ถึงเวลาเปลี่ยนรถใหม่แล้ว
ห่างหายจากพันทิปไปนาน ในที่สุดก็ได้เปลี่ยนรถใหม่ซะที
จากคันเก่าของผม
Merida Crossway300 ก็ใช้มาเกือบ 12 ปี

(ภาพตอนใหม่ๆ นะครับ)
จริงๆ มันก็ยังพอขี่ได้นะ
ความที่ผมจอดตากแดดมาตลอด ก็เลยทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ มันกรอบไปหมด
แม้กระทั่งสีตัวถังก็ยังแตกลายงาเลย
ก็เลยเป็นที่มาของการแสวงหารถใหม่
ซึ่งสมัยนี้มีให้เลือกมากกว่าสิบปีก่อนเยอะ
ผมตั้งธงไว้ก่อนเลยว่ามันต้องเป็นไฮบริดแบบถนน
หรือเรียกง่ายๆ ว่าหมอบแฮนด์ตรงนั่นแหละครับ
เพราะคันเก่าเป็นไฮบริดภูเขา ตอนที่เลือกก็คิดว่าน่าจะดี
แต่จริงๆ มันมีจุดที่ผมไม่ค่อยชอบอยู่หลายอย่างจากการใช้งานจริง
เช่น
ตะเกียบโช้คหน้า พอใช้งานจริงๆ ได้ไม่นานมันก็เหมือนเป็นตัวถ่วงมากกว่า
พอออกแรงปั่นบนถนนก็เหมือนมันจะยุบๆ กินแรงไปพอสมควร
ก็เลยต้องล็อคเอาไว้ตลอด (แล้วจะซื้อโช้คมาทำไม)
พอมองหาใหม่ก็ไม่เอาแล้วโช้คหน้า
หลักอานมีโช้ค แรกๆ ที่ปั่นก็เหมือนจะดีนะครับ อานมันดึ๋งๆ นิ่มดี
แต่พอปั่นทางไกลแบบจริงจัง กลับกลายเป็นว่ามันกินแรงปั่นตอนเรากดเน้นๆ
สุดท้ายก็ต้องไปเปลี่ยนเป็นหลักอานธรรมดาๆ
ลืมบอกไปว่าคันนี้ผมซื้อรถไซส์เล็ก จึงต้องยืดหลักอานจนเกือบสุด
แล้วเบรคต้องเป็นดิสน้ำมันเท่านั้น เพราะผมไม่ประทับใจดิสดึงสายที่ใช้อยู่ (ใน Synapse)
ส่วนพวกชุดขับนี่ผมไม่ซีเรียส กี่เกียร์ก็ปั่นได้ ว่างั้น

(Synapse ตอนใหม่ๆ เช่นกัน)
พอเข้า Google หา หมอบแฮนด์ตรง ก็ขึ้นมาหลายยี่ห้อ
ผมจำกัดราคาไว้ว่าไม่ควรเกิน 12k เพราะคันเก่าก็ประมาณ 14k
มีตัวเลือกยี่ห้อที่คุ้นเคย เช่น
- Trek FX2 Disc (ตัวนี้อยากได้ แต่ติดที่ราคาสูงไปนิด)
- Bianchi C Sport 2 (มีแต่สีเขียว ซึ่งผมไม่ชอบ)
- Araya CX (เลิกคิดไปเลยเพราะราคาสูงมาก)
- Giant Escape 2 Disc (ราคาสูงเกินงบ)
- Merida Speeder (หาไม่เจอเลย)
- Java Siluro2 Hybrid (คันนี้ดูดีที่สุด)
แต่สรุปว่าในงบเท่านี้ ไม่สามารถซื้อรถในกลุ่มด้านบนได้เลย
ถึงแม้จะลดราคาแต่ก็เกินงบไปเยอะ
ผมก็เลยต้องเปลี่ยนแผนมามองรถใหม่ค้างปีดูบ้าง
เผื่อจะได้รถราคาถูกลงอีก
ผมลองหาใน Facebook อยู่ไม่นานก็เจอเป้าหมาย
เป็นร้านต่างจังหวัดร้านนึง มี Giant Escape 2 Disc 2022 ใหม่
ในราคา 9,990
ผมรีบติดต่อไปทันที มีไซส์ L เหลืออยู่คันเดียว
