้ที่ถูกทิ้งไว้มีตัวเลขสูงถึง 139 ล้านบาท
ซึ่งยังไม่รวมกับหนี้ก้อนใหม่ในคดี สยามสปอร์ต อีก 360 ล้าน ที่เพิ่งได้รับมา

นอกจากนี้ นายกฯคนเก่า ยังมีการกู้เงินจาก ฟีฟ่า ตั้งแต่ปี 2563 มาอีก 155 ล้านบาท
และต้องผ่อนชำระเป็นเวลา 10 ปี ไปสิ้นสุดที่ปี 2573

ทำให้เงินอุดหนุนที่จะได้จากฟีฟ่า มูลค่ากว่า 42 ล้านบาท ต้องถูกลดทอนลงเหลือแค่เพียง 25 ล้านบาทต่อปี
เรื่องเศร้ายังไม่หมดแค่นั้น เพราะนอกจากจะแพ้คดีในศาลฎีกาแล้ว
“มาดามแป้ง” ยังให้ เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน แถลงให้สื่อฟังอย่างหมดเปลือกว่า

ได้พบพิรุธผู้บริหารชุดเก่า ว่ามีการอนุมัติเงิน 30 ล้านบาทให้กับทนายความในการต่อสู้คดีนี้

ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นการฉ้อโกง หรือมีผลประโยชน์แอบแฝงกับเงินก้อนนี้หรือไม่ อย่างไร?

ส่วนเรื่อง สัญญาสิทธิประโยชน์กับแพลนบี สมาคมเดิมต่อเอาไว้จนถึงปี 2571
ตนไม่อยากให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดียวกับที่เกิดขึ้นกับสยามสปอร์ต
จึงมีการเจรจาปรับสัญญาใหม่ให้สมาคมฯ ได้สิทธิประโยชน์มากขึ้น ลดรายได้ของแพลนบีลง และดึงสิทธิบางอย่างกลับมาเป็นของสมาคมฯ

นอกจากนี้ยังมีการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากต่างประเทศคืนกลับมา

แต่ Data Analysis (การวิเคราะห์ข้อมูล) เพื่อนำข้อมูลไปสู่ Betting Live (การพนันออนไลน์)
ซึ่งมีการขายให้กับบริษัทจากมาเลเซียไปแล้ว ไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้

ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของนายกคนเก่าได้รับเงินเดือนจากสมาคม และ บ.ไทยลีก เดือนละ 1 ล้านบาท
โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าต้องคืนให้สมาคมฯ 32 ล้านบาท

แต่เท่าที่เช็คดูแล้วยังไม่ได้รับคืนมาแต่อย่างใด ก็จะต้องไปตามเงินก้อนนี้คืนกลับมา

ซึ่งการแถลงข่าวทั้งหมด “นายกแป้ง” ระบายปัญหาที่ต้องเจอออกมาทั้งน้ำตาคลอเบ้า
คนที่ดูผ่านการไลฟ์สด ก็คงเห็นชัดเจนเหมือนกับผมที่นั่งอยู่หน้าเวที ถึงสีหน้าและแววตาที่เคร่งเครียด จนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน

โดยเฉพาะช่วงที่เผยถึงการแพ้คดีสยามสปอร์ต ต้องชดใช้ 360 ล้าน บวกดอกเบี้ยอีกราว 200 ล้าน
ที่ทำให้ตัวเองยิ้มไม่ออก และน้ำตาตกใน เพราะเป็นหนี้ก้อนยักษ์ที่สมาคมฯชุดนี้ไม่ได้ก่อ แต่ต้องมารับกรรมแทน

ดังนั้น ตนได้ตัดสินใจจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมสภากรรมการ เพื่อขอความเห็นชอบในการฟ้องร้องไล่เบี้ยคืนจากผู้บริหารชุดเก่า อย่างแน่นอน
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อว่าแฟนบอลและมหาชนคนไทยทั้งประเทศ
ต่างชูจั๊กกะแร้เชียร์ “มาดามแป้ง” ว่าสมควร (ต้อง) ทำเป็นอย่างยิ่ง!

อย่างน้อย “คนขี้อาย” บางจำพวก พร้อมผู้ที่ชอบชักใยอยู่ข้างหลัง จะได้สำเหนียกตัวเอง ขึ้นมาซะบ้าง

ไม่ใช่ลอยตัวยิ้มกริ่มเหนือปัญหา ทั้งที่จงใจ “วางยา” ให้คนอื่น

เจอแต่ความเดือดร้อน...มันร่ำไป !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่