เอาล่ะสิ ผมเคยได้ยินว่า Giant มันเป็นไซส์ยุโรป
ผมจึงรีบเข้าไปหาข้อมูล
ผมสูง 172 ซม. มันจึงอยู่ในช่วง M ต้นๆ
ผมจึงคิดว่าผมไม่เหมาะกับ ไซส์ L แน่ๆ
และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
ถ้าเราขี่รถเล็ก มันยังพอจะปรับหลักอาน สเตม หรือแฮนเดิลบาร์ได้
แต่ถ้าเราขี่รถใหญ่ มันแทบจะปรับอะไรไม่ได้เลย
ดังนั้นผมจึงได้แต่เสียดาย ไม่กล้าซื้อไซส์ L
วันรุ่งขึ้นพอผมมาเปิดเฟศบุคอีกที ก็เหมือนมันรู้ใจ
ขึ้นฟีดของ Giant Escape มาอีกหลายร้าน
คราวนี้มีไซส์ S ราคาเท่ากัน แถมเป็นร้านในกทม.ด้วย
ผมจึงรีบติดต่อร้านไปทันที ว่าจะเข้าไปลองในวันอาทิตย์
Cool Cycling อยู่พุทธมณฑลสาย 2 นี่เอง ไม่ใกล้ไม่ไกล
พอได้เห็นรถ รู้สึกประทับใจมาก คือมันดูเรียบๆ ไม่สะดุดตาอะไรเลย
มีเหลืออยู่คันเดียว สีเทา เป็นรถโชว์หน้าร้านซะด้วย
พอผมลองคร่อมดูก็ตกลงเอาทันที
ระหว่างปรับแต่งรถ ทางร้านก็งัดเอาไม้ตายออกมา!
มันคือขาตั้งและชุดบังโคลนกับตะแกรงท้ายของ Giant (ซึ่งมันจะติดมากับรถในรุ่น City)
ผมรีบบอกให้ติดตั้งไปเลย (ยังไม่ถามราคาด้วยซ้ำ)
ด้วยความที่อยากได้บังโคลนที่เข้ากับรถมานานแล้ว
เพราะคันเก่าผมหาบังโคลนมาใส่ยังไงๆ ก็ไม่เข้าท่าซักที
พอใส่ตะแกรง+บังโคลน+ขาตั้งครบชุด
คันนี้ก็กลายเป็น Giant Escape 2 City Disc 2022 ไปเลย
พอติดตั้งทุกอย่างเรียบร้อย ก็สแกน QR จ่ายตังค์ พร้อมจะปั่นกลับบ้านทันที
ฟ้าก็มืดพอดี ร้านก็เลยแถมไฟหิ่งห้อยมาให้ผม 2 ดวง
ผมก็ปั่นกลับบ้านพร้อมรอยยิ้มไปตลอดทาง
สรุปรวมๆ เลยว่าคันนี้ขี่ง่ายกว่าคันเก่าเยอะ
อาจจะเป็นเพราะรถมันเตี้ยกว่าและน้ำหนักเบากว่ากันพอสมควร
เฟืองหลัง 8 จานหน้า 2 ก็น่าจะพอสำหรับการใช้งาน
ซึ่งผมก็ต้องปรับตัวพอสมควร เพราะจานหน้านี่มันไม่ชินจริงๆ
ใช้จานเล็กมันก็ดูเหมือนจะเล็กเกินไป เฟืองหลังอันแรกก็ใหญ่โตซะเหลือเกิน
ส่วนเรื่องตะเกียบหน้า ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันจะสะเทือนอะไรมากมาย
มีปัญหาอีกนิดนึงตรงหลักอาน ที่ผมจะต้องเอาตัวยึดไฟท้ายมาติด
ผมเคยได้ยินมานานแล้วว่าหลักอานของ Giant ไม่เหมือนชาวบ้าน
เพิ่งมาเห็นกับตาว่ามันเป็นยังไง แทนที่มันจะเป็นวงกลม
มันกลับแบนไปด้านนึง คล้ายๆ ตัว D
ก็เลยต้องตัดแหวนพลาสติกมารองด้านที่มันแหว่งถึงจะรัดได้แน่น
ที่เหลือก็คือฟิตติ้งระยะต่างๆ อีกเล็กน้อย
ซึ่งผมต้องเปลี่ยนบันไดคลีทจากคันเก่ามาใส่ก่อน
ส่วนพวกไมล์หรือวัดรอบขาคงไม่จำเป็นแล้ว
ออกมาปั่นเล่นอยู่ 3 คืน
สิ่งที่รู้สึกชัดๆ คือสะเทือนข้อมือครับ ฮ่าๆๆ จากตอนแรกที่คิดว่าไม่เท่าไหร่
แต่พอขี่เร็วๆ แล้วถึงกับสะท้านเลย แต่คิดว่าไม่นานก็ชิน
แล้วคันนี้ยิ่งปั่นเร็วยิ่งมันส์ คือมันเหมือนกับว่าสามารถปั่นได้เร็วขึ้นอีกเรื่อยๆ
ผมเชื่อแล้วว่ารถแต่ละคันมันมีบุคลิกของมัน
อย่าง Crossway300 มันปั่นเรื่อยๆ รู้สึกไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ ต้องใช้แรงเยอะยิ่งปั่นเร็วก็ยิ่งเหนื่อย
Synapse มันก็เด่นเรื่องแรงสะเทือน พอปั่นเร็วๆ แล้วเหมือนรถมันลอยได้ แทบไม่รู้สึกสะเทือนเลย
แต่ก็ต้องใช้แรงเติมเยอะอยู่
แต่เจ้า Escape 2.0 คันนี้ มันปั่นเบาๆ รู้สึกว่าไหลไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องใช้แรงมาก
ยิ่งตอนลงสะพาน ผมสับเกียร์สูงสุดปั่นลงนี่ฟินสุดๆ
ไม่คิดว่าจะปั่นได้เร็วขนาดนี้
ตอนปั่น Synapse ผมยังไม่กล้าปั่นเร็วมาก เพราะเบรคของมัน
แต่กับ Escape คันนี้ปั่นเร็วๆ สนุกมากครับ
นี่ขนาดยังไม่ได้ติดคลีทนะเนี่ย
สรุปว่าผมประทับใจเจ้า ยักษ์หลบหนี คันนี้มาก
เทียบราคากับสิ่งที่ได้มาคิดว่าคุ้มสุดๆ ครับ
[CR] ถึงเวลาเปลี่ยนรถใหม่
ห่างหายจากพันทิปไปนาน ในที่สุดก็ได้เปลี่ยนรถใหม่ซะที
จากคันเก่าของผม
Merida Crossway300 ก็ใช้มาเกือบ 12 ปี
(ภาพตอนใหม่ๆ นะครับ)
จริงๆ มันก็ยังพอขี่ได้นะ
ความที่ผมจอดตากแดดมาตลอด ก็เลยทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ มันกรอบไปหมด
แม้กระทั่งสีตัวถังก็ยังแตกลายงาเลย
ก็เลยเป็นที่มาของการแสวงหารถใหม่
ซึ่งสมัยนี้มีให้เลือกมากกว่าสิบปีก่อนเยอะ
ผมตั้งธงไว้ก่อนเลยว่ามันต้องเป็นไฮบริดแบบถนน
หรือเรียกง่ายๆ ว่าหมอบแฮนด์ตรงนั่นแหละครับ
เพราะคันเก่าเป็นไฮบริดภูเขา ตอนที่เลือกก็คิดว่าน่าจะดี
แต่จริงๆ มันมีจุดที่ผมไม่ค่อยชอบอยู่หลายอย่างจากการใช้งานจริง
เช่น ตะเกียบโช้คหน้า พอใช้งานจริงๆ ได้ไม่นานมันก็เหมือนเป็นตัวถ่วงมากกว่า
พอออกแรงปั่นบนถนนก็เหมือนมันจะยุบๆ กินแรงไปพอสมควร
ก็เลยต้องล็อคเอาไว้ตลอด (แล้วจะซื้อโช้คมาทำไม)
พอมองหาใหม่ก็ไม่เอาแล้วโช้คหน้า
หลักอานมีโช้ค แรกๆ ที่ปั่นก็เหมือนจะดีนะครับ อานมันดึ๋งๆ นิ่มดี
แต่พอปั่นทางไกลแบบจริงจัง กลับกลายเป็นว่ามันกินแรงปั่นตอนเรากดเน้นๆ
สุดท้ายก็ต้องไปเปลี่ยนเป็นหลักอานธรรมดาๆ
ลืมบอกไปว่าคันนี้ผมซื้อรถไซส์เล็ก จึงต้องยืดหลักอานจนเกือบสุด
แล้วเบรคต้องเป็นดิสน้ำมันเท่านั้น เพราะผมไม่ประทับใจดิสดึงสายที่ใช้อยู่ (ใน Synapse)
ส่วนพวกชุดขับนี่ผมไม่ซีเรียส กี่เกียร์ก็ปั่นได้ ว่างั้น
(Synapse ตอนใหม่ๆ เช่นกัน)
พอเข้า Google หา หมอบแฮนด์ตรง ก็ขึ้นมาหลายยี่ห้อ
ผมจำกัดราคาไว้ว่าไม่ควรเกิน 12k เพราะคันเก่าก็ประมาณ 14k
มีตัวเลือกยี่ห้อที่คุ้นเคย เช่น
- Trek FX2 Disc (ตัวนี้อยากได้ แต่ติดที่ราคาสูงไปนิด)
- Bianchi C Sport 2 (มีแต่สีเขียว ซึ่งผมไม่ชอบ)
- Araya CX (เลิกคิดไปเลยเพราะราคาสูงมาก)
- Giant Escape 2 Disc (ราคาสูงเกินงบ)
- Merida Speeder (หาไม่เจอเลย)
- Java Siluro2 Hybrid (คันนี้ดูดีที่สุด)
แต่สรุปว่าในงบเท่านี้ ไม่สามารถซื้อรถในกลุ่มด้านบนได้เลย
ถึงแม้จะลดราคาแต่ก็เกินงบไปเยอะ
ผมก็เลยต้องเปลี่ยนแผนมามองรถใหม่ค้างปีดูบ้าง
เผื่อจะได้รถราคาถูกลงอีก
ผมลองหาใน Facebook อยู่ไม่นานก็เจอเป้าหมาย
เป็นร้านต่างจังหวัดร้านนึง มี Giant Escape 2 Disc 2022 ใหม่
ในราคา 9,990
ผมรีบติดต่อไปทันที มีไซส์ L เหลืออยู่คันเดียว
เอาล่ะสิ ผมเคยได้ยินว่า Giant มันเป็นไซส์ยุโรป
ผมจึงรีบเข้าไปหาข้อมูล
ผมสูง 172 ซม. มันจึงอยู่ในช่วง M ต้นๆ
ผมจึงคิดว่าผมไม่เหมาะกับ ไซส์ L แน่ๆ
และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
ถ้าเราขี่รถเล็ก มันยังพอจะปรับหลักอาน สเตม หรือแฮนเดิลบาร์ได้
แต่ถ้าเราขี่รถใหญ่ มันแทบจะปรับอะไรไม่ได้เลย
ดังนั้นผมจึงได้แต่เสียดาย ไม่กล้าซื้อไซส์ L
วันรุ่งขึ้นพอผมมาเปิดเฟศบุคอีกที ก็เหมือนมันรู้ใจ
ขึ้นฟีดของ Giant Escape มาอีกหลายร้าน
คราวนี้มีไซส์ S ราคาเท่ากัน แถมเป็นร้านในกทม.ด้วย
ผมจึงรีบติดต่อร้านไปทันที ว่าจะเข้าไปลองในวันอาทิตย์
Cool Cycling อยู่พุทธมณฑลสาย 2 นี่เอง ไม่ใกล้ไม่ไกล
พอได้เห็นรถ รู้สึกประทับใจมาก คือมันดูเรียบๆ ไม่สะดุดตาอะไรเลย
มีเหลืออยู่คันเดียว สีเทา เป็นรถโชว์หน้าร้านซะด้วย
พอผมลองคร่อมดูก็ตกลงเอาทันที
ระหว่างปรับแต่งรถ ทางร้านก็งัดเอาไม้ตายออกมา!
มันคือขาตั้งและชุดบังโคลนกับตะแกรงท้ายของ Giant (ซึ่งมันจะติดมากับรถในรุ่น City)
ผมรีบบอกให้ติดตั้งไปเลย (ยังไม่ถามราคาด้วยซ้ำ)
ด้วยความที่อยากได้บังโคลนที่เข้ากับรถมานานแล้ว
เพราะคันเก่าผมหาบังโคลนมาใส่ยังไงๆ ก็ไม่เข้าท่าซักที
พอใส่ตะแกรง+บังโคลน+ขาตั้งครบชุด
คันนี้ก็กลายเป็น Giant Escape 2 City Disc 2022 ไปเลย
พอติดตั้งทุกอย่างเรียบร้อย ก็สแกน QR จ่ายตังค์ พร้อมจะปั่นกลับบ้านทันที
ฟ้าก็มืดพอดี ร้านก็เลยแถมไฟหิ่งห้อยมาให้ผม 2 ดวง
ผมก็ปั่นกลับบ้านพร้อมรอยยิ้มไปตลอดทาง
สรุปรวมๆ เลยว่าคันนี้ขี่ง่ายกว่าคันเก่าเยอะ
อาจจะเป็นเพราะรถมันเตี้ยกว่าและน้ำหนักเบากว่ากันพอสมควร
เฟืองหลัง 8 จานหน้า 2 ก็น่าจะพอสำหรับการใช้งาน
ซึ่งผมก็ต้องปรับตัวพอสมควร เพราะจานหน้านี่มันไม่ชินจริงๆ
ใช้จานเล็กมันก็ดูเหมือนจะเล็กเกินไป เฟืองหลังอันแรกก็ใหญ่โตซะเหลือเกิน
ส่วนเรื่องตะเกียบหน้า ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันจะสะเทือนอะไรมากมาย
มีปัญหาอีกนิดนึงตรงหลักอาน ที่ผมจะต้องเอาตัวยึดไฟท้ายมาติด
ผมเคยได้ยินมานานแล้วว่าหลักอานของ Giant ไม่เหมือนชาวบ้าน
เพิ่งมาเห็นกับตาว่ามันเป็นยังไง แทนที่มันจะเป็นวงกลม
มันกลับแบนไปด้านนึง คล้ายๆ ตัว D
ก็เลยต้องตัดแหวนพลาสติกมารองด้านที่มันแหว่งถึงจะรัดได้แน่น
ที่เหลือก็คือฟิตติ้งระยะต่างๆ อีกเล็กน้อย
ซึ่งผมต้องเปลี่ยนบันไดคลีทจากคันเก่ามาใส่ก่อน
ส่วนพวกไมล์หรือวัดรอบขาคงไม่จำเป็นแล้ว
ออกมาปั่นเล่นอยู่ 3 คืน
สิ่งที่รู้สึกชัดๆ คือสะเทือนข้อมือครับ ฮ่าๆๆ จากตอนแรกที่คิดว่าไม่เท่าไหร่
แต่พอขี่เร็วๆ แล้วถึงกับสะท้านเลย แต่คิดว่าไม่นานก็ชิน
แล้วคันนี้ยิ่งปั่นเร็วยิ่งมันส์ คือมันเหมือนกับว่าสามารถปั่นได้เร็วขึ้นอีกเรื่อยๆ
ผมเชื่อแล้วว่ารถแต่ละคันมันมีบุคลิกของมัน
อย่าง Crossway300 มันปั่นเรื่อยๆ รู้สึกไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ ต้องใช้แรงเยอะยิ่งปั่นเร็วก็ยิ่งเหนื่อย
Synapse มันก็เด่นเรื่องแรงสะเทือน พอปั่นเร็วๆ แล้วเหมือนรถมันลอยได้ แทบไม่รู้สึกสะเทือนเลย
แต่ก็ต้องใช้แรงเติมเยอะอยู่
แต่เจ้า Escape 2.0 คันนี้ มันปั่นเบาๆ รู้สึกว่าไหลไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องใช้แรงมาก
ยิ่งตอนลงสะพาน ผมสับเกียร์สูงสุดปั่นลงนี่ฟินสุดๆ
ไม่คิดว่าจะปั่นได้เร็วขนาดนี้
ตอนปั่น Synapse ผมยังไม่กล้าปั่นเร็วมาก เพราะเบรคของมัน
แต่กับ Escape คันนี้ปั่นเร็วๆ สนุกมากครับ
นี่ขนาดยังไม่ได้ติดคลีทนะเนี่ย
สรุปว่าผมประทับใจเจ้า ยักษ์หลบหนี คันนี้มาก
เทียบราคากับสิ่งที่ได้มาคิดว่าคุ้มสุดๆ ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้